ส.ส.ฝ่ายค้านซักฟอกนายกฯ กู้ 2 ล้านล้าน เอื้อโกง-เพื่อตัวเอง-สร้างหนี้ แฉนักนักธุรกิจ “ศ.” กว้านซื้อที่ดินล่วงหน้า นักการเมือง “ด.” เก็บค่าหัวคิว หวังเก็งกำไร บิดเบือนผลศึกษาความเหมาะสม แก้ไขเส้นทางแต่ยังคงตัวเลขลงทุน “ชัชชาติ” อ้างทุกโครงการต้องผ่าน สศช.ยันตัวเลขผลการศึกษามีข้อมูลรับรอง ตะแบงอย่าไปเชื่อว่ามีโกง
วันนี้ (27 พ.ย.) นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ข้อกล่าวหาในโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทด้วยเหตุผล 4 ข้อ 1.เอื้อให้มีการทุจริต 2.ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง 3.สร้างหนี้ให้ประชาชนจากเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และ 4.ตบตาประชาชนเพื่อสร้างคะแนนนิยม เพราะทราบว่าโครงการดังกล่าวมีเงินทอน 30% หรือ 6 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้ เพราะแค่โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงอย่างเดียวมีเงินทอนสูงถึง 330,000 ล้านบาทแล้ว และวิธีโกงในโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ก็มีทั้งการเพิ่มเงินลงทุน เช่น ค่าที่ดิน ค่าเวนคืน ค่าจ้างที่ปรึกษา และการปิดโอกาสไม่ให้เอกชนมาลงทุน โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงทั่วโลกให้เอกชนลงทุน ไม่ให้รัฐบาลรับความเสี่ยง แต่ประเทศไทยเลือกลงทุนเอง เพราะถ้าให้เอกชนลงทุนจะศึกษาทุกอย่างรอบคอบ เพื่อประหยัดเงินลงทุน ทำให้เงินทอนลดลงตามไปด้วย สิ่งที่น่าห่วงคือ นายกฯจะซื้อขบวนรถไฟความเร็วสูงก่อนการก่อสร้างสถานีและทางรถไฟ น่าห่วงว่า ถ้าสถานีและทางรถไฟมีปัญหา ขบวนรถไฟที่ซื้อมาจะกลายเป็นเศษเหล็ก และทราบมาอีกว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงนี้จะมีนักธุรกิจ “ศ.” ไปกว้านซื้อที่ดินล่วงหน้า เพื่อให้นักการเมือง “ด.” กินค่าหัวคิว
ขณะเดียวกัน จากการติดตามตรวจสอบโครงการดังกล่าว ได้มีการจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเหมาะสมด้วย แต่ปรากฏว่าศึกษาแล้วเกิดความไม่คุ้มค่าที่จะลงทุนในทุกเส้นทาง และยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของสภาพัฒน์ที่กำหนดให้ต้องมี ค่า EIIR หรือผลตอบแทนการลงทุนโครงการในแง่เศรษฐศาสตร์ที่คำนึกถึงสิ่งแวดล้อม การใช้น้ำมัน ลดเวลาการเดินทาง ลดมลพิษ มากกว่า 12% ของแต่ละโครงการ แต่ก็ด้วยคำสั่งผู้มีอำนาจก็ทำให้ตัวเลข EIIR มากกว่า 12% ได้ โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูงสาย กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่มีค่า EIIR เพิ่มขึ้นจาก 7.5% เป็น 12.5% อย่างฉิวเฉียด ขณะที่รถไฟสายอื่นๆ ยังสอบตกอยู่
นอกจากนี้ โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่มีระยะทางรวม 1,447 กม.ใช้วงเงินจำนวน 783,552.73 ล้านบาท แต่เมื่อมีการเสนอกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทผ่านสภา กลับมีการแก้ไขข้อความเส้นทางก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย ก่อนที่จะขยายไปถึงปาดังเบซาร์ในระยะต่อไป แต่กลับไม่มีการเสนอแก้ไขตัวเลขลงทุน ทั้งที่ระยะทาง ค่าเวนคืน ค่าก่อสร้างได้เพิ่มขึ้นซึ่งการที่รัฐบาลให้ความหวังประชาชนว่าจะสร้างรถไฟความเร็วสูงเสร็จภายใน 7 ปี หรือ พ.ศ. 2563 นั้น คิดว่ารัฐบาลควรหยุดหลอกประชาชนได้แล้ว
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ยืนยันแต่ละโครงการที่อยู่ในโครงการกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีคณะกรรมการคอยตรวจสอบ ทุกโครงการต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่ามีผู้มีอำนาจให้คณะที่ปรึกษาเปลี่ยนข้อมูลตัวเลข EIIR นั้น ก็ยืนยันว่าตนเป็นผู้มีอำนาจในคณะที่ปรึกษา ไม่ใช่นายกฯ ซึ่งการศึกษา EIIR มีตัวเลขทางวิชาการรับรอง เปิดเผยข้อมูลการศึกษา และได้ผ่านการเสนอสภาพัฒน์ โครงการการไปฟังข้อมูลคนอื่นแล้วนำมาอภิปรายกล่าวหาว่า มีการเตรียมการทุจริต ก็ขอให้อย่าเพิ่งไปเชื่อ ถ้ามีข้อมูลตบตาทุจริตจริงก็ให้มาแจ้งตนให้ดำเนินการต่อไป