“อภิสิทธิ์” เผยสิงคโปร์งงจำนำข้าวรัฐ ทำข้าวไทยร่วงอันดับ 1 ย้ำคำ “หม่อมอุ๋ย” ปัญหาไม่เล็ก ประเมินผิดค้าข้าวแทนเอกชน ไม่ดูบทเรียนพม่า ขาดทุนยับ เมินคำเตือน เปรียบเลขจำนำข้าวเลขมหัศจรรย์ เป็นปริศนาไร้คำตอบ ดักคอรัฐแก้ปัญหาที่ก่ออย่าสร้างภาพโยนบาปคนอื่น อ้างชาวนาไม่พอใจรับเงินช้า ฉะไม่หยุดต้องรอให้เดือดร้อนหนัก ห่วงแต่ผลประโยชน์และผลทางการเมือง
วันนี้ (16 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงถึงการเดินทางไปบรรยายที่ประเทศสิงคโปร์ว่า ไปบรรยายเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเมืองไทยให้ข้าราชการ สื่อมวลชนและนักธุรกิจที่นั่นราว 200 คน พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน 2-3 ปีที่ผ่านมาว่า แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะดูไม่แตกต่างจากในภูมิภาคนี้สำหรับประเทศอื่นๆ แต่มีประเด็นนโยบายซึ่งกำลังเป็นที่จับตา และเกิดการตั้งคำถามว่าจะมีผลกระทบต่ออนาคตของเศรษฐกิจไทยอย่างไร โดยเฉพาะนโยบายจำนำข้าว และกรณีการจะกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อมาทำโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งก็ได้มีการพูดถึงประเด็นทางการเมืองว่า จุดขัดแย้งในสังคมไทยที่ยังหลงเหลืออยู่นี้ ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ และกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นหลัก และมีโอกาสไปพบนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์ด้วย มีการแลกเปลี่ยนถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องทั้งสองประเทศ แล้วก็ในภูมิภาค ซึ่งสิงคโปร์งงมากเรื่องจำนำข้าวที่เคยมาจากไทยเป็นอันดับ 1 แต่ตอนนี้เขานำเข้าจากอินเดีย ที่เขางงคือรัฐบาลไทยทำนโยบายอะไรให้ประเทศไทยไม่สามารถไปค้าขายที่อื่นได้
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การจำนำข้าวชัดเจนตามที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่สะท้อนว่าไม่ใช่ปัญหาเล็ก เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นในโครงการ จากการประเมินตัวเองผิดว่าสามารถควบคุมกลไกตลาดข้าวของโลกได้ จากเดิมที่เอกชนเป็นตัวขับเคลื่อน กลไกตลาดให้เติบโตทางเศรษฐกิจ แต่เมื่อรัฐบาลนี้กลับมาค้าขายข้าวเสียเอง ซ้ำยังขาดทุนปีละราว 2 แสนล้านบาทๆ แต่ผลประโยชน์ตกไปถึงชาวนาแค่ครึ่งหนึ่งของงบประมาณ แต่รัฐบาลนี้กลับไม่ยอมรับความจริงที่หลายสถาบัน หลายองค์กรเตือนไว้ จึงเกิดคำถามว่าเงินที่หายไป มันรั่วไหลถึงใคร และตัวเลขที่เกี่ยวกับจำนำข้าวกลายเป็นตัวเลขมหัศจรรย์ แม้กระทั่งว่า ที่บอกว่าไทยจะขายข้าวให้จีน ถามว่าวันนี้รู้หรือยังว่าขาย ให้โดยใคร อย่างไร เมื่อไหร่ ราคาเท่าไหร่ ทุกอย่างกลายเป็นปริศนา ไม่มีคำตอบจากรัฐบาลนี้
“การที่รัฐบาลตัดสินใจว่าจะค้าขายข้าวเอง ก็มีคำถามว่า เมื่อก่อนพม่าก็เป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ก่อนที่ไทยจะแซงหน้า เพราะรัฐบาลพม่าตัดสินใจว่า จะมาค้าขายเอง ถึงได้ตกหายไป เพราะฉะนั้นเราควรจะเรียนรู้จากพม่า ไม่ใช่ย้อนยุคกลับไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ส่วนกรณีที่นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่ารัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าว และความรับผิดชอบทางการเมือง รวมถึงรับผิดชอบทางกฎหมาย พร้อมแนะฝ่ายค้านว่าอย่าเข้ามาแก้ปัญหาแทนรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สุดท้ายโครงการนี้ก็ต้องกลับมากระทบชาวนา ซึ่งเริ่มมีอาการแล้วว่า โครงการนี้จะล้ม ชาวนาก็จะประสบความยากลำบากในการที่จะเอาข้าวไปจำนำ เพราะจะไม่มีคนที่จะเข้าสู่โครงการนี้ เนื่องจากไม่มั่นใจเรื่องการเงิน เพราะไม่มีที่เก็บ และการทุจริตอีกมากมาย ซึ่งรัฐบาลนี้ต้องแก้ไข ถ้าทิ้งไว้ให้คนอื่นมาแก้ไข เดี๋ยวรัฐบาลนี้ก็จะมาโทษอีกว่าชาวนากำลังจะร่ำรวยเลยขัดขวาง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว การจะช่วยเหลือชาวนาสามารถที่จะทำได้โดยชาวนาได้ประโยชน์ไม่น้อยกว่า ที่ได้จากโครงการจำนำข้าวเลย แต่ว่าใช้เงินน้อยกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง เพราะวันนี้ชาวนาทั้งภาคกลาง อีสานต่างเริ่มไม่พอใจนโยบายนี้ที่รับเงินช้า จึงเกิดคำถามว่า ทำไมต้องรอให้มันเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดินก่อน เปรียบเหมือนกับรถกำลังจะตกเหว ทำไมไม่หยุดเสีย
“เหตุที่รัฐบาลยังไม่ยกเลิกจำนำข้าวเพราะมันเป็นวงจรเกี่ยวโยงถึงผลประโยชน์ทางเรื่องการเงิน และการเมือง ฉะนั้นขณะนี้ยังถือว่านโยบายนี้ยังหาเสียงได้อยู่และยัง มีคนมีความสุขกับการเกาะขี่หลังชาวนากินเงินกว่าแสนล้านอยู่” นายอภิสิทธิ์กล่าว