รองปลัดฯ ต่างประเทศ เผยศาลโลกแจ้งรับฟังคำพิพากษาเขาพระวิหาร 11 พ.ย.นี้ 16.00 น.ตามเวลาไทย ย้ำประเมิน 4 แนวทาง ระบุนายกฯ นัดถกจันทร์หน้า จ่อคุยเขมรตั้งตัวแทนร่วม 2 ชาติก่อนมีคำตัดสิน หวังเลี่ยงปะทะ พร้อมเดินหน้ากล่อมชาวบ้านยอมรับ เตรียมถ่ายสดแน่
วันนี้ (16 ต.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเวลา 13.30 น. นายณัฏฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงความคืบหน้าล่าสุดกรณีการพิจารณาคดีที่ประเทศกัมพูชายื่นขอตีความคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี พ.ศ. 2505 ของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ล่าสุดว่า วานนี้ (15 ต.ค.) ทางศาลโลกได้แจ้งเป็นการภายในไปยังสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอแลนด์ ว่าศาลได้กำหนดให้ไปรับฟังคำพิพากษาคดีพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 16.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะมีเอกสารแจ้งอย่างเป็นทางการภายในวันนี้
นายณัฏฐวุฒิกล่าวต่อว่า กำหนดการดังกล่าวก็เป็นไปตามที่นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ในฐานะคณะสู้คดีฝ่ายไทยได้ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า ศาลจะใช้เวลาในการพิจารณาคดีประมาณ 6 เดือน หลังการแถลงด้วยวาจาของทั้งสองฝ่ายเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และอ่านคำพิพากษา ราวปลายเดือน ต.ค.หรือต้นเดือน พ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทราบว่า ศาลโลกอาจเลื่อนการคดีอื่นขึ้นมาพิจารณาก่อน อาจทำให้การอ่านคำพิพากษาคดีไทย-กัมพูชามีความล่าช้าออกไป แต่สุดท้ายก็ตรงกับที่เราได้ประเมินตั้งแต่ต้น
รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศยังได้กล่าวถึงการเตรียมการของฝ่ายไทยด้วยว่า เราได้มีการเตรียมการมาตลอดตั้งแต่เมื่อครั้งการไปให้ถ้อยคำด้วยวาจาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาถึงเดือน มิ.ย.ก็ได้มีการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทางด้านงานความมั่นคงและการทหาร เพื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้และแนวทางที่ศาลอาจจะมีคำพิพากษาออกมา โดยประเมินร่วมกับนายวีระชัย และคณะที่ปรึกษาด้วย ต่อมาเดือน ส.ค.ก็ได้นำเรื่องนี้ขึ้นรายงานต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือในวงเล็กของฝ่ายความมั่นคง ซึ่งประกอบด้วย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นายณัฏฐวุฒิกล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางที่ศาลอาจจะตัดสินออกมาได้นั้น เราได้ประเมินไว้ทั้งหมด 4 แนวทาง คือ 1. ศาลอาจจะตัดสินว่าศาลไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดี หรือศาลมีอำนาจ แต่ไม่เหตุที่จะต้องตีความ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างกลับไปอยู่ในสถานะเดิมก่อนที่จะมีการยื่นฟ้องที่ศาลโลก 2. ศาลอาจตัดสินว่าขอบเขตพื้นที่โดยรอบปราสาทเขาพระวิหารเป็นไปตามเส้นเขตแดนบนแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งเป็นไปตามคำฟ้องของฝ่ายกัมพูชาหรือใกล้เคียง 3. ศาลอาจตัดสินเป็นไปตามคำร้องของฝ่ายไทย หมายถึงขอบเขตปราสาทพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีไทย เมื่อ พ.ศ. 2505 และแนวทางที่ 4 คือ ศาลอาจไม่ตัดสินให้เป็นไปตามคำร้องทั้งของไทยและกัมพูชา โดยอาจจะกำหนดขอบเขตพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปหรือไม่อย่างไร นายณัฏฐวุฒิกล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะทำงานของคดีนี้ โดยได้มีการวิเคราะห์ถึงแนวทางต่างๆ และท่าทีของไทย รวมทั้งการที่จะกำหนดกลไกขึ้นมา ทั้งระดับชาติ และระดับคณะทำงานขึ้นมาเพื่อรองรับคำพิพากษาของศาล ในชั้นนี้คณะทำงานของคดีนี้ได้เสนอว่า ควรจะมีตัวแทนร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ที่จะปรึกษาหารือในการดำเนินการต่อไป หลังจากที่ศาลได้มีคำพิพากษา โดยในวันที่ 21 ต.ค.นี้ นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปหารือถึงสถานการณ์ล่าสุดดังกล่าวด้วยที่ทำเนียบรัฐบาล
“ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้จะมีการหารือถึงประเด็นการตั้งกลไกร่วมกับทางกัมพูชาขึ้น รวมทั้งที่ผ่านมา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ ก็ได้ประสานกับทางฝ่ายกัมพูชา ถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งกลไกขึ้น เมื่อให้มีการดำเนินการร่วมกันทั้งก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา และเมื่อมีคำพิพากษาแล้วก็จะเป็นกลไกที่รองรับการดำเนินการไปได้เลย” นายณัฏฐวุฒิ ระบุ
เมื่อถามอีกว่า ปัจจุบันได้มีกลไกทำงานร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชาอยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องตั้งกลไกใหม่ขึ้นมาอีก นายณัฏฐวุฒิกล่าวว่า กลไกใหม่ที่เกิดขึ้นจะเป็นกรอบการทำงานที่กว้างกว่าที่ผ่านมา เพราะต้องมีประเด็นในเรื่องของการทูต การเมือง และการทหาร รวมไปถึงกลไกที่ช่วยให้การปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลโลกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยหลีกเลี่ยงที่จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการการทำความเข้าใจกับประชาชนไทยหลังจากที่ศาลได้มีคำพิพากษาออกมามาแล้ว รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า การประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เมื่อครั้งการให้ถ้อยแถลงด้วยวาจาที่ศาลโลก หลังจากนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ทำการเผยแพร่ถึงแนวทางความเป็นไปได้ถึงแนวทางของคำตัดสินที่จะมีออกมา เมื่อศาลมีคำตัดสินแล้วก็ขึ้นอยู่กับกลไลระดับชาติ ในระดับนโยบายที่จะได้พิจารณามอบหมาย อาจจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการประชาสัมพันธ์และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องขึ้น
ด้านนายเสก วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรอเอกสารการนัดหมายรับฟังการอ่านคำพิพากษาอย่างเป็นทางการของศาลโลกอยู่ โดยเบื้องต้นคาดว่าในวันที่ 11 พ.ย.นี้จะมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์และวิทยุ ในรูปแบบเดียวกับเมื่อครั้งการแถลงด้วยวาจา เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา