ปชป.ดันโครงการไทยเข้มแข็ง 2 ล้านล้าน สู้เงินกู้ 2 ล้านล้านของรัฐบาล ทำแผ่นพับเปรียบเทียบ พร้อมจัดนิทรรศการสู้ เพื่อให้ประชาชนเลือก วางรากฐานสร้างความยั่งยืนครบทุกมิติ แต่ของรัฐบาลมีแต่สร้างหนี้ ขณะเดียวกัน ตอกย้ำรัฐโกหกครบวงจร ทั้งการระบายข้าว ตัวเลขเจ๊ง สต๊อก เย้ยเอ็มโอยูปลอมขายข้าวจีน บี้ “ปู” รับผิดชอบ หลัง “ยรรยง” รับสารภาพกลางสภาไม่มีเอ็มโอยูตามที่นายกฯ อ้าง
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านของรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดทำแผ่นพับรายละเอียดเงินกู้ของรัฐบาลเปรียบเทียบกับโครงการไทยเข้มแข็ง 2 ล้านล้านบาทของพรรค จะจัดนิทรรศการให้ประชาชนเห็นข้อเท็จจริงถึงการใช้เงินที่มีประสิทธิภาพลงทุนอย่างยั่งยืน ครบทุกมิติอย่างแท้จริง โดยมีความแตกต่างระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน เพราะของพรรคจะเป็นการสร้างรากฐานให้ลูกหลานไม่ใช่สร้างหนี้บานเบอะให้คนรุ่นหลัง อีกทั้งยังตรวจสอบได้ มีความโปร่งใส เนื่องจากจะอยู่ในระบบงบประมาณ ครอบคลุมทั้งด้าน คมนาคม ศึกษา สาธารณสุข ไม่ใช่การกู้นอกงบประมาณไม่พัฒนาคน สาธารณสุข และศักยภาพของประเทศ นอกจากด้านคมนาคมเพียงอย่างเดียว โดยในวันพรุ่งนี้จะมีการจัดนิทรรศการเป็นครั้งแรกที่เขตทวีวัฒนา
สาเหตุที่พรรคต้องทำเช่นนี้เพราะรัฐบาลสร้างภาพไม่ให้ข้อเท็จจริงต่อประชาชน ตั้งแต่ที่ จ.หนองคาย ระบุว่ารถไฟความเร็วสูงจะถึง จ.หนองคาย ทั้งที่ในแผนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลจะจบที่ จ.นครราชสีมา ดังนั้นการให้ข้อมูลที่ผิดเพี้ยนเช่นนี้ไม่ใช่การทำงานของรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล จึงต้องให้ข้อมูลต่อประชาชนไม่ให้ภาษีประชาชนถูกใช้อย่างไม่คุ้มค่า
นายชวนนท์ยังกล่าวถึงโครงการจำนำข้าวของรัฐบาล โดยขอย้ำว่ามีปัญหามาก เริ่มจากการขาดทุน ที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง เปิดเผยตัวแลข 4.25 แสนล้านบาท แต่คนในรัฐบาลไม่ตอบโต้ด้วยข้อมูล หรือหลักฐานทางราชการ จึงเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง แต่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กลับดิสเครดิตโดยกล่าวหาว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธรไม่จบบัญชี เป็นการตอบโต้ด้วยฝีปาก แสดงให้เห็นว่าจนแต้มไม่สามารถหาข้อมูลมาหักล้างการขาดทุนดังกล่าวได้ เพราะรัฐบาลไม่เคยเปิดเผยตัวเลขการขาดทุนที่แท้จริง โดยอ้างว่าอยู่ในระหว่างการพิจารณาตลอด แต่ที่น่าแปลกใจคือ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ระบุว่า ขาดทุนไม่เกินแสนล้านบาทต่อปี 2 ปี 2 แสนล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาสร้างรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ได้ แต่รัฐบาลกลับใช้เงินอย่างไม่คุ้มค่าปล่อยให้มีการทุจริตอย่างมโหฬาร
นอกจากนี้ นายนิวัฒน์ธำรงยังอ้างว่าจะขายข้าวให้มณฑลเห่ยเหลียนเจียง 16 ก.ย. 2556 บอกภายในสองสัปดาห์จะมีการลงนามเอ็มโอยู แต่ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วไม่มีการลงนามใดๆ เป็นการคิดไปเองของรัฐบาล สามารถพูดโดยไม่มีข้อเท็จจริง เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ลามมาถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ขัดกันเอง เดิมบอกว่าจะมีการลงนามซื้อข้าวเอกชน 5 ปี 1 ล้านตัน แต่เพราะสัมพันธ์ที่ดีจะเพิ่มเป็น 1 ล้านตันต่อปีเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งนายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ยอมรับว่าไม่มีเอ็มโอยู แต่เป็นเพียงลมปากของนายกรัฐมนตรี โดยอ้างว่ามีความหมายมากกว่าการลงนามในสัญญา หากคิดเช่นนี้ไม่ต้องมีระบบราชการ คิดเอาเอง เป็นการโกหกประชาชนอย่างรุนแรงที่นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ เชื่อว่าจะมีการหลอกตัวเลขประชาชนอีก เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ที่ผู้นำประเทศพูดโดยไม่มีหลักฐานรองรับ เพราะการลงนามขายข้าวมีเพียงของเอกชนไทยกับจีนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
สำหรับสถานะการเงินที่นายยรรยงระบุว่ามีการระบายข้าวส่งเงินคืน ธ.ก.ส.แล้ว 168,000 บาท ก็ไม่ตรงกับตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์เองที่ระบุว่ามีการคืนเงิน ธ.ก.ส.128,000 บาท ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มากเพราะกระทรวงพาณิชย์พยายามปั้นตัวเลขเท็จ กระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ฯรับไม่ได้ และการปิดบัญชีในเดือนธันวาคม 2556 นี้จะต้องไม่ให้เกิน 5 แสนล้าน จึงทำให้มีการปั้นตัวเลขขึ้นมา เป็นการโกหกแบบครบวงจร ทั้งการระบายข้าว การคืนเงิน ตัวเลขสต๊อก มั่วทั้งโครงการและรัฐบาล เป็นการทำลายประเทศไทยและวงการค้าข้าวอย่างรุนแรง นายกต้องลงมาดูแลจะให้พังไปในมือของตัวเองไม่ได้ และต้องให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชน ไม่ใช่พูดอะไรก็ได้เพราะสิ่งที่นายกฯ พูดไม่มีการตอบรับใดๆ จากประเทศจีนเลย