“สาทิตย์” ประกาศระดมคนเติมเวทีหลักที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมเวทีย่อยที่ ก.คลัง-ศูนย์ราชการ-ก.พลังงาน รวมทั้งศาลากลางทั่วประเทศ แสดงพลังตั้งสภาประชาชนปฏิรูปการเมือง พรุ่งนี้เผยแผนไป สตช.และอีก 3 กระทรวงที่เหลือ
บรรยากาศการชุมนุมโค่นล้มระบอบทักษิณที่ถนนราชดำเนิน วันนี้ (27 พ.ย.) ในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมที่เคลื่อนขบวนไปยังกระทรวงต่างๆ ในช่วงเช้าได้เริ่มทยอยเดินทางกลับเข้าพื้นที่ชุมนุม โดยเมื่อขบวนผู้ชุมนุมต่างๆ เคลื่อนเข้าพื้นที่ ผู้ชุมนุมที่ปักหลักอยู่ได้ปรบมือพร้อมเป่านกหวีดต้อนรับ ทั้งนี้ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมกลับเข้าพื้นที่ก็ได้มีการแจ้งให้แก่ผู้ชุมนุมทราบด้วยว่าภารกิจสำเร็จ ส่งผลให้บรรยากาศในช่วงเย็นคึกคักขึ้น
ขณะที่บนเวทีปราศรัยยังคงมีกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทั้งการปราศรัย การแสดงดนตรี รวมทั้งการแจ้งข้อมูลข่าวสารสถานการณ์การเคลื่อนขบวนในจุดต่างๆ ว่าสถานการณ์ล่าสุดเป็นอย่างไรเป็นระยะ อย่างไรก็ตามผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ยังคงนั่งฟังการปราศรัยอยู่บริเวณด้านหน้าเวทีปราศรัย แต่ก็ได้มีผู้ชุมนุมอีกส่วนนั่งฟังการปราศรัยบริเวณด้านหลังเวทีด้วย นอกจากนี้ตั้งแต่ช่วงบ่ายได้มีประชาชนกลุ่มต่างๆ นำสิ่งของมาบริจาคเป็นระยะๆ
ต่อมาเวลา 20.00 น. ประชาชนจำนวนมากทยอยเดินทางเข้าร่วมการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สมทบกับประชาชนที่ปักหลักชุมนุมเดิม ทำให้ผู้ชุมนุมเนืองแน่นเต็มพื้นที่ ทั้งนี้ เพื่อรอการปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำเครือข่ายต่อต้านระบอบทักษิณที่จะมีการเชื่อมสัญญาณสดจากเวทีศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ มายังเวทีการชุมนุมเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเวทีที่กระทรวงการคลัง
ด้านอาสาสมัครรักษาความปลอดภัยการชุมนุมได้เพิ่มความเข้มงวดและตรวจตราประชาชนที่เข้า-ออกพื้นที่ชุมนุมให้มากขึ้น เพื่อป้องกันบุคคลไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ความรุนแรง โดยแกนนำผู้ชุมนุมและแนวร่วมได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นเวทีเล่าถึงการเคลื่อนไหวปิดล้อมกระทรวงต่างๆ และสถานที่ราชการวันนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เช่น โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล รวมถึงแนวทางการเคลื่อนไหวต่อจากนี้จะขับเคลื่อนไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ จึงถือว่าได้ประสบความสำเร็จการเรียกร้องทางการเมืองในครั้งนี้ ด้วยการจัดตั้งสภาประชาชนปฏิรูปการเมืองไทย ขับไล่รัฐบาล และให้ยุบพรรคเพื่อไทย
จากนั้นเวลา 19.50 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าแกนนำบนเวทีต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ได้เชื่อมสัญญาณสดจากเวทีศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ มายังเวทีการชุมนุมเวทีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและทุกเวทีเครือข่ายการชุมนุมการเมือง เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองและท่าทีในการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนต่อมวลชนต่อไป
ต่อมานายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำการชุมนุม ได้ขึ้นเวทีปราศรัยเชิญชวนให้ประชาชนทั่วประเทศออกมาร่วมการชุมนุมทางการเมืองในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.) โดยประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียงให้มาร่วมชุมนุมทั้งในเวทีหลักบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเวทีย่อยต่างๆ เช่น เวทีสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง, เวทีกระทรวงพลังงาน, เวทีศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พร้อมระบุว่าหากประชาชนไม่สะดวกเดินทางมาเวทีชุมนุมในกรุงเทพมหานครให้ไปร่วมชุมนุมได้ที่ศาลากลางทุกจังหวัด เพื่อรวมพลังประชาชนแสดงการจัดตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปการเมืองไทย และจะไม่ทิ้งเวทีชุมนุมหลักบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการกำหนดยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวทางการเมือง
ทั้งนี้ เวลา 10.00 น.พรุ่งนี้จะประกาศความชัดเจนอีกครั้งว่าจะเคลื่อนขบวนประชาชนไปปิดล้อมสถานที่ใดบ้าง โดยคาดว่าอาจจะเคลื่อนไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)และกระทรวงที่เหลืออีก 3 กระทรวงตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรืออาจเป็นสถานที่อื่นก็เป็นได้ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณถนนสีลมจะเคลื่อนขบวนไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมเวทีกระทรวงพลังงานต่อไป
สำหรับทางด้านการเคลื่อนไหวที่หน้ากระทรวงพลังงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา18.00 น. เเกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ(กปท.)ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าในวันนี้ได้ทำภารกิจเสร็จสิ้นในคือการตัดน้ำตัดไฟ ที่กระทรวงพลังงาน เเละในคืนนี้จะไม่มีการปักหลักค้างคืนกันที่บริเวณหน้ากระทรวงพลังงานเเห่งนี้ เเละคาดว่าเวลา20.00น.ทางมวลชนจะเคลื่อนขบวนเดินทางกลับไปยังที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้(28พ.ย.)ทางมวลชน กปท.จะมีการเคลื่อนขบวนไปยังที่สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ(สตช.)โดยจะตั้งขบวนเวลาประมาณ10.00น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศบริเวณหน้าประตูกระทรวงพลังงานที่มวลชน กปท.ปักหลักเเละตัดไฟอยู่นั้นไม่มีเเสงไฟ เเละมืดมาก ซึ่งเป็นที่น่าวิตกว่าจะมีอันตรายทางแกนนำจึงตัดสินใจเคลื่อนมวลชนกลับไปยังที่ตั้งสะพานมัฆวานรังสรรค์ ขณะที่ภายในกระทรวงพลังงานยังมีเเสงไฟเปิดอยู่ซึ่งคาดว่ามีการนำไฟสำรองมาใช้
