ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเสียงข้างมาก 86 ต่อ 41 เสียง รับหลักการร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ทำรถไฟขนผัก “ชัชชาติ” บอกไม่ใช่อนุมัติโครงการได้เลย ต้องทำอีเอชไอเอก่อน “โต้ง ไวท์ไล” วอน ส.ว.เชื่อเถอะนะ รัฐบาลมีปัญญาใช้หนี้ อ้างคำนวณแล้วไม่กระทบรายจ่ายประจำปี
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติเสียงข้างมาก 86 ต่อ 41 เสียง งดออกเสียง 8 เสียง เห็นชอบรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ ทั้งนี้ที่ประชุมวุฒิสภาได้ใช้เวลาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา มี ส.ว.อภิปราย 71 คน ใช้เวลากว่า 18 ชั่วโมง ส่วนรัฐบาลใช้ไป 24 นาที โดยที่ประชุมได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวจำนวน 25 คน และกำหนดระยะเวลาแปรญัตติภายใน 7 วัน ก่อนสั่งปิดการประชุม
โดยในช่วงท้าย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า การผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะอนุมัติโครงการได้เลย เพราะทุกโครงการต้องดำเนินการตามกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทุกประการ เท่ากับว่าโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟรางคู่จะต้องผ่านการทำอีเอชไอเอก่อน และถ้าโครงการทำอีเอชไอเอไม่ผ่านโครงการนั้นก็ไม่สามารถทำต่อไปได้
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินฯ ร้อยละ 60 เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นเรื่องอนาคต ขณะนี้มีความตกลงกับ 5 ประเทศ เพื่อส่งบุคลากรไปฝึกฝน ดังนั้นเชื่อว่าจะเกิดความตื่นตัว ซึ่งโครงการรถไฟความเร็วสูง รัฐบาลได้มองถึงแง่ความเติบโตของเศรษฐกิจในการสร้างเมืองอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตามขณะนี้มีต่างประเทศแสดงความต้องการที่จะเข้ามาร่วมทุนแล้ว ในสัดส่วนต่างชาติ ร้อยละ 49 และนักลงทุนไทย ร้อยละ 51 ทั้งนี้ในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานรัฐจะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ในด้านการดำเนินการยืนยันจะปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมกฤษฎีกาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยไม่มีประเด็นใดที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแน่นอน
ด้าน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวขอบคุณและชี้แจงว่า การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เป็นกรอบวงเงินเพื่อให้รัฐบาลชุดปัจจุบันและอนาคต กู้เงินไม่เกินวงเงินดังกล่าว ขอให้เชื่อมั่นว่ารัฐบาลสามารถควบคุมวินัยการคลังและการชำระหนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ได้เป็นไปตามที่ ส.ว.ให้ความกังวล และที่ผ่านมาหลายรัฐบาลได้ออกกฎหมายเงินกู้จำนวนหลายฉบับ แต่ไม่มีฉบับใดที่มีแผนการชำระเงินกู้อย่างเป็นทางการ แม้การชำระหนี้ที่มีการคำนวณไว้ 50 ปีจะชำระหมด ภายใต้ข้อสมมติของอัตราดอกเบี้ยที่จะสูงขึ้น และเงินต้น ได้คำนวณอย่างระวังไม่กระทบต่อกฎหมายรายจ่ายประจำปี โดย 10 ปีแรกจะไม่มีการชำระคืนเงินต้นของยอดกู้เงิน แต่หลังจากนั้นจะคืนเงินต้น จำนวน 2 หมื่นล้านบาทต่อปี