การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (7 ต.ค.) เริ่มเวลา 09.45 น. โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระเรื่องด่วน ร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว โดยเป็นการพิจารณาในวาระที่ 1 ของวุฒิสภา
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า การดำเนินงานทุกโครงสร้างเป็นไปอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เพราะมีการชี้แจงรายละเอียดอย่างชัดเจน ส่วนความกังวลเรื่องภาระหนี้สิน ยืนยันว่า แม้จะมีการกู้เงินจำนวนดังกล่าว สัดส่วนหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่เกินร้อยละ 50 จึงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ตามกรอบของกองเงินกองคลัง ไม่กระทบต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศ
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาประเทศในภาพรวม รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
ด้านนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ระบุว่า จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ พบว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวยังขาดรายละเอียดเรื่องการกู้เงินในบางโครงการ จึงขอให้รัฐบาลชี้แจงในบัญชีแนบท้าย ขณะเดียวกัน พบข้อสังเกตว่าการกู้เงินดังกล่าวควรศึกษาความพร้อมอย่างรอบด้าน และดำเนินการเฉพาะโครงการที่มีความจำเป็นอย่างแท้จริง รวมทั้งต้องมีการทำประชาพิจารณ์สอบถามความคิดเห็นของประชาชนก่อนที่จะดำเนินการใดๆ
ทั้งนี้ มีสมาชิกขออภิปรายจำนวน 63 คน คาดว่าการอภิปรายจะแล้วเสร็จภายใน 2 วัน คือวันที่ 7-8 ตุลาคมนี้
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่า การดำเนินงานทุกโครงสร้างเป็นไปอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เพราะมีการชี้แจงรายละเอียดอย่างชัดเจน ส่วนความกังวลเรื่องภาระหนี้สิน ยืนยันว่า แม้จะมีการกู้เงินจำนวนดังกล่าว สัดส่วนหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบที่เหมาะสม ไม่เกินร้อยละ 50 จึงมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ตามกรอบของกองเงินกองคลัง ไม่กระทบต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศ
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ที่รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาประเทศในภาพรวม รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ
ด้านนายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา ระบุว่า จากการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ พบว่าร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวยังขาดรายละเอียดเรื่องการกู้เงินในบางโครงการ จึงขอให้รัฐบาลชี้แจงในบัญชีแนบท้าย ขณะเดียวกัน พบข้อสังเกตว่าการกู้เงินดังกล่าวควรศึกษาความพร้อมอย่างรอบด้าน และดำเนินการเฉพาะโครงการที่มีความจำเป็นอย่างแท้จริง รวมทั้งต้องมีการทำประชาพิจารณ์สอบถามความคิดเห็นของประชาชนก่อนที่จะดำเนินการใดๆ
ทั้งนี้ มีสมาชิกขออภิปรายจำนวน 63 คน คาดว่าการอภิปรายจะแล้วเสร็จภายใน 2 วัน คือวันที่ 7-8 ตุลาคมนี้
