“ยิ่งลักษณ์” ติวความเป็นมาคดีปราสาทเขาวิหาร ก่อนประชุม ผบ.เหล่าทัพ พร้อมฝ่ายความมั่นคงประเมินผลคดีเขมรศาลโลก คาดผลออกมา 4 แนวทาง ทหารห่วงเขมรกร้าวหากชนะคดี จี้บัวแก้วจัดประชุมเจซี เคลียร์ให้ชัดกับกัมพูชาไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ต้องไม่กระทบความสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกันของสองประเทศ ยกหาง “นช.แม้ว” ทำความสัมพันธ์ไทย-เขมรดีขึ้น เชื่อจะไม่มีปัญหาหลังคดีจบ สั่งช่อง 9 และ 11 ยิงสดผลการตัดสิน 4 โมงเย็น
ที่กระทรวงกลาโหม วันนี้ (22 ต.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมเพื่อเตรียมการก่อนที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) จะอ่านคำตัดสินคดีที่กัมพูชายื่นขอตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 ในวันที่ 11 พ.ย. นี้ โดยมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ, พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม, พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.), พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.), พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.), พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์, ตัวแทนคณะกรรมการกฤษฎีกา, กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เข้าร่วม โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ก่อนหน้าการประชุม ทางน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ร่วมหารือนอกรอบคณะเล็กร่วมกับปลัดกระทรวงกลาโหม และผบ.เหล่าทัพ โดย พล.อ.นิพัทธ์ ได้มีการชี้แจงเกี่ยวกับความเป็นมาของคดีปราสาทเขาวิหารให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับทราบก่อนการประชุมคณะใหญ่ ซึ่งใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม เวลา 12.00 น. นายสุรพงษ์แถลงผลการประชุมว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศได้เสนอแนวทางที่ศาลจะพิจารณา 4 แนวทางให้ที่ประชุมได้รับทราบ คือ 1. ศาลโลกตัดสินว่า ไม่มีอำนาจ และไม่มีเหตุต้องตีความ 2. ศาลโลกตัดสินตามคำขอของกัมพูชาว่า ขอบเขตบริเวณใกล้เคียงให้เป็นไปตามเส้นเขตแดนบนแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน 3. ศาลโลกตัดสินให้ขอบเขตบริเวณใกล้เคียงเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2505 และ 4.คำตัดสินจะออกมาเป็นกลางๆ เช่น ศาลยืนยันหรือให้ความกระจ่างเกี่ยวกับน้ำหนักและขอบเขตของเส้นเขตแดนแบบแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ในฐานะเหตุผลของคำพิพากษาปี 2505 และให้คู่กรณีไปเจรจากัน ซึ่งไม่ว่าศาลโลกจะตัดสินออกมาในรูปแบบใด ในที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ไทยกับกัมพูชาต้องพูดคุยกันก่อน โดยใช้เวทีคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-กัมพูชา (เจซี) ซึ่งเป็นกลไกในการพูดคุยที่มีรมว.ต่างประเทศของไทยและกัมพูชาเป็นประธานการประชุม เพื่อตกลงพูดคุยกันก่อนว่า ถ้าผลการตัดสินออกมาเป็นอย่างไรจะต้องไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และการอยู่ร่วมกันของทั้งสองประเทศ โดยในที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมการเจซีเป็นผู้เริ่มดำเนินการ
“หลังจากนี้ผมจะโทรศัพท์หานายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศของกัมพูชา เพื่อหารือเบื้องต้นถึงการจัดการประชุมเจซี ซึ่งทางไทยจะต้องชี้แจงให้กัมพูชารับทราบว่าการดำเนินการต่างๆตามกฎหมายของไทย บางครั้งต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ทั้งนี้ฝ่ายทหารมีข้อห่วงใยให้มีการพูดคุยและตกลงกันก่อน”
