รายงานการเมือง
จุดประเด็นการเมืองในโหมด “การต่อสู้” ข้างถนนให้ร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสมุน “นายใหญ่” ที่นั่งเป็น กมธ.พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แปลงกายเปลี่ยนเนื้อหาให้นิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” กันไปเลย
จัดเต็มให้ “นายใหญ่” ผู้มีความฝันสูงสุดคือการกลับบ้าน กลับมาเหยียบแผ่นดินไทย โดยไม่ต้องรับโทษให้ได้สมดั่งหวัง แถมด้วยการปล้นเงินคลังหลวงกลับคืน ประมาณว่าเอาเป็น “พ็อกเกตมันนี่” ในการมาเยือนมาตุภูมิอีกครั้ง
เพราะหากออก “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” สำเร็จ โดยที่ “นายใหญ่” ไม่ได้ผลประโยชน์พ่วงไปด้วย ความชอบธรรมในการออก “กฎหมายล้างผิด” อีกฉบับจึงหมดไปสิ้นเชิง
ถ้าไม่พิงหลัง “ประชาชน” เพื่อประโยชน์ส่วนตัว “นายใหญ่” ก็ทำอะไรไม่สะดวกโยธินเหมือนกัน
ดังนั้นบรรดาสมุนคนไหนที่อยากจะได้หน้าได้ตา หวังทำให้ “นายใหญ่” ประทับใจในฝีมือ ก็ต้องแสดงกันให้สมบทบาทหน่อย เผื่อภายภาคหน้าจะได้เสวยสุขในตำแหน่ง “รัฐมนตรี” กับเขาบ้าง
ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าการเสนอ “กฎหมายล้างผิด” ฉบับ “ทะลุซอย” จะส่งผลกระทบกระเทือนสั่นคลอนรัฐบาล จากที่มีโอกาสอยู่ครบวาระ 4 ปี ให้ร่นอายุสั้นลงก็ตาม
แต่ก็พอมี “พวกเดียวกัน” ออกมาคอยแตะเบรกเอาไว้บ้าง เพราะหากประเมินสถานการณ์แล้วสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์นองเลือดขึ้นมาอีก
แต่ร้อยทั้งร้อยของ “พวกเดียวกัน” ที่ออกมาส่งสัญญาณใส่เกียร์ถอย ล้วนมีนัยแอบแฝง??
ไล่ตั้งแต่ “พรรคร่วมรัฐบาล” รู้ดีว่าหากเร่งเกม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มากเกินไป ผลลำบากจะตกอยู่ที่บรรดาพรรคร่วมฯด้วย เพราะต้องร่วมกันรับผิดชอบ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่สำคัญโครงการต่างๆในกระทรวงที่อยู่ในความดูแล เมื่อผ่านไป 2 ปี แล้วก็เริ่มผลิดอกออกผล หากต้องพัง-ต้องจาก-ต้องหลุก จากตำแหน่งไปก่อน “กระสุน” ที่คิดคำนวณว่าตุนอยู่ในกระเป๋า เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า อาจจะหายวาบไปกับตาก็ได้
ด้าน “คนเสื้อแดง” กลุ่มแนวร่วมประชาธิปัตย์ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.อยากที่จะเสวยสุขต่อ เพราะทุกวันนี้คนที่มีตำแหน่งอย่าง “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ก็เป็นใหญ่เป็นโต มีลูกน้องเดินตามเป็นขบวน
หรือคนไม่มีตำแหน่งอย่าง “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำ นปช. ก็อาจจะมีความสุขดีกับการนั่งรอให้ “ข้าราชการ” ที่อยากวิ่งเต้นเข้ารับตำแหน่งสูงๆ มาคอยเข้าพบที่บ้าน เพื่อเสนอราคาต่อรองกัน ส่วน “ธิดา ถาวรเศรษฐ” ประธาน นปช.ก็น่าจะมีความสุขกับการสั่งการลับๆไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อคอยให้ความช่วยเหลือ “คนเสื้อแดง” โดยเฉพาะงานในอำนาจของกระทรวงยุติธรรม
