หลังจากที่ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต่อนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยจะอภิปราย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พร้อมทั้งยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี โดยยื่นไปที่ประธานวุฒิสภา เพื่อส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนชี้มูล
อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ ยังไม่ยอมบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจดังกล่าวเข้าวาระการพิจารณาของสภา โดยอ้างว่าฝ่ายค้านส่งเอกสารประกอบญัตติอภิปรายไม่ครบ กล่าวคือ ไม่มีสำเนาการยื่นถอดถอนว่านายกฯ กระทำการทุจริตในเรื่องใด จึงขอให้ฝ่ายค้านส่งสำเนาในเรื่องดังกล่าวมาเพิ่มเติม แต่ฝ่ายค้านยืนยันว่า ญัตติที่ยื่นไปนั้นครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และจะไม่ส่งสำเนาการยื่นถอดถอนไปให้ เพราะหากส่งไปให้ประธานสภา ก็เสมือนการเปิดข้อสอบ พร้อมทั้งขู่ว่า หากประธานสภา ไม่บรรจุเข้าวาระ ภายในวันที่ 22 พ.ค.จะดำเนินการเอาผิดประธานสภาด้วยการยื่นถอดถอน
กระทั่งวานนี้ (21พ.ย.) นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า จากการประเมินสถานการณ์ของบ้านเมืองขณะนี้ เห็นสมควรบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (21 พ.ย.) แต่ต้องขอความร่วมมือพรรคประชาธิปัตย์ว่า ต้องส่งสำเนาถอดถอนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี มาให้ด้วยภายในวันที่ 25 พ.ย. เพื่อให้ประธานการประชุมทราบประเด็นการอภิปราย และสามารถควบคุมการประชุมได้ แต่หากไม่ส่งให้ ก็ไม่สามารถอภิปรายได้ เพราะประธานฯไม่รู้ว่า ผู้อภิปรายจะพูดประเด็นใด
ส่วนวันอภิปรายให้วิปฝ่ายค้าน และวิปรัฐบาล ไปหารือกันว่า จะอภิปรายในวันใด แต่ก็ต้องก่อนวันที่ 28 พ.ย. ที่เป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าชี้แจงด้วยตัวเองอย่างแน่นอน แต่ถ้ามีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ นายกฯก็สามารถมอบหมายให้รัฐมนตรีคนนั้นเป็นผู้ชี้แจงได้
นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ใช้เวทีของสภาผู้แทนราษฎร ในการพูดคุยในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะสามารถอภิปรายได้แล้วเสร็จภายในวันเดียว เนื่องจากมีผู้ยื่นถูกอภิปรายเพียง 2 คนเท่านั้น
ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ยืนยันว่า ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน มีความสมบูรณ์ถูกต้องแล้ว จึงไม่จำเป้นต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม ประธานต้องบรรจุในวาระ และควรให้เวลาฝ่ายค้านได้อภิปรายเต็มที่ โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 วัน ในการอภิปราย แต่หากได้เพียงวันเดียวตามที่ประธานวิปรัฐบาลระบุ ก็ถือว่า รัฐบาลพยายามสกัดกั้นการถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรฯ กล่าวว่า หากประธานสภาฯบรรจุระเบียบวาระในวันพฤหัสบดี คงต้องนัดประชุมภายใน 3 วันขึ้นไป คงจะเป็นสัปดาห์หน้า ลงมติในวันที่ 28 พ.ย.การอภิปรายควรเสร็จก่อนเที่ยงคืนวันที่ 27พ.ย. ซึ่งวิปทั้ง 2 ฝ่ายควรไปตกลงเวลากันว่าจะอภิปรายกี่วัน เบื้องต้นคิดว่าการยื่นอปรายนายกฯ และรัฐมนตรี 1 คน ไม่ควรใช้เวลาเกิน 2 วัน เนื่องจากวันจันทร์วุฒิสภาประชุม วันอังคารครม.ประชุมเวลาประชุมสภาฯที่เหมาะควรเป็นวันอังคารตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงเป็นต้นไป เป็นวันประชุมวันแรก และต่อด้วยเช้าวันพุธ และสิ้นสุดก่อนเที่ยงคืน ถ้าประธานสภาฯบรรจุระเบียบวาระการประชุมในวันอังคาร ก็น่าจะเหมาะสม
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานไปยังทางการประเทศสิงคโปร์เพื่อขอเลื่อนกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.ออกไป เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเดียวที่สภาฯจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเบื้องต้น จะขอเลื่อนการหารือไปในช่วงต้นปี 57
อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ ยังไม่ยอมบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจดังกล่าวเข้าวาระการพิจารณาของสภา โดยอ้างว่าฝ่ายค้านส่งเอกสารประกอบญัตติอภิปรายไม่ครบ กล่าวคือ ไม่มีสำเนาการยื่นถอดถอนว่านายกฯ กระทำการทุจริตในเรื่องใด จึงขอให้ฝ่ายค้านส่งสำเนาในเรื่องดังกล่าวมาเพิ่มเติม แต่ฝ่ายค้านยืนยันว่า ญัตติที่ยื่นไปนั้นครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และจะไม่ส่งสำเนาการยื่นถอดถอนไปให้ เพราะหากส่งไปให้ประธานสภา ก็เสมือนการเปิดข้อสอบ พร้อมทั้งขู่ว่า หากประธานสภา ไม่บรรจุเข้าวาระ ภายในวันที่ 22 พ.ค.จะดำเนินการเอาผิดประธานสภาด้วยการยื่นถอดถอน
กระทั่งวานนี้ (21พ.ย.) นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า จากการประเมินสถานการณ์ของบ้านเมืองขณะนี้ เห็นสมควรบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (21 พ.ย.) แต่ต้องขอความร่วมมือพรรคประชาธิปัตย์ว่า ต้องส่งสำเนาถอดถอนนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี มาให้ด้วยภายในวันที่ 25 พ.ย. เพื่อให้ประธานการประชุมทราบประเด็นการอภิปราย และสามารถควบคุมการประชุมได้ แต่หากไม่ส่งให้ ก็ไม่สามารถอภิปรายได้ เพราะประธานฯไม่รู้ว่า ผู้อภิปรายจะพูดประเด็นใด
ส่วนวันอภิปรายให้วิปฝ่ายค้าน และวิปรัฐบาล ไปหารือกันว่า จะอภิปรายในวันใด แต่ก็ต้องก่อนวันที่ 28 พ.ย. ที่เป็นวันสุดท้ายของสมัยประชุมนี้ ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าชี้แจงด้วยตัวเองอย่างแน่นอน แต่ถ้ามีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ นายกฯก็สามารถมอบหมายให้รัฐมนตรีคนนั้นเป็นผู้ชี้แจงได้
นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลจะเปิดโอกาสให้ใช้เวทีของสภาผู้แทนราษฎร ในการพูดคุยในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะสามารถอภิปรายได้แล้วเสร็จภายในวันเดียว เนื่องจากมีผู้ยื่นถูกอภิปรายเพียง 2 คนเท่านั้น
ขณะที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ยืนยันว่า ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน มีความสมบูรณ์ถูกต้องแล้ว จึงไม่จำเป้นต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม ประธานต้องบรรจุในวาระ และควรให้เวลาฝ่ายค้านได้อภิปรายเต็มที่ โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลา 3 วัน ในการอภิปราย แต่หากได้เพียงวันเดียวตามที่ประธานวิปรัฐบาลระบุ ก็ถือว่า รัฐบาลพยายามสกัดกั้นการถูกตรวจสอบจากฝ่ายค้าน
อย่างไรก็ตาม นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรฯ กล่าวว่า หากประธานสภาฯบรรจุระเบียบวาระในวันพฤหัสบดี คงต้องนัดประชุมภายใน 3 วันขึ้นไป คงจะเป็นสัปดาห์หน้า ลงมติในวันที่ 28 พ.ย.การอภิปรายควรเสร็จก่อนเที่ยงคืนวันที่ 27พ.ย. ซึ่งวิปทั้ง 2 ฝ่ายควรไปตกลงเวลากันว่าจะอภิปรายกี่วัน เบื้องต้นคิดว่าการยื่นอปรายนายกฯ และรัฐมนตรี 1 คน ไม่ควรใช้เวลาเกิน 2 วัน เนื่องจากวันจันทร์วุฒิสภาประชุม วันอังคารครม.ประชุมเวลาประชุมสภาฯที่เหมาะควรเป็นวันอังคารตั้งแต่ช่วงบ่ายโมงเป็นต้นไป เป็นวันประชุมวันแรก และต่อด้วยเช้าวันพุธ และสิ้นสุดก่อนเที่ยงคืน ถ้าประธานสภาฯบรรจุระเบียบวาระการประชุมในวันอังคาร ก็น่าจะเหมาะสม
ด้านน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ให้กระทรวงการต่างประเทศ ประสานไปยังทางการประเทศสิงคโปร์เพื่อขอเลื่อนกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 26-27 พ.ย.ออกไป เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเดียวที่สภาฯจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเบื้องต้น จะขอเลื่อนการหารือไปในช่วงต้นปี 57