ส่วนการส่งทีมงานไปรับฟังคำตัดสินของคดีของศาลโลกในวันที่ 11 พ.ย.นี้ จะมีผู้เดินทางไปเพียงคณะเล็ก คาดว่าจะใช้เวลาในการรับฟังประมาณ 2 ชั่วโมง โดยจะเริ่มตัดสินคดี เวลา 10.00 น.ของวันที่ 11 พ.ย. ตามเวลาในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตรงกับเวลาในประเทศไทยคือ 16.00 น. โดยจะถ่ายทอดสดผ่านช่อง 9 และ 11 และทางสถานีวิทยุต่าๆ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กำชับให้ถ่ายทอดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไปนับจากวันนี้ถึงวันที่ 11 พ.ย.จะมีการประชาสัมพันธ์ให้คนไทยรับทราบถึงความเป็นมาทั้งหมดของคดีปราสาทพระวิหาร นอกจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 1 คณะ โดยจะประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ นักกฎหมายที่ต่อสู้เกี่ยวกับคดีดังกล่าว เพื่อศึกษาวิเคราะห์คำพิพากษาและหาแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป และคาดว่าช่วงปลายเดือนนี้จะมีการประชุมคณะทำงานชุดดังกล่าว เพื่อเตรียมรายละเอียดในแต่ละขั้นตอน ทั้งนี้เชื่อว่า แม้ผลการตัดสินจะออกมาให้กัมพูชาได้เปรียบ แต่คิดว่า กัมพูชาจะยอมพูดคุยด้วย ตนได้คุยกับนายฮอร์ นัม ฮง ก่อนเข้าประชุมวันนี้ว่าจะยึดตามสิ่งที่สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้พูดคุยกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าจะแยกประเด็นคำพิพากษาออกจากความสัมพันธ์ทั่วไป ไม่ว่า คำพิพากษาออกมาเช่นใด ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกันเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างกัน และประชาชนทั้งสองฝ่ายต้องอยู่ร่วมกันได้
“ไม่ว่าผลการตัดสินออกมาอย่างไร ในที่ประชุมพูดคุยว่าจะทำตามขั้นตอนตามกฎหมายไทย โดยผมกับคณะทำงานจะทำรายละเอียดทั้งหมด เพื่อเสนอในที่ประชุมว่า หากผลการตัดสินออกมาในแต่ละแนวทางจะต้องดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ทางฝ่ายทหารยืนยันว่า ถ้ารัฐบาลปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายไทย กองทัพก็พร้อมปฏิบัติตาม จึงมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาในแนวทางการปฏิบัติงาน นอกจากนี้กองทัพยังเสนอแนวทางต่างๆ เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศได้ไปพูดคุยเบื้องต้นกับกัมพูชา จากนั้นฝ่ายทหารของไทยก็จะพูดคุยกับทหารของกัมพูชา”
ส่วนกรณีที่จะมีกลุ่มมวลชนต่างๆออกมาเคลื่อนไหวนั้น จากที่ได้เห็นผลการสำรวจโพลต่างๆ รู้สึกสบายใจว่า ประชาชนยอมรับคำตัดสินของศาล แต่มองว่าฝ่ายที่พยายามไม่เข้าใจพยายามทำให้เกิดกระแสรักชาติ แต่จุดไม่ติด เพราะคนไทยเข้าในสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าอดีต ขอยืนยันว่า ทุกคนคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ส่วนความต้องการส่วนตัว อยากให้ศาลตัดสินคดีให้กลับไปเหมือนปี 2505 และคิดว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะมีการเล่มเกมการเมืองของศาลโลกหรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า คิดว่าไม่มี เพราะศาลทุกท่านให้ความเป็นกลางและไม่ใช่ศาลที่จะวิ่งเต้นกันได้ อีกทั้งศาลจะวินิจฉัยในแต่ละกรณีที่ไม่ทำให้ทั้งสองประเทศทะเลาะเบาะแว้งกัน ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ขอให้คนไทยทุกคนเอาใจช่วย และคิดว่า จะไม่เกิดการการปะทะกัน เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และสมเด็จฯ ฮุน เซน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ขอให้มั่นใจว่าทุกรัฐบาลคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งตนเชื่อว่า ทุกอย่างน่าจะยุติได้หลังวันที่ 11 พ.ย. นี้
เมื่อถามว่า ไม่ว่าคำตัดสินออกมาอย่างไร สมเด็จฯ ฮุน เซนยืนยันว่าจบแน่ใช่หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า เราจะพยายามให้จบ และจะตกลงกันให้ชัดเจน ส่วนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นถือว่า เป็นเพื่อนกับผู้นำหลายประเทศในสมัยที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เฉพาะกัมพูชา และทุกคนต่างให้ความเคารพแนวคิด พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งการที่ทำให้ความสัมพันธ์กลับมาเหมือนเดิมได้ เป็นเพราะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณทำไว้ในอดีตและวันนี้เราก็มาสานต่อ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณติดตามเรื่องนี้มาตลอด และพยายามแก้ไขปัญหาไม่ให้ทะเลาะเบาะแว้งกัน อยากขอร้องให้ในประเทศไทยเลิกนำเรื่องการต่างประเทศมาเล่นเป็นการเมืองภายใน ซึ่งเรื่องนี้เราต้องแยกแยะ