ฝั่งคนใกล้ชิด “เจ๊ปู” ไม่ว่าจะ “เจ๊ ด.” หรือบรรดา “อาเฮีย” ที่มีบารมีอยู่ในหลายกระทรวงที่เปรียบดั่ง “ขุมทรัพย์” ขุดเท่าไรก็ไม่มีวันหมด โดยเฉพาะ “เจ๊ ด.” ที่บารมีแผ่ไปทั้ง ครม.เกือบจะทุกกระทรวง อยากได้โครงการไหน อยากดูแลเรื่องใดเป็นพิเศษ แทบที่จะไม่มีใครมาเป็นก้างขวางคอ
ไม่เว้นแม้กระทั่ง “สื่อหัวแดง” ก็อุทิศข่าวหน้าหนึ่งส่งซิกให้ถอยเกมนิรโทษกรรม ออกตัวให้รู้ไปเลยว่า กลัวหม้อข้าวที่กอบโกยอยู่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนวัยอันสมควร
ภาพรวมแล้ว “หม้อข้าว” ยี่ห้อ “เพื่อไทย” ในตอนนี้ยังเป็นอู่น้ำ-อู่ข้าว-อู่ทองคำ ของบริวาร “นายใหญ่” ทุกคน
หากจะยอม “ทุบหม้อข้าว” แล้วออกไปสู้ศึกตอนนี้ ทุกคนเกรงว่าจะ “เจ็บตัว” เสียเปล่าๆ อยู่อย่างที่เป็นอยู่ไม่เจ็บแถมยังอิ่มหน่ำสำราญ มองมุมไหนก็ดีกว่าอยู่แล้ว
“ลิ่วล้อ” รู้สึกกันอย่างไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น ติดก็แต่ “นายใหญ่” ที่ชั่วโมงนี้ไม่รู้ไปกินดีเสือหัวใจหมีมาจากที่ไหน เอาช้างมาหยุดก็ไม่อยู่ เหมือนมั่นใจว่ายังไงก็ชนะ ไม่ฟังเสียงนกเสียงกาอีกต่อไปแล้ว
สั่งเดินหน้าใส่เกียร์ห้าแล้ว ไม่มีถอยแน่
เพราะเป็นที่รู้กันแล้วว่า เล่นการเมืองสไตล์ “ทักษิณ” ต้องทุ่มให้หมดหน้าตัก แม้จะรู้ว่ามีอุปสรรคขวางอยู่ก็จะรอจนนาทีสุดท้าย ไม่เคยที่จะยอมลดราวาศอกให้กับใคร หากไปไม่ได้จริงๆ ถึงจะยอม “ถอย”
แต่ก็เป็นการ “ถอย” เพื่อตั้งหลัก “สู้ใหม่”
วงใน “หน่วยงานความมั่นคง” มองว่าตอนนี้ “นายใหญ่” ประเมินแล้วว่า “กลุ่มต้าน” อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ กลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มต่างๆ ที่พอรู้เป็นตัวตนจริงๆ กว่า 65 กลุ่ม ไม่มี “พลัง” พอที่จะมาคัดค้านต่อต้าน “พลัง” ของ “นายใหญ่” ได้
หากมองมวลชนจริงก็มีแค่ของ “ประชาธิปัตย์” เท่านั้น ที่จะยากต่อเจรจา แต่ “หน่วยงานความมั่นคง” ประเมินแล้วว่าไม่ยากเกินกว่าที่ “ตำรวจมะเขือเทศ” จะรับมือ ผลงาน 2 ปีกว่าที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ดี ใครแหลมเข้ามา พวกฟาดดะแบบไม่กลัวมีมลทิน เพราะรู้ดีว่ารัฐบาลไฟเขียวเต็มที่
มีการประเมินจำนวนมวลชนที่จะมาร่วมม๊อบว่า หากถึงเวลาเผาจริง และพรรคประชาธิปัตย์ออกตัวเต็มที่ อย่างมากก็คงมากันแค่หลักหมื่น และส่วนใหญ่เป็นคนจากภาคใต้ นอกจากนี้ยังประเมินขีดความสามารถในการ “คุมม็อบ” ของ “แกนนำ ปชป.” ไว้แล้วด้วยว่าอาจจะฝีมือไม่ถึง การจัดขบวนยังไม่เป็นรูปแบบมากพอ
พูดง่ายๆ “ม็อบ ปชป.” ยังไม่มีกลุ่มสนับสนุนที่แข็งแกร่งจะ “ยอมตาย” แทนได้
แว่วมาว่าข้อมูลการวิเคราะห์ “กลุ่มต้านรัฐบาล” ถูกเสิร์ฟถึงมือ “นายใหญ่” แล้วด้วย จึงทำให้ออกอาการมั่นใจว่า หมากเกมนี้ แม้จะมีเดิมพันที่สูงลิ่ว แต่ก็คุมค่าที่จะลองเสี่ยงดู เพราะหากปล่อยให้โอกาสทองหลุดออกจากมือไป คงอยากที่จะหาโอกาสคัมแบ็กกลับมาใหม่อีกครั้ง
เวลานี้ไม่ว่าจิ้งจกหรือตุ๊กแกทัก “นายใหญ่” ก็ไม่สน ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่โหมดแตกหักอีกครั้ง อาจเป็นศึกที่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อกันอีกรอบ
โดยมีเดิมพันอยู่ที่ “ทักษิณ” แค่คนเดียว