รองนายกฯ เผยเลื่อนถกเวทีปฏิรูปไปหลัง 15 พ.ย. จ่อไปง้อ “พิชัย” โอ่บริหารไม่ได้ขัดแย้งนิติบัญญัติไม่ต้องยุบสภา ด้าน “วราเทพ” ยังเชื่อมีคนร่วมวงเพิ่ม ลั่นไม่หยิบนิรโทษกรรมมาพิจารณาอีกแน่ หวั่นกระแสหนักกว่าเดิม กล่อมมาตรา 3 ไม่โยงโกงรัฐบาลนี้ ไฟเขียวแดงจัดม็อบประชัน
วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 10.30 น. นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี แถลงว่า สำหรับเวทีปฏิรูปหาทางออกประเทศไทย ที่มีคณะทำงาน 6 คณะ เดิมทีจะเริ่มการทำงานภายในครึ่งเดือนแรกของเดือน พ.ย.นี้ แต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยจึงต้องเลื่อนการประชุมของคณะทำงานออกไปเป็นหลังวันที่ 15 พ.ย.แทน เชื่อว่าตอนนั้นสถานการณ์ต่างๆ คงจะทุเลาลง เพราะประเด็นปัญหาเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผลที่จะตามมาหากวุฒิสภาไม่รับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือ จะต้องถูกยับยั้งไว้ 180 วัน ทางนายกฯ และพรรคเพื่อไทยประกาศชัดเจนแล้วว่าจะเคารพมติของวุฒิสภา ดังนั้น แม้จะผล 180 วันไปแล้ว แต่จะไม่มีการหยิบยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นมาพิจารณาอีก เท่ากับร่างตกไป กฎหมายฉบับนี้คงเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ไม่มีโอกาสบังคับใช้อย่างแน่นอน ส่วนกรณีนายพิชัย รัตตกุล อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ลาออกจากเวทีปฏิรูปนั้น เป็นเพราะมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม แต่เราเข้าใจดี หากท่านมีคำแนะนำอะไรตนยินดีไปพบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยจะกลับไปร่างกฎหมายใหม่เพื่อนิรโทษกรรมให้แก่ประชาชนอย่างเดียวหรือไม่ นายพงศ์เทพกล่าวว่า ขณะนี้เรื่องอยู่ในการพิจารณาของวุฒิสภา และท่าทีของวุฒิสภาเองต้องการตัดความเคลือบแคลงสงสัยและระแวงออกทั้งสิ้นคือ ไม่รับร่างเลย ตรงนี้จึงไม่มีประเด็นที่จะทำอย่างที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์เสนอมา
เมื่อถามว่า เหตุผลของกลุ่มผู้ชุมนุมขณะนี้เพียงพอต่อการยุบสภาแล้วหรือยัง นายพงศ์เทพกล่าวว่า การยุบสภาต้องเป็นกรณีฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติมีความเห็นที่แตกต่างกันจำเป็นต้องให้ประชาชนตัดสิน หรือเรื่องสำคัญที่เป็นปัญหาวิกฤตจริงๆ แต่ขณะนี้ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติไม่ได้มีความขัดแย้งที่ทำให้การบริหารประเทศขับเคลื่อนไม่ได้ แต่เป็นเรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่น่าจะยุติลงได้ ฉะนั้น เรื่องยุบสภาจึงไม่น่าจะเป็นประเด็นที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาใดๆ
ด้านนายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การชะลอการประชุมคณะทำงานย่อยของเวทีปฏิรูปการเมืองออกไปจะไม่กระทบกับการรวบรวมประเด็นของฝ่ายเลขานุการ เพราะระหว่างนี้ยังมีการทำงานกันอยู่ และตนยังมองอีกว่า จะมีผู้เข้าร่วมเวทีปฏิรูปการเมืองมากขึ้นเพราะเงื่อนไขในเรื่องร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหมดไปแล้ว ส่วนกรณีนายสุเทพไม่เชื่อใจรัฐบาลที่อาจจะหยิบร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมขึ้นมาใหม่หลังครบ 180 วันแล้วนั้น ตนยืนยันว่าจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะเป็นสัญญาประชาคมที่พรรคการเมืองให้ไว้อย่างชัดเจนขณะนี้ ซึ่งไม่เหมือนกับที่ผ่านมาที่มองว่าพูดแล้วกลับไปกลับมา อีกทั้งนายกฯ ยืนยันชัดเจนว่าเห็นด้วยกับเสียงสะท้อนของประชาชน
“อยากให้ผู้ที่ติดตามสถานการณ์ไว้วางใจว่าเกิดขึ้นไม่ได้แน่นอน วันนั้นหากมีใครหยิบยกขึ้นมาอีก กระแสต่อต้านก็จะมากกว่าที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ที่มีกระแสข่าวการแก้ไขในมาตรา 3 เพื่อให้ครอบคลุมถึงโครงการรับจำนำข้าวนั้น ไม่เป็นความจริงแน่นอน เพราะข้อกล่าวหาดังกล่าวเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ ไม่เกี่ยวกับการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ขณะเดียวกัน เรื่องนี้ฝ่ายค้านยังยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยประชุมสภานี้ได้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกระบวนการตรวจสอบรัฐบาลโดยสภา” นายวราเทพกล่าว
นายวราเทพกล่าวถึงการตั้งเวทีคู่ขนานของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 10 พ.ย.นี้ว่า เป็นสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของบุคคล ในการให้ข้อมูลต่อคนอีกฝ่ายที่เห็นต่าง ประชาชนสามารถใช้ดุลยพินิจในการเข้าร่วมได้อยู่แล้ว ซึ่งเราเรียกร้องให้พรรคการเมืองใช้เวทีของสภา แต่ก็มีสิทธิของประชาชนอยู่ แต่การตั้งเวทีนั้นควรเคารพสิทธิของผู้อื่น