ส.ว.สรรหาชี้ “ค้อนปลอม” งดประชุมร่วมรัฐสภาพรุ่งนี้ อย่างดีก็แค่ไม่เติมเชื้อฟืนเข้ากองเพลิง จะให้ดีต้องกอดคอ “นิคม” สละเก้าอี้บัลลังก์ ซัดประกาศปฏิเสธอำนาจศาลขัดรัฐธรรมนูญ ใช้ดีเอสไอเอาผิด 5 ตุลาการไม่เหมาะสม หนำซ้ำไร้ความเป็นกลาง เทียบ “วิสุทธิ์” สังคมยอมรับมากกว่า ฝากถ้ารักชาติจริงก็ควรเสียสละตัวเอง
วันนี้ (27 พ.ย.) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และสภาผู้แทนราษฎร มีหนังสืองดการประชุมร่วมของรัฐสภาวันพรุ่งนี้ (28 พ.ย.) เวลา 13.00 น.ว่า แต่เดิมจากการให้สัมภาษณ์นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภา ว่าจะเสนอให้รัฐสภาลงมติปฏิเสธอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ตนเห็นว่าการงดการประชุมร่วมของรัฐสภาพรุ่งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอย่างน้อยก็จะไม่เป็นการเติมเชื้อฟืนเข้าไปในกองเพลิงแห่งความไม่พอใจของประชาชน แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ อยากขอความกรุณาให้ทั้งนายสมศักดิ์และนายนิคมได้โปรดพิจารณาตัวเองลาออกจากตำแหน่งประธานสภาทั้งสอง
ทั้งนี้ ด้วยเหตุผลที่สำคัญ คือ การปฏิบัติหน้าที่ของทั้งสองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีส่วนซ้ำเติมสถานการณ์เลวร้ายลงไป ไม่ว่าเรื่องการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในรัฐสภา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในสภาผู้แทนราษฎร ประการต่อมา ในเมื่อทั้งสองซึ่งเป็นประธานของสองสภา ได้ประกาศออกมาโดยชัดแจ้งถึงการปฏิเสธอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ก็เท่ากับเป็นการกระทำขัดกับรัฐธรรมนูญ และดำเนินการให้ทนายความไปร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ ซึ่งเป็นองค์กรในสังกัดฝ่ายบริหารของกระทรวงยุติธรรม ให้ไปดำเนินคดีต่อตุลาการเสียงข้างมากของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ฝ่ายตุลาการ เป็นการไม่เหมาะไม่ควรอย่างยิ่ง
“ในขณะที่ทั้งสองเรียกร้องไม่อยากให้อำนาจตุลาการแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ แต่กลับไปเรียกร้องให้อำนาจบริหารเข้าไปแทรกแซงการวินิจฉัยอรรถคดีของฝ่ายตุลาการ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่น่าจะมีความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งต่อไป” นายคำนูณกล่าว
นายคำนูณกล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่บ้านเมืองเกิดวิกฤต และอาจจะวิกฤตมากขึ้น ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา แทนที่จะองค์กรที่จะสามารถเป็นตัวกลางในการแก้ปัญหาได้ ก็กลับไม่สามารถทำได้ เพราะว่าประธานของทั้งสององค์กรกลับเป็นคู่กรณี และไม่ได้รับการยอมรับนับถือจากสังคม เท่ากับสังคมหมดกลไกในการแก้ปัญหาอย่างน้อยสององค์กร
“จึงเห็นสมควรว่า หากทั้งสองท่านมีความรักชาติ มีความเห็นแก่ส่วนรวมจริงๆ ท่านควรจะได้พิจารณาเสียสละตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง” นายคำนูณกล่าวเรียกร้องต่อนายสมศักดิ์และนายนิคม
นายคำนูณกล่าวว่า ไม่ว่าจะมีความคิดทางการเมืองอย่างไรโดยส่วนตัว แต่โดยธรรมเนียมปฏิบัติทั่วโลก เมื่อมานั่งตำแหน่งประธานสภาฯ จะต้องเอาความคิดส่วนตัววางไว้ข้างนอก และปฏิบัติหน้าที่ประธานสภาฯ ซึ่งเป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติอย่างเป็นกลางที่สุด แต่ทั้งสองไม่ได้ทำเช่นนั้น ซึ่งเป็นเรื่องวัตรปฏิบัติส่วนตัว จะเห็นได้จากประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 3 คนล้วนแล้วแต่สังกัดพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น แต่ทำไมพรรคฝ่ายค้านหรือประชาชนที่ติดตามโดยทั่วไป นักวิชาการให้การยอมรับในการปฏิบัติหน้าที่ของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 มากกว่าคนอื่น ทั้งที่นายวิสุทธิ์มาจากพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน
ทั้งนี้ เพราะการทำหน้าที่ในฐานะประธานที่ประชุมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ให้เห็นว่านายวิสุทธิ์พยายามรักษาความเป็นกลางมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ สังคมก็ยอมรับ แต่นายสมศักดิ์และนายนิคมไม่ได้รับการยอมรับในส่วนนี้ ก็ควรเสียสละเพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งหากปฏิบัติหน้าที่ได้ดี หรือเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากภาคส่วนในสังคมมากกว่า ก็อาจจะเป็นหนึ่งในกลไกที่จะมีส่วนเข้ามาแก้วิกฤตของสังคมไทยได้