ครม.ใจดี ให้หยุดปีใหม่ 5 วัน เริ่ม 28 ธ.ค.56 ถึง 1 ม.ค.57 สั่ง รฟม.เดินหน้ารถไฟฟ้าสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต 3.8 หมื่นล้าน คาดเปิดใช้ได้ปี 61 อนุมัติ 82 ล้าน ปรับเงินครู ร.ร.พระปริยัติธรรม หมื่นห้าต่อเดือน ตั้ง กมธ.ร่วม “ไทย-เวียดนาม” เน้นกระชับสัมพันธ์
วันนี้ (15 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบตามที่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอวันหยุดในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยประกาศวันหยุดพิเศษเทศกาลปีใหม่ ในวันที่ 30 ธ.ค.2556 รวมแล้วช่วงปีใหม่จะหยุด 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.56 ถึง 1 ม.ค.57 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว และถือเป็นของขวัญจากนายกรัฐมนตรีมอบให้คนไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่
ด้าน นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ระยะทาง 19 กม.วงเงิน 26,569 ล้านบาท ค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด (Provisional Sum) อีก 2,656 ล้านบาท โดยให้ รฟม.จัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาแบบแข่งขันประกวดราคานานาชาติ (International Bidding) พร้อมกันนี้ยังได้อนุมัติงบประมาณให้ รฟม.ว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมการก่อสร้างงานโยธา วงเงิน 1,062 ล้านบาท และอนุมัติแหล่งเงินกู้ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบค่าจัดกรรมสิทธิที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์รวม 7,878 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งสิ้น 38,165 ล้านบาท
โดยคาดการณ์ว่าในปีแรกที่เปิดบริการ จะต้องใช้รถไฟฟ้าทั้งหมด 17 ขบวน (ขบวนละ 4 ตู้) คิดค่าโดยสารเริ่มต้น 13 บาท และเพิ่มขึ้นตามระยะทางอีก 2 บาทต่อกิโลเมตร คาดว่าจะมีผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 185,200 คนต่อวัน ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ 15.4 เปอร์เซ็นต์ อัตราผลประโยชน์ต่อต้นทุน 1.4 เปอร์เซ็นต์ ผลตอบแทนทางด้านการเงิน 2.57 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ราวเดือน มิ.ย.2561
ขณะที่ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติหลักการให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 งบกลาง จำนวนทั้งสิ้น 82,019,600 บาท เพื่ออุดหนุนปรับเพิ่มเงินเดือนครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ให้ได้รับเงินเดือน 15,000 บาท ในปีงบประมาณ 2556 ตามความเห็นสำนักงบประมาณ
โดยปรับเพิ่มเงินเดือนครูและบุคลากรโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาเป็น 11,680 บาท เท่าอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการวุฒิปริญญาตรี ตั้งแต่เดือน ต.ค.2555-ก.ย.2556 (12 เดือน)จำนวน 2,843 รูป และคน วงเงิน 40,309,000 บาท อีกทั้งอุดหนุนเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่เป็นคฤหัสถ์และมีวุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรี ที่มีเงินเดือนไม่ถึงเดือนละ 15,000 บาท ให้ได้รับเพิ่มการครองชีพชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเงินเดือนอีกจนถึงเดือนละ 15,000 บาท ตั้งแต่เดือน ต.ค.2555-ก.ย.2556 จำนวน 1,346 คน วงเงิน 41,710,600 บาท
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-เวียดนาม (Thailand-Vietnam Joint Commission on Bilateral Cooperation: JCBC) ฝ่ายไทย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ โดยให้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานกรรมาธิการร่วม มีกรรมาธิการร่วม 38 คน และมีอธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเป็นเลขานุการ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามความร่วมมือทวิภาคีในภาพรวม และพิจารณาหาแนวทาง มาตรการ และการดำเนินการต่างๆ เพื่อส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับเวียดนามในทุกมิติ ภายใต้หุ้นส่วนยุทธศาสตร์
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้สำนักงานศาลยุติธรรมจัดระบบงานพิเศษ เพื่อรองรับคดีของนักท่องเที่ยว โดย ครม.อนุมัติงบกลางของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม เป็นเวลา 2 เดือน โดยให้ดำเนินโครงการนำร่องในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 7 แห่ง ประกอบด้วย ศาลจังหวัดพัทยา ศาลแขวงเชียงใหม่ ศาลจังหวัดภูเก็ต ศาลจังหวัดเกาะสมุย ศาลจังหวัดกระบี่ ศาลแขวงดุสิต และศาลแขวงปทุมวัน ทั้งนี้ เนื่องจากปัจจุบัน มีปัญหานักท่องเที่ยวตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพ แต่มีข้อจำกัดเรื่องการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะนักท่องเที่ยวมีเวลาพำนักในประเทศไทยเพียงช่วงสั้นๆ จึงมีความจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวว่าจะได้รับการคุ้มครองสิทธิและได้รับความเป็นธรรมจากระบวนการยุติธรรมของไทย ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแนวทางจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ซึ่งจะให้ความสำคัญ 3 ประเด็น คือ เน้นการบูรณาการยุทธศาสตร์ประเทศและยุทธศาสตร์จังหวัดให้สอดคล้องกัน ให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดความสำเร็จ และเน้นแผนงบลงทุน โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 อยากให้เน้นเรื่องงบด้านการลงทุน ซึ่งขอให้ส่วนราชการต่างๆ กำหนดวัตถุประสงค์ในการดำเนินแผนงานต่างๆ ให้ชัดเจน โดยต้องมุ่งเน้นการเพิ่มขึดความสามารถของประเทศ และแผนงานต้องสอดคล้องกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน วงเงิน 2 ล้านล้านบาท และโครงการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย 3.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วก่อนหน้านี้
โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างต่างๆ ของกระทรวงคมนาคม เช่น การสร้างถนน ก็ควรต้องเชื่อมโยงกับเส้นทางคมนาคมในโครงการ 2 ล้านล้านบาท รวมทั้งต้องเชื่อมโยงกับเส้นทางในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ หรือสามารถกระจายความเจริญและการพัฒนาไปสู่หัวเมืองใหม่ๆ ได้ และนายกฯ ขอให้กระทรวงคมนาคม หลีกเลี่ยงการเสนอโครงการก่อสร้างที่ซ้ำซ้อนกับแผนงานที่มีอยู่แล้วในโครงการ 2 ล้านล้านบาท นอกจากนี้ การจัดสรรงบประมาณในปี 2558 นายกฯ เห็นว่าควรให้น้ำหนักกับเนื้องานที่จะแก้ปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะการขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคม และควรจัดลำดับความสำคัญของปัญหา เช่น จังหวัดใดมีปัญหาทารกหลังคลอดเสียชีวิตในอัตราสูง หรือมีปัญหาอาชญากรรมมาก ก็ควรต้องให้น้ำหนักเป็นพิเศษในการจัดสรรงบประมาณ และต้องกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จ เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามวัตถุประสงค์ และการจัดทำงบประมาณ ควรต้องมองถึงอนาคต และวางแผนงานรองรับการทำงานในระยะยาว
นอกจากนี้ ครม.ยังรับทราบปฏิทินเวลา ในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 โดยในช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.56 จะเป็นการจัดทำแผนความต้องการงบลงทุนของส่วนราชการต่างๆ และการวิเคราะห์ความพร้อมของงบลงทุนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ รวมทั้งสรุปแผนความต้องการงบลงทุนในปี 2558 และกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของยุทธศาสตร์ประเทศ หรือ Joint KPI ซึ่งท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยคาดว่า ครม.จะสามารถให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ได้ในการประชุม ครม.วันอังคารที่ 7 มกราคม 2557 และ ครม.น่าจะสามารถให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ได้ในการประชุม ครม.วันอังคารที่ 14 พ.ค.2557 และคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะสามารถนำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2558 เสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ค.2557 ราววันพุธที่ 28 และ พฤหัสบดีที่ 29 พ.ค.2557 และเมื่อมีการพิจารณาครบ 3 วาระ แล้ว คาดว่าจะสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายได้ราววันจันทร์ที่ 8 ก.ย.57
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศ เป็นสายไฟฟ้าใต้ดินรัชดาภิเษก ของการไฟฟ้านครหลวง หรือการนำเสาไฟฟ้าลงใต้ดิน จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการรัชดาภิเษก-อโศก ช่วงจากคลองสามเสน ถึงถนนพระราม 4 ระยะทางรวม 10.1 กิโลเมตร และ โครงการรัชดาภิเษก-พระราม 9 ช่วงจากแยกถนนลาดพร้าว ถึงคลองสามเสน ระยะทางรวมประมาณ 15.3 กิโลเมตร ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ถนนรัชดาภิเษก ถนนระราม ๙ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และถนนพระราม 4 ซึ่งจะใช้งบประมาณ รวม 9,089.58 ล้านบาท และจะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 8 ปี 2556-2563 โดยรัฐบาลคาดว่าจะทำให้กรุงเทพมหานครมีภูมิทัศน์ที่สวยงาม เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนได้อีกทางหนึ่ง รวมทั้งจะช่วยลดอุบัติเหตุจากเสาไฟฟ้าล้ม หรือสายไฟฟ้าขาดได้ ทั้งยังจะทำให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคง สามารถจ่ายกระแสไฟให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องมากขึ้น ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้กระทรวง ICT ไปพิจารณาดำเนินการนำสายโทรคมนาคม คือ สายเคเบิลและสายโทรศัพท์ต่างๆ ลงใต้ดิน พร้อมๆ กับเสาไฟฟ้าด้วย ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ICT รับปากจะนำเรื่องดังกล่าวไปหารือกับ กสทช.นอกจากนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยังระบุว่า ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดพลังงาน โดยขอให้กระทรวงมหาดไทย ไปหารือกับการไฟฟ้าฯ เพื่อจัดทำตารางค่าไฟฟ้า โดยแยกให้เห็นช่วงเวลา ที่ค่าไฟฟ้ามีราคาถูก เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการตัดสินใจ เลือกใช้ไฟฟ้าในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับงบประมาณของตนเอง นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 (2555-2559) วงเงินลงทุน รวม 135,862 ล้านบาทด้วย