กมธ.ศึกษาสอบทุจริต วุฒิฯ พิจารณาปมทูลเกล้าฯแก้ที่มา ส.ว.รองเลขาฯกฤษฎีกา แจงฐานะตัวแทนรัฐ สลค.ทูลเกล้าฯ 1 ต.ค.หลัง คกก.กฤษฎีกาชงความเห็น กลุ่มยื่นค้านไร้ปัญหา ลุยได้ตาม รธน.อ้างไม่มีบทบัญญัติ นายกฯต้องรับผิดชอบ งงร้องศาลขัด ม.68 ปัดจ้อ พ.ร.บ.กู้ 2 ล้านล้าน ขัด ม.169
วันนี้ (10 ต.ค.) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษา ตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มี นายสาย กังกเวคิน ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้พิจารณาถึงประเด็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มมาตราว่าด้วยที่มาของ ส.ว.ที่ล่าสุดพบว่าได้มีการนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ โดย นายนิพนธ์ ฮะกีมี รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าชี้แจงฐานะตัวแทนรัฐบาล ว่า ทราบว่าทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำความเห็นทางกฎหมาย เสนอต่อ สลค.กรณีที่มีกลุ่มบุคคลยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับดังกล่าวมีความขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ โดยอาศัยอำนาจในมาตรา 154(1) ว่าสามารถดำเนินการได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญ โดยทางกฎหมายแล้วเห็นว่าประเด็นที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ นั้นจะมีเฉพาะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ ตามที่มาตรา 291(1) วรรคสองระบุเท่านั้น ส่วนกรณีอื่นตนเห็นว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยตัวบทย่อมเป็นเหตุของการขัดกันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีความขัดกันก็จะไม่เรียกว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
กมธ.ซักถามถึงต่อความรับผิดชอบของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฐานผู้รับสนองพระบรมราชโองการ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะวินิจฉัยว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มมาตราที่ว่าด้วย ส.ว.ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 โดย นายนิพนธ์ กล่าวว่า ไม่มีบทบัญญัติใดที่ระบุถึงความรับผิดชอบดังกล่าว อีกทั้งตนไม่ทราบว่าผลพิจารณาจะออกมาในรูปแบบใด และกรณีที่มีผู้ร้องศาลให้พิจารณาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ส่วนตัวยังงงๆ และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัด บทสรุปของรัฐธรรมนูญที่มีการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วจะตกไปด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตราใด ถือว่าเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาไต่ตรองต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายกรรมาธิการได้สอบถามถึงการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 หรือไม่ โดยนายนิพนธ์ ปฏิเสธที่จะออกความเห็น
วันนี้ (10 ต.ค.) คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษา ตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่มี นายสาย กังกเวคิน ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้พิจารณาถึงประเด็นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มมาตราว่าด้วยที่มาของ ส.ว.ที่ล่าสุดพบว่าได้มีการนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย ตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ โดย นายนิพนธ์ ฮะกีมี รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เข้าชี้แจงฐานะตัวแทนรัฐบาล ว่า ทราบว่าทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำความเห็นทางกฎหมาย เสนอต่อ สลค.กรณีที่มีกลุ่มบุคคลยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับดังกล่าวมีความขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ 2550 หรือไม่ โดยอาศัยอำนาจในมาตรา 154(1) ว่าสามารถดำเนินการได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นขัดกับรัฐธรรมนูญ โดยทางกฎหมายแล้วเห็นว่าประเด็นที่จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ นั้นจะมีเฉพาะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเปลี่ยนแปลงรูปของรัฐ ตามที่มาตรา 291(1) วรรคสองระบุเท่านั้น ส่วนกรณีอื่นตนเห็นว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยตัวบทย่อมเป็นเหตุของการขัดกันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีความขัดกันก็จะไม่เรียกว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
กมธ.ซักถามถึงต่อความรับผิดชอบของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ฐานผู้รับสนองพระบรมราชโองการ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะวินิจฉัยว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลุ่มมาตราที่ว่าด้วย ส.ว.ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 โดย นายนิพนธ์ กล่าวว่า ไม่มีบทบัญญัติใดที่ระบุถึงความรับผิดชอบดังกล่าว อีกทั้งตนไม่ทราบว่าผลพิจารณาจะออกมาในรูปแบบใด และกรณีที่มีผู้ร้องศาลให้พิจารณาว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 หรือไม่ ส่วนตัวยังงงๆ และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัด บทสรุปของรัฐธรรมนูญที่มีการทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแล้วจะตกไปด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาตราใด ถือว่าเป็นปัญหาทางข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณาไต่ตรองต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายกรรมาธิการได้สอบถามถึงการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 หรือไม่ โดยนายนิพนธ์ ปฏิเสธที่จะออกความเห็น