ASTVผู้จัดการรายวัน-"ส.ว.คำนูณ"จี้ "สมศักดิ์-นิคม" สละเก้าอี้ เพื่อชาติ หลังพาสมาชิกแถลงไม่รับคำตัดสินของศาลรธน. กรณีแก้ไขที่มาของ ส.ว. จนทำให้เกิดวิกฤติการเมือง และวิกฤติศรัทธาในตัวประธานสภาฯและประธานวุฒิสภาเอง ที่ไม่มีใครให้ความเคารพ เกรงใจแล้ว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า คงจะเสร็จตามกรอบก่อนเวลา 24.00 น.ของวันที่ 27พ.ย. เพื่อที่จะได้ลงมติในวันที่ 28 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า การนัดประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 28 พ.ย.นี้ หลังจากมีการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ค้างอยู่ในวาระการประชุมของสภา หรือ จะเป็นการให้สมาชิกรัฐสภา ลงมติไม่เห็นชอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาส.ว. ที่เพิ่งตัดสินไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา
ด้านนายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะลงมติ ในวันที่ 28 พ.ย. เวลา 09.30 น. และหลังจากลงมติแล้ว จะไม่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา แม้จะมีการแจ้งระเบียบวาระไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะพิจารณากรอบการเจรจาการค้าตาม มาตรา 190 แต่ตนได้ประสานกับผู้นำฝ่ายค้านแล้ว และแจ้งต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอยกเลิกไปแล้ว
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ก็ได้ยืนยันว่า ได้มีคำสั่งยกเลิกประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 28 พ.ย.แล้ว
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการงดประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้(28 พ.ย.) ว่า ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะก่อนหน้านั้น มีการลงมติไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากทำเช่นนั้นเป็นการเติมเชื้อเพลิงเข้าในกองไฟ ทำให้สถานการณ์เกิดความตึงเครียด ส่วนตัวมองว่าการงดการประชุมร่วม ไม่น่าเพียงพอ สิ่งที่อยากเห็น และให้สถานการณ์ดีขึ้น คือประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา ควรจะลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเหตุการณ์ที่พัฒนาถึงจุดนี้ในรอบหลังๆ มานี้ 3-4 เดือนที่ผ่านมานั้น เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ถูกต้องของประธานทั้งสองหลายเรื่อง อย่างต่อเนื่อง และเรื่องที่ร้ายแรงที่สุด กรณีที่การเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติสองสภา กลับแถลงในลักษณะขัดต่อรัฐธรรมนูญ คือ เป็นผู้นำแถลงไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเสียเอง และยังดำเนินการไปแจ้งความ หรือร้องเรียน ต่อดีเอสไอ องค์กรในสังกัดของฝ่ายบริหาร ให้ดำเนินคดีกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ทั้งที่ตุลาการได้ใช้อำนาจตุลาการ
"ขณะที่เรียกร้องให้ผู้อื่นปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับปฏิบัติขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง ไม่มีความชอบธรรมที่จะปฏิบัติหน่าที่ต่อไป ในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤต ใน 1- 2 วันนี้ สภาทั้ง 2 สภา มีประมุขของสภา ที่มีบารมีเป็นที่ยอมรับกับหลายฝ่าย สภาหรือตำแหน่งประธานแห่งสภาทั้ง 2 อาจจะใช้เป็นตัวกลางของการแก้ปัญหา แม้เป็นเจ้าภาพในการเกิดการพูดคุยกับฝ่ายต่างๆได้ เพราะฝ่ายบริหารมีฝั่กฝ่ายโดยตรงกับฝ่ายที่ต่อต้าน หากวุฒิสภาที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัยมีประธานวุฒิสภา ที่ทุกอย่างให้การเคารพ หรือเกรงใจ ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนั้นจะมีแนวคิดไปในแนวทางใด อย่างสภาผู้แทนราษฎร แม้จะสังกัดพรรครัฐบาลทั้ง 3 คน แต่ทำไม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯคนที่ 2 ได้รับการยอมรับสูง แสดงให้เห็นว่า เป็นวัตรปฏิบัติเฉพาะตัว ทั้งนี้ ทั้ง 2 คนนั้น ควรลาออกเพื่อชาติและส่วนรวม หากท่านรักชาติ และเห็นกับประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง" ส.ว.คำนูณ กล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า คงจะเสร็จตามกรอบก่อนเวลา 24.00 น.ของวันที่ 27พ.ย. เพื่อที่จะได้ลงมติในวันที่ 28 พ.ย.
