xs
xsm
sm
md
lg

วุฒิฯ ลักหลับเร่งผ่าน กม.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ตัดหน้าศาล รธน.พิพากษาคดีแก้ที่มา ส.ว.วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นิคม ไวชรัชพานิช (แฟ้มภาพ)
วุฒิสภาลักหลับอีก รีบลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านกลางดึก วิจารณ์แซดหวังให้ทันก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.วันนี้ เพราะหากผลคดี ส.ส.พรรคร่วมกระทำการขัดรัฐธรรมนูญเกิดปัญหากับรัฐบาลแน่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภาวานนี้ (19 พ.ย.) มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. ..... (พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท) ในวาระ 2 โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเริ่มจากมาตรา 6 ต่อจากการประชุมที่ผ่านมา ซึ่งในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีการแก้ไขให้เงินกู้ตามร่าง พ.ร.บ.ถือเป็นเงินที่ “ต้อง” นำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง จากเดิมที่ร่าง พ.ร.บ.ในชั้นสภาผู้แทนราษฎรได้กำหนดเงินกู้ “ไม่ต้อง” เป็นเงินที่ต้องนำส่งคลัง สุดท้ายที่ประชุมมีมติ 68 ต่อ 44 เสียง งดออกเสียง 4 ให้แก้ไขเนื้อหากลับไปเป็นเหมือนร่างฯ ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร คือไม่ต้องนำเงินส่งคลัง

ส่วนมาตรา 7 ว่าด้วยวงเงินกู้ การจัดการเงินกู้ และวิธีการเกี่ยวกับการกู้เงินในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ได้ใช้เวลาอภิปรายเพียง 20 นาที ก่อนลงมติเสียงข้างมาก 66 เสียงต่อ 31 เสียง เห็นชอบให้คงไว้ตามร่างกรรมาธิการฯ ที่ไม่มีการแก้ไข

จากนั้นการอภิปรายได้เข้าสู่การพิจารณา มาตรา 8 ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการกู้เงินและการออกและการจัดการตราสารหนี้ อาจจ่ายจากเงินที่ตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือเงินกู้รายนั้นก็ได้ ซึ่งกรรมาธิการฯ ไม่มีการแก้ไข และผู้ที่สงวนคำแปรญัตติส่วนใหญ่ได้ขอถอนสิทธิการอภิปราย จากนั้นได้มีการลงมติ โดยผลปรากฏว่า มติข้างมาก 67 เสียง ต่อ 29 เสียง เห็นชอบให้คงเนื้อหาไว้ตามร่างของกรรมาธิการ และต่อด้วยมาตรา 9 ว่าด้วยให้อำนาจกระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ โดยการกู้เงินรายใหม่เพื่อชำระหนี้เดิม แปลงหนี้ ชำระหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระ ขยายหรือย่นระยะเวลาการชำระหนี้ โดยที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับร่างของกรรมาธิการฯ ที่ไม่มีการแก้ไขด้วยเสียง 67 เสียงต่อ 33 เสียง

ส่วนการพิจารณามาตรา 10 ว่าด้วยว่าการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ โดยที่ประชุมได้มีการลงมติเห็นชอบตามร่าง ของกรรมาธิการฯที่ไม่มีการแก้ไข ด้วยเสียง 73 เสียงต่อ 29 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ขณะที่มาตรา 11 ว่าด้วยการให้มีกองทุนเพื่อบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งกรรมาธิการไม่มีการแก้ไข ทั้งนี้ ผู้ที่สงวนคำแปรญัตติส่วนใหญ่ของถอนและไม่มีผู้ติดใจอภิปรายที่ประชุมจึงมีมติผ่านมาตรา 12 ว่าด้วยการให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารและจัดการเงินกู้ การเบิกจ่ายเงินกู้ การชำระหนี้ โดยกรรมาธิการไม่มีการแก้ไข แต่มีผู้เสนอคำแปรญัตติ ทั้งนี้ได้มีการซักถามถึงประเด็นการเบิกจ่ายเงินกู้ตามระเบียบของหน่วยงานราชการ โดยกรรมาธิการฯ ยืนยันว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ที่ดูแลการเบิกจ่ายทั้งหมด จากนั้นได้มีการลงมติโดยเสียงข้างมาก 71 เสียงต่อ 33 เสียง เห็นด้วยกับร่างของกรรมาธิการฯ ที่คงไว้ตามร่างเดิม ขณะที่มาตรา 13 ได้มีการผ่านการพิจารณาคงไว้ตามร่างเดิม ซึ่งไม่มีการแก้ไข หลัง ส.ว.ไม่ติดใจอภิปราย

การพิจารณาดำเนินไปจนถึงมาตรา 17 ส่วนใหญ่ให้คงไว้ตามร่างฯ เดิม โดยวรรคแรกเห็นชอบ 63 ต่อ 24 วรรคสอง เห็นชอบ 60 ต่อ 28

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การอภิปรายดำเนินไปจนเลยเวลาเที่ยงคืน ขณะที่ก่อนการพิจารณา นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ยืนยันต่อที่ประชุมว่าจะพิจารณาจนถึงเวลา 00.00 น. หากยังอภิปรายไม่เสร็จก็จะเลื่อนไปพิจารณาต่อในวันถัดไป แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานายนิคม กลับเร่งรีบให้อภิปรายต่อจนจบในเวลา 02.50 น.และให้ลงมติในวาระ 3 ปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่ของวุฒิสมาชิกเห็นชอบด้วยคะแนน 63 ต่อ 13 เสียง งดออกเสียง 3 โดยให้มีเนื้อหาให้เป็นไปตามร่างฯ เดิมที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรทุกมาตรา จากนั้นก็จะส่งร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นำขึ้นทูลเกล้าฯ

เป็นที่น่าสังเกตว่า การเร่งรีบพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อให้ทันการพิจารณาวินิจฉัยคดีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มา ส.ว.ของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ เพราะหากศาลวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญขัดมาตรา 68 ก็จะเกิดปัญหากับรัฐบาลทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น