ประชาธิปัตย์ จี้ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์-จารุพงศ์” แจงญัตติซักฟอกเอง เหตุการอภิปรายจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับอำนาจหน้าที่ ความรับผิดชอบของนายกฯเอง ขู่หากขัดขวางการชำแหละเจอลากยาวถึง 28 พ.ย.แน่ เล็งยื่นถอดถอน-ฟันอาญาสมาชิกรัฐสภาร่วมแห่แก้ รธน.ที่มา ส.ว.ต่อ ป.ป.ช.ก่อนปิดสมัยประชุมสภา จวกเลขาฯ สมช.-ตำรวจรับใช้รัฐบาล ข่มขู่ผู้ชุมนุมหวังลดปริมาณมวลชน เตือน “ปู” เลิกปากว่าตาขยิบ แฉแดงปทุมฯ แฝงตัวป่วนผู้ชุมนุมราชดำเนิน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ว่าตามญัตติของพรรคมีแนวทางอภิปราย 3 ประการ คือ 1. ตามบทบัญญัติ รัฐธรรมนูญ ข้อบังคับและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2. อภิปรายด้วยข้อมูลพยานหลักฐานที่จะชี้ให้ประชาชนและสภาเห็นว่านายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบ พยายามดำเนินการผิดกฎหมายอย่างไร และ 3. จะอภิปรายอย่างตรงประเด็น กระชับ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการติดตามการอภิปราย และต้องการให้นายกฯ ชี้แจงด้วยตัวเอง ไม่ควรมอบหมายให้รัฐมนตรีคนอื่นมาชี้แจงแทน เพราะสิ่งที่พรรคจะอภิปรายเกี่ยวข้องโดยตรงกับอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี ดังนั้นนายกฯ ต้องตอบคำชี้แจงของฝ่ายค้านด้วยตัวเอง
“ขอเรียกร้องให้ฝ่ายรัฐบาลเคารพการทำหน้าที่ตรวจสอบของฝ่ายค้านด้วยเพราะเป็นมาตรการสำคัญที่หนึ่งปีทำได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่าทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์นายกฯ ด้วยการยกมือประท้วงเพื่อขัดขวางการทำงานของฝ่ายค้าน เพราะถ้าหากทำอย่างนั้นอาจทำให้ต้องมีการอภิปรายไปถึงวันที่ 28 พ.ย. เนื่องจากต้องเสียเวลาไปกับการประท้วงของรัฐบาลจึงขอให้ประธานที่ควบคุมการประชุมทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อชี้ให้เห็นว่าญัตติที่เราส่งให้ประธานสภาฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ในการสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารงานที่ล้มเหลว และการทุจริตที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่สมควรได้รับความไว้วางใจให้บริหารประเทศอีกต่อไป”
ส่วนการยื่นถอดถอนและดำเนินคดีอาญากับสมาชิกรัฐสภาที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญในการเสนอ มีส่วนร่วม และเห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่มา ส.ว.นั้น นายองอาจกล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายของพรรคได้ยกร่างคำร้องและรวบรวมรายชื่อ ส.ส.เพือยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว โดยจะยื่นคำร้องได้ภายในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.นี้ก่อนที่จะมีการปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งหาก ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิดสมาชิกรัฐสภาที่ถูกยื่นคำร้องจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
นายองอาจยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเลิกรับใช้รัฐบาลด้วยการสกัดกั้นการเดินทางเข้าร่วมชุมนุมดำเนินของประชาชน และขอให้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และฝ่ายตำรวจที่พยายามตีปลาหน้าไซ สร้างภาพให้การชุมนุมดูน่ากลัวว่าจะเกิดเหตุรุนแรง หวังให้ประชาชนไม่กล้าเข้าร่วมชุมนุม จึงขอให้ยุติพฤติกรรมดังกล่าว เพราะรัฐบาลไม่สมควรใช้เครือข่ายทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการเพื่อกดดันประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุม โดยบางครั้งมีการกระทำที่ละเมิดกฎหมายในการข่มขู่คุกคามทั้งแกนนำและประชาชนรวมถึงภาคเอกชนที่ร่วมขึ้นเวทีที่ราชดำเนิน ซึ่งได้รวบรวมดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
ทั้งนี้ยังเป็นห่วงว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะใช้คนเสื้อแดงปะทะมากับกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล ซึ่งจะทำให้เกิดวิกฤตจนถึงขั้นกลียุคและนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ เพราะมิได้กระทำการใดๆ เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิดปัญหาต่อประเทศชาติ ตรงกันข้ามกลับมีพฤติกรรมในลักษณะปากว่าตาขยิบมาโดยตลอด
นอกจากนี้ยังมีรายงานล่าสุดว่าที่ จ.ปทุมธานี มีการขนคนเสื้อแดงเข้ามาแฝงตัวในการชุมนุมที่ราชดำเนิน โดยไม่ได้ใส่เสื้อสีแดงแต่ให้ใส่เสื้อสีชมพูแทน จึงขอให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดการสร้างสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ด้วย
