“ถาวร” เตรียมยื่นฟ้องอาญาฟัน 312 ส.ส.-ส.ว.ใช้เอกสารปลอมสอดไส้แก้ไข รธน.ประเด็นที่มา ส.ว. แถมกดบัตรลงคะแนนแทนกันผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมี “ยิ่งลักษณ์” ร่วมทำผิดด้วย ขณะเดียวกัน เรียกร้อง “ปู” รับผิดชอบนำเอกสารที่กระทำผิดกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ เชื่อร่างแก้ไข รธน.อีก 2 ฉบับตกไปโดยปริยาย ด้าน “วิรัตน์” เผยยื่น ป.ป.ช.เล่นงาน ส.ส.-ส.ว. พร้อมให้นายกฯ ทูลเกล้าฯ ขอถวายร่างแก้ไข รธน.คืน ส่วน ส.ส.ปชป.ตามบี้ “ค้อนปลอม-นิคม” ไขก๊อก
นายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำผู้ชุมนุมถนนราชดำเนิน กล่าวถึงผลการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า สามารถแบ่งความผิดได้เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม ส.ส., กลุ่ม ส.ว., นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิชย์ รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่วางตัวไม่เป็นกลาง โดยเฉพาะนายนิคมได้ร่วมลงชื่อในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงที่มา ส.ว. โดยเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและสาธารณะ ส่วนนายสมศักดิ์วางตัวไม่เป็นกลาง แต่คงไม่ได้ร่วมลงมติด้วย
สำหรับ ส.ส.และส.ว.กระทำผิดรัฐธรรมนูญเรื่องการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยโดยไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพราะการแยก 3 อำนาจ คือ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ต้องการให้มีการถ่วงดุลซึ่งกันและกัน แต่เมื่อเปลี่ยนแปลงที่มา ส.ว. โดยให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่งเป็นฐานเดียวกับ ส.ส. ทำให้อำนาจไปรวมอยู่ในเสียงข้างมากที่จะหนุนรัฐบาลอย่างเดียว ถือเป็นการขาดดุลยภาพและไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์
นายถาวรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีความผิดฐานใช้เอกสารปลอมและปลอมแปลงเอกสารราชการ ซึ่งเป็นโทษเดียวกันโดยยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งแรกไม่มีมาตรา 116 วรรค 2 ต่อมาเมื่อมีการพิจารณาโดยรู้ว่าเป็นเอกสารปลอมแปลงถือว่ารู้เห็นเป็นใจร่วมกันปลอมแปลงเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 ซึ่งมีโทษจำคุกถึง 7 ปี ส่วนคนที่กดบัตรแทนคนอื่นมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยการกระทำความผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยมีโทษจำคุก 5 ปีโดยประมาณ ซึ่งตนจะดำเนินการให้ประชาชนร้องทุกข์กล่าวโทษกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อนำ 312 คนเข้าสู่กระบวนการสอบสวนและส่งไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตาม มาตรา 275 ซึ่งใน
จำนวนดังกล่าวมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมอยู่ด้วยในฐานะกดบัตรลงคะแนน ซึ่งต้องดูการดำเนินการด้วย
ส่วนที่มีการนำเอกสารเท็จนำขึ้นทูลเกล้าฯ นั้น ตนไม่อยากก้าวล่วง แต่ความมิบังควรซึ่งต้องรับผิดชอบทางการเมืองเพราะรู้อยู่แล้วว่าการดำเนินการดังกล่าวใช้เอกสารปลอมผิดประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง ส่วนการถูกถอดถอนก็ต้องดำเนินการในฐานะที่เป็น ส.ส. แต่มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้บรรดา ส.ส และส.ว.ได้แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ คิดว่าจะได้เห็นความรับผิดชอบทางการเมืองเกิดขึ้นหรือไม่ นายถาวรกล่าวว่า ตนได้เห็นว่ามีการแสดงอิทธิฤทธิ์รวบรวมไพร่พลที่ตกเป็นเหยื่อมาชุมนุมทางการเมือง ซึ่งขอเตือนไปยังประชาชนว่าการแก้รัฐธรรมนูญประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ควรคิดให้ดีว่ามาต่อสู้ให้นักการเมืองที่อาศัยประชาชนเป็นเครื่องมือ ขอให้ไตร่ตรองให้ดีดูตัวอย่างได้จากผู้ที่ตกเป็นจำเลยคดีเผาทรัพย์ที่ถูกจำคุกอยู่มีการช่วยเหลืออะไรบ้าง ขออย่าเชื่ออะไรโดยไม่ใช้ดุลยพินิจ
นายถาวรยังกล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม อีก 2 ฉบับที่ผ่านการพิจารณารับหลักการในวาระ 1 ไปแล้วว่า มีการโหวตรับหลักการไปพร้อมกัน และหลังจากนั้นมีการแปรญัตติโดยผิดข้อบังคับรัฐธรรมนูญ ดังนั้นตนถือว่าอีก 2 ร่างจะต้องตกเป็นโมฆะไปโดยอัติโนมัติ เพราะผิดขั้นตอน และกระบวนการตรากฎหมาย โดยศาลรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยแล้วเพราะเป็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายในลักษณะคดีเดียวกัน ซึ่งสามารถนำมาอนุโลมได้เลย แต่หากรัฐบาลยังไม่เชื่อและดึงดันที่จะพิจารณาวาระ 3 ก็รู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร อย่างไรก็ตาม ปัญหาวิกฤตที่เกิดขึ้นรัฐบาลชุดนี้เป็นผู้ก่อโดยใช้พลพรรคเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหว ดังนั้นหากเกิดวิกฤตอะไรยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากพวกตน
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะทีมกฎหมายพรรค กล่าวว่า ฝ่ายค้านเตรียมยกคำร้องขอถอดถอน 312 ส.ส.ไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ขอถวายร่างดังกล่าวคืนด้วย
ส่วนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยนั้น ยื่นญัตติดังกล่าวถูกต้องครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุม จึงไม่จำเป็นจะต้องแนบเอกสารใดๆ เพิ่มเติมแล้ว พร้อมเรียกร้องให้ประธานสภาฯ เร่งบรรจุญัตติเข้าสู่วาระการประชุมภายใน 7 วัน ซึ่งหากประธานสภาฯ ไม่ดำเนินการจะโดนถอดถอนออกจากตำแหน่งด้วย
ขณะเดียวกัน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นำโดยคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และนายสาธิตย์ ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง เรียกร้องให้สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ออกมาแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ที่มีการตัดสิทธิปิดโอกาสไม่ให้มีการอภิปราย พร้อมทั้งปล่อยให้มีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญปลอม และปล่อยให้ ส.ส.กดบัตรแทนกัน รวมถึงในส่วนของการกำหนดวันแปรญัตติผิด เพราะต้องนับตั้งแต่วันแปรญัตติ