xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” นำทีม ปชป.ลุยฟัน รัฐไม่รับผิดชอบแก้ที่มา ส.ว.ฉาว บี้ “ปู” ทูลเกล้าฯ ถวายยุติร่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
หน.ปชป.นำทีมแถลง เตรียมฟันรัฐแก้ที่มา ส.ว. หลังตีมึนไม่รับผิดชอบ จ่อถอดถอนเหตุตัดสิทธิผู้แปรญัตติ เห็นชอบวาระ 3 และแจ้ง ป.ป.ช.เอาผิดอาญา ชี้ไม่ทบทวนเท่ากับปล่อยใช้เอกสารปลอม-กดบัตรแทนได้ ดักอย่าบิดเบือนไม่รับอำนาจศาล เพื่อแก้ รธน.ทั้งฉบับล้างผิด “นช.แม้ว” บี้นายกฯ อย่าลอยตัวจ้อให้ชัด จี้รับผิดชอบทูลเกล้าฯ ต้องทูลถวายยุติร่าง ฝืนไปส่อวิกฤต ขอซักฟอก 3 วัน ยัน ปชช.มีสิทธิชุมนุมพร้อมพิทักษ์สิทธิ ฉะรัฐข่มขู่ บิดเบือนป้ายสี


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลง  

วันนี้ (22 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมพรรคประชาธิปัตย์นัดพิเศษว่า ที่ประชุมมีมติเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยทบทวนท่าทีและแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่มีการนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่มา ส.ว.ทูลเกล้าฯ ทั้งๆ ที่ยังมีปัญหาข้อกฎหมายอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่ฟังเสียงท้วงติงจากฝ่ายต่างๆ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 โดยเห็นว่าหากนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยยังเป็นนักการเมืองที่เคารพระบอบประชาธิไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หากยังเป็นนักการเมืองที่ยึดถืดในเรื่องหลักนิติธรรม และยังต้องการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ก็ต้องทบทวนและปรับทัศนคติในเรื่องนี้ เนื่องจากได้สร้างความเสียหายจนกำลังจะนำชาติสู่วิกฤตรุนแรงหากยังไม่มีการทบทวนในเรื่องดังกล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำว่า เมื่อรัฐบาลสร้างปัญหากระทำความผิดแต่ไม่มีแนวโน้มแสดงความรับผิดชอบ พรรคประชาธิปัตย์ก็จะดำเนินการทั้งทางการเมืองและในทางกฎหมาย คือ 1. มีการศึกษาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว จากคำวินิจฉัยดังกล่าวมีบุคคลที่กระทำความผิด คือ จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และบางส่วนกระทำความผิดทางอาญา พรรคจะร้องขอให้มีการถอดถอนบุคคลที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ และแจ้ง ป.ป.ช.ดำเนินคดีอาญากับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในส่วนกลุ่มบุคคลที่มีส่วนในการเสนอและใช้เอกสารปลอมให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณา ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภานายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาปฏิบัติหน้าที่รองประธานรัฐสภา และนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกรัฐสภาผู้เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมด 312 คน เพราะทราบอยู่แล้วว่าไม่ใช่ร่างที่ตัวเองเสนอต่อสภา แต่ไม่มีการยับยั้งเอกสารปลอมดังกล่าว และกรณีการเสียบบัตรแทนกันของนายนริศร ทองธิลาศ ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่มีการลงคะแนนแทนส.ส.คนอื่นด้วย

ส่วนการถอดถอนนอกจากประเด็นที่ได้กล่าวไปแล้วยังมีความผิดอื่นที่ศาลบรรยายไว้ ตั้งแต่การตัดสิทธิการแปรญัตติผิดตามข้อบังคับ คือ กรณีที่นายสมศักดิ์และกรณีที่ประธานในที่ประชุมปล่อยให้มีการปิดอภิปรายตัดสิทธิผู้เสนอคำแปรญัตติหรือผู้สงวนคำแปรญัตติ รวมถึงบุคคลที่ลงมติสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้งของผู้ที่ลงมติในมาตรา 11 และ 11/1 รวมถึงให้ความเห็นชอบในวาระสามทั้งหมดด้วย ซึ่งมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมอยู่ด้วย โดยจะยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ได้ในต้นสัปดาห์หน้า เพื่อให้บุคคลเหล่านี้รับผิดชอบต่อการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น

“ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ทบทวนจุดยืนและแนวคิดเท่ากับกำลังจะบอกว่าการดำเนินการในประเทศนี้จะปลอมเอกสารก็ได้ จะทุจริตใช้สิทธิแทนคนอื่นก็ได้ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อย่าเอาเรื่องอื่นมากลบเกลื่อนความผิดที่มีพยานหลักฐานชัดเจน และอย่าเบี่ยงเบนไปเป็นกรณีอื่น เช่น การประกาศท้าทายไม่ยอมรับอำนาจศาลและจะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเพื่อล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกฯ จะลอยตัวเหนือปัญหาไม่ได้ การที่บอกว่ายังบอกไม่ได้ว่าจะยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ แสดงว่าจะยอมรับก็ต่อเมื่อถูกใจตัวเองเท่านั้นใช่หรือไม่ จึงขอให้นายกพูดให้ชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับอำนาจศาลใช่หรือไม่ จะดำเนินการทางกฎหมายได้อย่างถูกต้อง” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่นายกรัฐมนตรีจะตีมึนไม่นำร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกลับมาหลังจากที่ค้างอยู่ในขั้นตอนการทูลเกล้าฯเพื่อทิ้งเวลาให้เกิน 90 วันแล้วอ้างว่าไม่พระราชทานคืนกลับมา จากนั้นใช้เสียงข้างมากยืนยันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีปัญหาอีกครั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีความเป็นไปได้เพราะรัฐบาลมีเจตนาชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากทำเช่นนั้นจะเป็นการท้าทายกฎหมายและประชาชนอย่างมาก อย่างไรก็ตามโดยผลคำวินิจฉัยร่างแก้ไขเพิ่มเติมไม่อาจบังคับใช้ได้อยู่แล้ว ดังนั้นนายกในฐานะที่เป็นผู้เสนอร่างก็ควรกราบบังคมทูลถวายรายงานเพื่อให้เป็นข้อยุติที่ชัดเจนว่าหมดสภาพไปแล้ว เพราะคำวินิจฉัยมีความชัดเจน ถ้านายกฯไม่เข้าใจอ้างว่าต้องถามกฤษฎีกาตนก็มั่นใจว่ากฤษฎีกาก็ต้องยืนยันตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไปแล้ว

“ถ้าไม่ยอมรับอำนาจศาลให้ประกาศมาว่าที่นายกฯไม่ทำอะไรเลยเพราะไม่ยอมรับอำนาจศาล ประชาชนและองค์กรที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง นายกฯต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นส.ส.คนหนึ่ง จะอ้างว่าไม่มีอำนาจเด็ดขาดในพรรคเพื่อไทยไม่ได้ เพราะนอกจากเป็นส.ส.แล้วนายกฯยังเป็นบุคคลที่ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับร่างกฎหมายทุกฉบับ และขั้นตอนปัจจุบันเป็นภาระหน้าที่ของนายกฯไม่ว่าจะเป็นกราบบังคมทูลถวายรายงาน หรือการดำเนินการในขั้นตอนพระมหากษัตริย์อย่างไรก็ต้องกลับมาที่นายกฯอยู่ดี จึงต้องทำให้ชัดเจนตามรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและขอให้หยุดเบี่ยงเบนประเด็นว่าศาลรัฐธรรมนูญก้าวล่วงพระราชอำนาจ หรือบิดเบือนว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างสถาบันตุลาการกับสถาบันสูงสุดเพราะไม่ใช่ความจริง ไม่มีประเทศประชาธิปไตยไหนที่ไม่ยึดหลักนิติธรรม แต่หากยังเดินหน้าเช่นนี้ก็จะนำประเทศเข้าสู่วิกฤตมากขึ้น ทำให้ประชาชนเสียโอกาส เพราะมีปัญหามากอยู่แล้วเศรษฐกิจไม่ดี เกษตรกรไม่ได้เงินจากจำนำข้าว และประชาชนรับไม่ได้กับการทำลายค่านิยมที่ดีในสังคมด้วยการล้างผิดให้คนโกง มีแต่จะทำให้เกิดความรุนแรงและความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว

ส่วนการดำเนินการทางการเมืองในสภานั้น นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า จะอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและนายจารุพงษ์เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มความสามารถ พร้อมกับเรียกร้องว่าเมื่อญัตตินี้สมบูรณ์แล้วพรรคก็พร้อมให้ความร่วมมือดำเนินการตามข้อบังคับ นายกฯและรัฐบาลต้องให้พรรคปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยเห็นว่าระยะเวลาที่เหมาะสมคือ 3 วัน จึงขอให้รัฐบาลเปิดอภิปรายในวันจันทร์-พุธ คือวันที่ 25-27 พ.ย. 56 และลงมติในวันพฤหัสบดีที่ 28 พ.ย.ในช่วงเช้าซึ่งจะทำให้วุฒิสภาสามารถประชุมในช่วงบ่ายได้ด้วย ทั้งนี้ จากปัญหาที่รัฐบาลสร้างขึ้นจนนำไปสู่การชุมนุมของประชาชน พรรคยืนยันสิทธิของประชาชนในการแสดงความไม่เห็นด้วย และรัฐบาลต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนในกรอบของกฎหมาย แต่ยังมีความเป็นห่วงว่ารัฐบาลพยายามใช้เล่ห์ลวาทกรรม บิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างปัญหาหรือข่มขู่พี่น้องประชาชนที่แสดงออกโดยสุจริต ซึ่งพรรคจะมีส่วนร่วมในการพิทักษ์สิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น