ผบ.ทอ.ชมงานนิทรรศการอาวุธ เล็งจัดซื้อระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับ-ระบบป้องกันฐานบินในอนาคต รับงบประมาณมีน้อยต้องซื้ออาวุธให้พอดีและเหมาะสม ชี้รัฐบาล-ส.ว.ยอมถอย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมลดอุณหภูมิทางการเมือง แนะเขียนกฎหมายต้องยึดหลักนิติรัฐ และ ปชช.จับตาท่าทีม็อบ 11 พ.ย.สั่งติดตามสถานการณ์ เตรียม สห.ทอ.สนับสนุน อีกด้านตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พระวิหารเชื่อ ไทย-กัมพูชา ไร้ปัญหาอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
วันนี้ (7 พ.ย.) ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเยี่ยมชมงานนิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีด้านการทหารและความปลอดภัยระดับเอเชีย 2556 (Defense & Security 2013) ว่า ได้พบกับผู้แทนที่ได้มาออกนิทรรศการเป็นจำนวนมาก และมีอุปกรณ์ที่ตรงกับความต้องการของกองทัพหลายประการ และเห็นความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เป็นตัวนำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในเรื่องยุทธวิธี ดังนั้น ตนได้ให้ฝ่ายอำนวยการของกองทัพอากาศ (ทอ.) ได้เรียนรู้นำข้อมูลไปศึกษาเพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยี ทั้งนี้ ทอ.สนใจเทคโนโลยีที่กำลังดำเนินการศึกษา และกำหนดเป็นแผนงานความต้องการ อาทิ อากาศยานไร้คนขับ (ยูเอวี) ที่มีการใช้งานหลายด้าน ระบบการป้องกันตนเอง ระบบ เน็ตเวิร์กเซ็นทริก ที่เชื่อมโยงกำลังภาคพื้น กำลังทางเรือ และกำลังทางอากาศ โดยมีการศึกษาต่อไปว่า เราจะสร้างให้เป็นเน็ตเวิร์กเซ็นทริกในส่วนของกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ จะมีรูปร่างหน้าต่างอย่างไร ซึ่งจากการชมงานวันนี้น่าจะเป็นพื้นฐานในการต่อยอดได้
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กระทรวงกลาโหมได้นำเทคโนโลยีหลายอย่างมาแสดงนิทรรศการ สภาอุตสาหกรรมการซ่อมบำรุงของบริษัท การบินไทย ด้วย มีมาตรฐานในการใช้งานจริง อาจมีความแตกต่างในเรื่องความซับซ้อน แต่เชื่อว่าเทคโนโลยีและการนำนวัตกรรมมาประกอบกันอย่างเป็นระบบ เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้เราน่าจะขึ้นไปอยู่ในชั้นแนวหน้าได้ ทั้งนี้ เทคโนโลยีต่างๆ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและภัยคุกคาม ดังนั้น เราจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีให้พอเหมาะ เพื่อรองรับงบประมาณได้ หากต้องการเทคโนโลยีที่สูงก็เป็นเรื่องลำบากในการหางบประมาณ ดังนั้น ทุกอย่างต้องให้พอดีกับบริบทพอดีกับงบประมาณที่สามารถจัดหาได้
“ทอ.มีโครงการในการปรับปรุงระบบเซ็นเซอร์เครื่องตรวจจับ ซึ่งระบบนี้ได้มีการจัดแสดงในนิทรรศการด้วย นอกจากนี้เราต้องการได้เครื่องฝึกนักบินในด้านพื้นฐานและการฝึกรบที่เป็นส่วนสำคัญ และระบบป้องกันฐานบิน ส่วนใหญ่ตรงกับความต้องการของ ทอ.แต่ก็ต้องไปตรวจสอบทีโออาร์ว่าตรงกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้หรือไม่ หากมีงบประมาณเท่านี้จะจัดหาอะไรได้บ้าง” พล.อ.อ.ประจิน ระบุ
เมื่อถามว่า กรณีมีการเผยแพร่คลิปอุบัติเหตุการโดดร่มของกองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จะมีอุปกรณ์ที่รักษาความปลอดภัยพลร่มอย่างไรบ้าง พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ได้รับการรายงานจากหน่วยอากาศโยธิน (อย.) ว่า ของเรายังมีขีดจำกัดในเรื่องอุปกรณ์ยังเก่าและไม่ทันสมัย ตนจึงมอบให้ อย.สำรวจและกำหนดความต้องการขึ้นมา ซึ่งได้ดำเนินส่งขึ้นมาแล้วโดยมีการจัดหาความต้องการเร่งด่วนจำนวนน้อย ส่วนการจัดหาแบบแพ็คเกทใหญ่จะมีการดำเนินการในปี 2557-2558 ต่อไป อย่างไรก็ตาม เราถือมาตรฐานความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญ และคำนึงถึงชีวิตผู้ใช้ให้มากที่สุด
พล.อ.อ.ประจิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุมต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า สถานการณ์วันนี้เห็นชัดเจนว่าเป้าหมายแต่ละฝ่ายคล้ายคลึงกันเพื่อให้เกิดสันติสุข ความชอบธรรมภายใต้นิติรัฐ เพียงแต่กลยุทธและแนวทางปฏิบัติที่แต่ต่างกัน ซึ่งการชุมนุม 2 วันที่ผ่านมามีความชัดเจนมากขึ้นและจะมีความชัดเจนขึ้นในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ โดยกองทัพอากาศ (ทอ.) ได้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์และเตรียมสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) ให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรื่องการรักษาความสงบ ทั้งนี้ หากทุกคนเข้าใจเป้าหมายการที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกันน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด เชื่อว่าทุกคนจะหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง จะไม่มีการปะทะ และสถานการณ์จะคลี่คลายไปได้แน่นอน เพียงแต่ขอให้ประชาชนอดทน
“การที่รัฐบาล และ ส.ว.แถลงจุดยืนคว่ำ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแล้ว น่าเป็นการลดสถานการณ์ความตึงเครียดได้ในช่วงนี้ ลดอุณหภูมิทางการเมือง และทำให้ทุกคนให้ความสำคัญการจะทำอะไรเกี่ยวกับกฎหมายจะต้องตรวจสอบหลักนิติรัฐและความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ด้วย” พล.อ.อ.ประจิน ระบุ
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยก่อนที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) จะมีคำตัดสินในคดีปราสาทพระวิหารระหว่างไทย-กัมพูชา ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ว่า ทอ.ได้ตั้งคณะทำงานด้านการข่าวเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งการปฏิบัติของกระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก เห็นได้ว่าเราต้องการให้ 2 ประเทศ มีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อไป อยู่ด้วยกันอย่างสันติ เราพยายามให้ประชาชนและสื่อเข้าใจเจตนารมณ์ของทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ ต้องรอดูภายหลังคำตัดสินของศาลโลกในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้จะมีผลอย่างไร ทั้งนี้คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดสันติและอยู่ร่วมกันได้ ส่วนกรณีในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ กลุ่มที่ต่อต้านได้มีการนัดชุมนุมในพื้นที่เพื่อคัดค้านนั้น ในเรื่องนี้หากเราไม่พยายามทำให้เกิดความขัดแย้งบริเวณชายแดน หรือบริเวณปราสาทพระวิหาร เชื่อได้ว่าเราสามารถเจรจาเพื่อหาทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาได้