ผู้นำฝ่ายค้านกังขาข้าวแลกรถไฟความเร็วสูง ทั้งที่เพิ่งซื้อ 5 ปี แค่ปีละ 2 แสนตัน คงใช้ข้าวมหาศาล เผยรัฐบาลที่แล้วจะสร้างถึงหนองคายไม่ต้องกู้เงิน แต่รัฐบาลนี้กลับสร้างหนี้ 50 ปีได้แค่โคราช หากจะไปหนองคายต้องรออีก 7 ปี เตือนหลอกคนอีสาน หยุดฝันไปเรื่อยๆ วอนสื่อตรวจสอบรัฐโกหกโฆษณาชวนเชื่อ แนะกลับไปพิจารณาการร่วมทุน เห็นด้วยสื่อนอกมอง “ปู” แค่ไม้แขวนพี่ชาย
วันนี้ (13 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะใช้ข้าวแลกกับโครงการถไฟความเร็วสูงกับจีนว่า อยากให้รัฐบาลพูดความจริงกับประชาชนว่าในเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท โครงการถไฟความเร็วสูงจะไปแค่โคราช ไม่ใช่ไปถึงหนองคาย และการต่อยอดไปถึงหนองคายก็ต้องรอเวลาอีก 7 ปีกว่าที่โครงการระยะแรกจะสำเร็จ ไม่ใช่ไปบอกกับประชาชนว่ารถไฟความเร็วสูงจะถึงหนองคาย ซึ่งจะเป็นการโกหก
นอกจากนี้ เดิมโครงการที่สมัยตนเป็นรัฐบาลทำไว้ก็จะร่วมทุนกับจีนตั้งแต่กรุงเทพฯ จนไปถึงหนองคาย โดยไม่จำเป็นต้องกู้เงิน ทำไมไม่ทำ แต่กลับมากู้เงิน ให้ชาติเป็นหนี้ 50 ปี และสร้างได้แค่ถึงโคราช จากนั้นจะใช้วิธีเอาข้าวไปแลกทั้งที่ความเป็นจริงที่จีนพึ่งซื้อไป 1 ตัน ระยะเวลา 5 ปี เท่ากับปีละ 2 แสนตัน หากเอาข้าวไปแลกกับโครงการดังกล่าวจะต้องใช้ข้าวจำนวนมหาศาลขนาดไหน จึงอยากให้รัฐบาลอยู่กับความเป็นจริง บริหารงานให้เกิดประสิทธิภาพ
“รัฐบาลอย่าหลอกประชาชนโดยเฉพาะคนอีสาน ต้องบอกให้ชัดว่ากู้เงินคราวนี้เป็นหนี้ 50 ปี ทำถึงแค่โคราช แตกต่างจากเดิมที่รัฐบาลตนที่เจรจากับจีนร่วมทุนกันทำรถไฟความเร็วสูงไปถึงหนองคาย รัฐบาลควรหยุดเลิกสร้างความหวัง หรือฝันไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง เพราะรัฐบาลจีนก็อยากมีส่วนร่วมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและมีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องรถไฟความเร็วสูง แต่คนกำหนดกติกาคือรัฐบาลไทย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวเรียกร้องให้สื่อทำหน้าที่ตรวจสอบกรณีที่รัฐบาลไม่ให้ความจริงกับประชาชน แต่กลับใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อโกหกประชาชน สื่อต้องบอกว่าความจริงคืออะไร เพราะที่รัฐบาลบอกว่า 7 ปีทำถึงแค่โคราช อย่าปล่อยให้รัฐบาลไปโฆษณาชวนเชื่อว่าไปถึงหนองคาย หรือปาดังเบซาร์ เพราะไม่ถูกต้อง ซึ่งในขณะนี้ต้องบอกให้คนไทยรับรู้ว่าใน 7 ปีนี้รถไฟความสูงไม่ถึงหนองคายแน่นอน พรรคจึงได้เสนอมาโดยตลอดว่า แนวทางที่ดีที่สุดคือควรกลับไปพิจารณาเรื่องการร่วมทุน โดยเฉพาะกับจีน ที่สร้างทางรถไฟมาถึงชายแดนไทย-ลาว อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ตนยังเห็นว่าเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มีโอกาสที่จะไม่ได้ใช้ เพราะยังมีประเด็นที่ขัดกฎหมายอยู่ ซึ่งขณะนี้วุฒิสภากำลังพิจารณาอยู่ แต่พรรคยืนยันว่าถ้าปล่อยให้กฎหมายเช่นนี้ออกไปได้ วันข้างหน้ารัฐบาลจะไม่มีการเสนอกฎหมายงบประมาณที่ใช้รัฐสภาตรวจสอบ จะกลายเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลบริหารโดยขาดวินัยการเงินการคลัง การทุจริตคอรัปชั่นนำเศรษฐกิจและคนไทยเข้าสู่ความเสี่ยงมากขึ้น
ส่วนกรณีที่สื่อต่างประเทศวิจารณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นเพียงไม้แขวนของพี่ชาย (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) นั้น ตนเห็นว่าตราบใดที่นายกฯ ยังเห็นว่าการช่วยเหลือพี่ชายและพรรคพวกสำคัญกว่าการช่วยเหลือประชาชน โดยไปมุ่งที่การแก้รัฐธรรมนูญและนิรโทษกรรม ก็คงจะสลัดภาพนี้หลุดได้ยาก แต่ถ้าทิ้งประโยชน์พี่ชายแล้วมามุ่งแก้ปัญหาให้ประชาชนอย่างจริงจัง จึงจะทำให้เห็นได้ว่าเป็นนายกฯ ตัวจริง แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะสลัดภาพนี้ออกได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ เอง