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า การนัดประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 28 พ.ย.นี้ หลังจากมีการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่ค้างอยู่ในวาระการประชุมของสภา หรือ จะเป็นการให้สมาชิกรัฐสภา ลงมติไม่เห็นชอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มาส.ว. ที่เพิ่งตัดสินไปเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา
ด้านนายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะลงมติ ในวันที่ 28 พ.ย. เวลา 09.30 น. และหลังจากลงมติแล้ว จะไม่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา แม้จะมีการแจ้งระเบียบวาระไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะพิจารณากรอบการเจรจาการค้าตาม มาตรา 190 แต่ตนได้ประสานกับผู้นำฝ่ายค้านแล้ว และแจ้งต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอยกเลิกไปแล้ว
ขณะที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ก็ได้ยืนยันว่า ได้มีคำสั่งยกเลิกประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 28 พ.ย.แล้ว
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงการงดประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้(28 พ.ย.) ว่า ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะก่อนหน้านั้น มีการลงมติไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากทำเช่นนั้นเป็นการเติมเชื้อเพลิงเข้าในกองไฟ ทำให้สถานการณ์เกิดความตึงเครียด ส่วนตัวมองว่าการงดการประชุมร่วม ไม่น่าเพียงพอ สิ่งที่อยากเห็น และให้สถานการณ์ดีขึ้น คือประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา ควรจะลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเหตุการณ์ที่พัฒนาถึงจุดนี้ในรอบหลังๆ มานี้ 3-4 เดือนที่ผ่านมานั้น เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ถูกต้องของประธานทั้งสองหลายเรื่อง อย่างต่อเนื่อง และเรื่องที่ร้ายแรงที่สุด กรณีที่การเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติสองสภา กลับแถลงในลักษณะขัดต่อรัฐธรรมนูญ คือ เป็นผู้นำแถลงไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเสียเอง และยังดำเนินการไปแจ้งความ หรือร้องเรียน ต่อดีเอสไอ องค์กรในสังกัดของฝ่ายบริหาร ให้ดำเนินคดีกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ทั้งที่ตุลาการได้ใช้อำนาจตุลาการ
"ขณะที่เรียกร้องให้ผู้อื่นปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับปฏิบัติขัดรัฐธรรมนูญเสียเอง ไม่มีความชอบธรรมที่จะปฏิบัติหน่าที่ต่อไป ในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤต ใน 1- 2 วันนี้ สภาทั้ง 2 สภา มีประมุขของสภา ที่มีบารมีเป็นที่ยอมรับกับหลายฝ่าย สภาหรือตำแหน่งประธานแห่งสภาทั้ง 2 อาจจะใช้เป็นตัวกลางของการแก้ปัญหา แม้เป็นเจ้าภาพในการเกิดการพูดคุยกับฝ่ายต่างๆได้ เพราะฝ่ายบริหารมีฝั่กฝ่ายโดยตรงกับฝ่ายที่ต่อต้าน หากวุฒิสภาที่ผ่านมาทุกยุคทุกสมัยมีประธานวุฒิสภา ที่ทุกอย่างให้การเคารพ หรือเกรงใจ ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนั้นจะมีแนวคิดไปในแนวทางใด อย่างสภาผู้แทนราษฎร แม้จะสังกัดพรรครัฐบาลทั้ง 3 คน แต่ทำไม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯคนที่ 2 ได้รับการยอมรับสูง แสดงให้เห็นว่า เป็นวัตรปฏิบัติเฉพาะตัว ทั้งนี้ ทั้ง 2 คนนั้น ควรลาออกเพื่อชาติและส่วนรวม หากท่านรักชาติ และเห็นกับประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง" ส.ว.คำนูณ กล่าว
