ประธานวุฒิสภานัดสมาชิกประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน จันทร์ที่ 18 พ.ย.นี้ หลัง กมธ.พิจารณาเสร็จแล้ว เผยมีการแก้ไข 2 ประเด็นสำคัญ พร้อมชง 11 ข้อเสนอแนะเพื่อความโปร่งใส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ไนัดประชุมวุฒิสภาวันจันทร์ที่ 18 พ.ย.เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 และ 3 หลังจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายธวัช บวรวนิชยกูร ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้พิจารณาเสร็จแล้ว ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ.มีทั้งหมด 18 มาตรา
โดยคณะ กมธ.ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.จำนวน 2 ประเด็น ประเด็นที่ 1 มาตรา 3 ว่าด้วยการกำหนดนิยามของถ้อยคำในกฎหมาย ซึ่งคณะ กมธ.ได้เพิ่มคำว่า “โครงการ” เข้าไป มีความหมายว่า “โครงการตามที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายร่าง พ.ร.บ.นี้” จากเดิมที่ร่าง พ.ร.บ.ที่สภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบไม่ได้บัญญัติคำว่าโครงการเอาไว้
ประเด็นที่ 2 มาตรา 6 ว่าด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ของการกู้เงิน ซึ่งคณะ กมธ.ได้แก้ไขว่า “การกู้เงินตามมาตรา 5 ให้นำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ในการกู้ โดยต้องนำส่งคลังตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง” จากเดิมที่ร่าง พ.ร.บ.ในชั้นของสภาฯ บัญญัติให้เงินกู้ดังกล่าวไม่ต้องนำส่งคลัง
นอกจากนี้ คณะ กมธ.ยังได้จัดทำข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเอาไว้ทั้งหมด 11 ข้อ ประกอบด้วย 1. การติดตามและประเมินผลโครงการและแผนงาน รัฐบาลควรให้มีองค์กร หน่วยงาน สถาบันการศึกษาหรือตัวแทนจากภาคเอกชนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
2. รัฐบาลควรมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน การเตรียมความพร้อมในเรื่องวัสดุก่อสร้างและแรงงานให้เพียงพอกับโครงการที่จะดำเนินการตามร่าง พ.ร.บ.นี้ การเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาทางจราจรและการขนส่งในพื้นที่ที่มีการก่อสร้าง รวมทั้งการเตรียมการเกี่ยวกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่จะได้รับจากโครงการเพื่อเป็นการสร้างบุคลากรของตัวเองและเตรียมบุคลากรสำหรับภาคการคมนาคมขนส่งของประเทศโดยรวมในอนาคต
3. รัฐบาลควรส่งเสริมให้บริษัทคนไทยได้รับงานในโครงการต่างๆ โดยในการก่อสร้างควรแบ่งเป็นช่วงๆ ให้มีผู้รับจ้างหลายราย เพื่อประโยชน์ต่อการบริหารเงินกู้ให้เกิดการกระจายตัวและไม่เกิดความล่าช้า
4. ในส่วนของโครงการรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลควรกำหนดเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ให้ชัดเจน เพราะเทคโนโลยีของแต่ละประเทศมีราคาต่างกันมา เกรงว่าจะได้เทคโนโลยีที่ไม่คุ้มค่ากับราคาและควรมีการศึกษารายละเอียดโครงการอย่างรอบคอบ เช่น อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ และ อัตราผลตอบแทนทางการเงิน
5. การดำเนินโครงการตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.นี้เกี่ยวกับแผนงานพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อภูมิภาคในการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเชื่อมโยงกับพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และแผนงานพัฒนาระบบขนส่งเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจหลักภายในประเทศ รัฐบาลควรจัดให้มีเครื่องหมายจราจร สัญญาณจราจร อุปกรณ์ตรวจจับความเร็วและอุปกรณ์ตรวจจับควันดำที่มีคุณภาพและมีจำนวนที่เพียงพอตามมาตรฐานสากลในโครงข่ายทางหลวงพิเศษและทางหลวงเชื่อมโยงดังกล่าว
6. การดำเนินโครงการจะมีการจ้างที่ปรึกษาและใช้วงเงินค่าจ้างเป็นจำนวนสูงมาก รัฐบาลควรกำหนดให้มีการจ้างบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาที่เกี่ยวข้องจากภายในประเทศเป็นหลัก และควรมีการกระจายงานของบริษัทที่ปรึกษาตามความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
7. การดำเนินโครงการตามร่าง พ.ร.บ.นี้ รัฐบาลควรมีการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและการศึกษาของประเทศไปพร้อมกันโดยร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาและสถาบันการศึกษาอื่น ทั้งนี้เพื่อต่อยอดองค์ความรู้และสร้างความเข้มแข็งของบุคลากรภายในประเทศ อันจะทำให้การใช้งบประมาณเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป
8. รัฐบาลควรจัดให้มีการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีในโครงการรถไฟฟ้าและโครงการรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งระบบคมนาคมทางรางจากผู้รับจ้างและที่ปรึกษาต่างประเทศให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทย และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาต่อยอดเป็นอุตสาหกรรมทางรางขึ้นภายในประเทศ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพให้แก่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรมและภาคการศึกษาของประเทศไทยด้วย
9. การดำเนินโครงการตามร่าง พ.ร.บ.นี้ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าประหยัด รวมถึงประโยชน์ตอบแทนของโครงการ โดยจะต้องมีกระบวนการติดตามการใช้เงินและการประเมินผลการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด
10. หลักเกณฑ์การเก็บรักษาหรือฝากเงินกู้ที่ยังมิได้มีการเบิกจ่ายควรมีการประกาศให้สาธารณชนทราบเพื่อความโปร่งใส
11. การกู้เงินในส่วนที่เป็นเงินตราต่างประเทศ กระทรวงการคลังควรมีการพิจารณาให้มีการบริหารความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเหมาะสม