ถกกู้ 2 ล้านล้าน ส.ว.ส่วนใหญ่สงวนคำแปรญัตติ คงติดใจแต่เพียงประเด็นการเบิกจ่ายเงิน ซึ่งคลังรับปากจะเป็นผู้ที่ดูแลการเบิกจ่ายทั้งหมด สุดท้ายลากยาวลงมติฉลุยทั้ง 18 มาตรา คงร่างเดิมของ ส.ส. พร้อมเห็นชอบวาระ 3 เมื่อเวลา 02.49 น.
วันที่ 19 พ.ย. ที่ประชุมวุฒิสภา พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท มาตรา 7 ว่าด้วยวงเงินกู้ การจัดการเงินกู้ และวิธีการเกี่ยวกับการกู้เงินในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ได้ใช้เวลาอภิปรายเพียง 20 นาทีก่อนลงมติเสียงข้างมาก 66 เสียงต่อ 31 เสียง เห็นชอบให้คงไว้ตามร่างกรรมาธิการฯ ที่ไม่มีการแก้ไข
จากนั้นการอภิปรายได้เข้าสู่การพิจารณา มาตรา 8 ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการกู้เงินและการออกและการจัดการตราสารหนี้ อาจจ่ายจากเงินที่ตั้งไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือเงินกู้รายนั้นก็ได้ ซึ่งกรรมาธิการฯ ไม่มีการแก้ไข และผู้ที่สงวนคำแปรญัตติส่วนใหญ่ได้ขอถอนสิทธิการอภิปราย จากนั้นได้มีการลงมติ โดยผลปรากฏว่ามติข้างมาก 67 เสียง ต่อ 29 เสียง เห็นชอบให้คงเนื้อหาไว้ตามร่างของกรรมาธิการ และต่อด้วยมาตรา 9 ว่าด้วยให้อำนาจกระทรวงการคลังปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ โดยการกู้เงินรายใหม่เพื่อชำระหนี้เดิม แปลงหนี้ ชำระหนี้ก่อนถึงกำหนดชำระ ขยายหรือ ย่นระยะเวลาการชำระหนี้ โดยที่ประชุมลงมติเห็นชอบกับร่างของกรรมาธิการฯ ที่ไม่มีการแก้ไขด้วยเสียง 67 เสียงต่อ 33 เสียง
จากนั้นเป็นการพิจารณามาตรา 10 ว่าด้วยว่าการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ โดยที่ประชุมได้มีการลงมติเห็นชอบตามร่าง ของกรรมาธิการฯที่ไม่มีการแก้ไข ด้วยเสียง 73 เสียงต่อ 29 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง ขณะที่มาตรา 11 ว่าด้วยการให้มีกองทุนเพื่อบริหารเงินกู้เพื่อการปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ ซึ่งกรรมาธิการไม่มีการแก้ไข ทั้งนี้ ผู้ที่สงวนคำแปรญัตติส่วนใหญ่ของถอนและไม่มีผู้ติดใจอภิปรายที่ประชุมจึงมีมติผ่าน, มาตรา 12 ว่าด้วยการให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารและจัดการเงินกู้ การเบิกจ่ายเงินกู้ การชำระหนี้ โดยกรรมาธิการไม่มีการแก้ไข แต่มีผู้เสนอคำแปรญัตติ ทั้งนี้ได้มีการซักถามถึงประเด็นการเบิกจ่ายเงินกู้ตามระเบียบของหน่วยงานราชการ โดยกรรมาธิการฯ ยืนยันว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเป็นผู้ที่ดูแลการเบิกจ่ายทั้งหมด จากนั้นได้มีการลงมติโดยเสียงข้างมาก 71 เสียงต่อ 33 เสียงเห็นด้วยกับร่างของกรรมาธิการฯ ที่คงไว้ตามร่างเดิม ขณะที่มาตรา 13 ได้มีการผ่านการพิจารณาคงไว้ตามร่างเดิม ซึ่งไม่มีการแก้ไข หลัง ส.ว.ไม่ติดใจอภิปราย
การประชุมได้ล่วงเลยมาถึงวันที่ 20 พ.ย. โดยมีการพิจารณามาตรา 15 ซึ่งที่ประชุมได้มีการลงมติเห็นชอบตามร่าง ของกรรมาธิการฯ ที่ไม่มีการแก้ไข 52 เสียงต่อ 36 เสียง ขณะที่มาตรา16 มีมติเห็นชอบร่างเดิม 65 เสียงต่อ 15 เสียง งดออกเสียง 12 และมาตรา 17 คงร่าง กมธ.ตามวรรคแรก มีมติเห็นชอบ 63 เสียงต่อ 24 วรรคสอง เห็นชอบ 60 เสียงต่อ 28 เสียง และมาตรา 18 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามร่างเดิมของสภาผู้แทนราษฎร
ต่อมาเมื่อเวลา 02.49 น.ของวันที่ 20 พ.ย. ที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติผ่านร่าง พ.ร.บ.นี้ ในวาระที่สาม ด้วยเสียง 63 เสียงต่อ 14 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง หลังจากที่ประชุมได้ใช้เวลาพิจารณาวาระสอง โดยเป็นการพิจารณาทีละมาตราแล้วเสร็จ ซึ่งเนื้อหาและบทบัญญัติของร่าง พ.ร.บ.กู้เงินในชั้นวุฒิสภาไม่มีการแก้ไข และคงเนื้อหาและถ้อยคำที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ รวมเวลาที่ ส.ว.ใช้พิจารณาตั้งแต่ 18-20 พ.ย.ทั้งสิ้น 28 ชั่วโมง