ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค"เผยสิงคโปร์เป็นงง ไทยทำตัวเองหลุดวงการค้าข้าวโลก หลังรัฐบาลหันมาทำธุรกิจขายข้าวเอง เป็นห่วงซ้ำรอยพม่าตกแท่นเบอร์ 1 โลก "หมอวรงค์"ซัด "ปู" ชวนเชื่อแหกตาคนไทยจีนซื้อข้าว "นิวัฒน์ธำรง" แจงไปเรื่อย ก่อนสรุปตอนนี้ขายข้าวจีนมี 3 ออเดอร์ จีทูจี 5 ล้านตัน มณฑลเฮย์หลงเจียง 1.2 ล้านตัน รัฐวิสาหกิจจีน 1 ล้านตัน แต่รายละเอียดไม่ชัดซักอย่าง "ยรรยง" อัดฝ่ายค้าน นักวิชาการตกยุค มั่วข้อมูล มุ่งแต่โจมตี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่เดินทางไปบรรยายเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองไทยให้กับข้าราชการ นักธุรกิจและสื่อมวลชนประมาณ 200 คนที่สิงคโปร์ ได้มีโอกาสพบปะกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์ โดยมีการแลกเปลี่ยนถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ และในภูมิภาค ซึ่งสิงคโปร์งงมากเรื่องจำนำข้าวเพราะที่ผ่านมา เคยนำเข้าจากไทยเป็นอันดับ1 แต่ตอนนี้สิงคโปร์นำเข้าจากอินเดีย และที่เขางงไปกว่านั้น คือ รัฐบาลไทยทำนโยบายอะไรให้ประเทศไทยไม่สามารถไปค้าขายที่อื่นได้
ส่วนประเด็นที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีรมว.คลัง ที่สะท้อนปัญหาเรื่องจำนำข้าว ไม่ใช่ปัญหาเล็ก เพราะรัฐบาลประเมินตัวเองผิด คิดว่าสามารถควบคุมกลไกตลาดข้าวของโลกได้ โดยมาค้าขายข้าวเสียเอง และยังขาดทุนปีละ 2 แสนล้านบาท อีกทั้งรัฐบาลไม่ยอมรับความจริงที่หลายสถาบัน หลายองค์กรออกมาเตือน จึงเกิดคำถามว่า เงินที่หายไป มันรั่วไหลไปไหน ถึงใคร และตัวเลขที่เกี่ยวกับจำนำข้าวกลายเป็นตัวเลขมหัศจรรย์ แม้กระทั่งที่บอกว่าไทยจะขายข้าวให้จีน ถามว่า วันนี้รู้หรือยังว่าขายให้โดยใคร อย่างไร เมื่อไร ราคาเท่าไร ทุกอย่างกลายเป็นปริศนา ไม่มีคำตอบจากรัฐบาลนี้
“การที่รัฐบาลตัดสินใจว่า จะค้าขายข้าวเอง ก็มีคำถามว่า เมื่อก่อนพม่าเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ก่อนที่ไทยจะแซงหน้า เพราะรัฐบาลพม่าตัดสินใจว่าจะมาค้าขายเอง ถึงได้ตกหายไป เพราะฉะนั้นเราควรจะเรียนรู้จากพม่า ไม่ใช่ย้อนยุคกลับไป”
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึง กรณีที่นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่า รัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าว และรับผิดชอบทางการเมือง รวมถึงรับผิดชอบทางกฎหมาย ว่า สาเหตุที่รัฐบาลยังไม่ยกเลิกโครงการจำนำข้าว เพราะมันเป็นวงจรเกี่ยวโยงถึงผลประโยชน์เรื่องการเงินและการเมือง และขณะนี้ยังถือว่านโยบายนี้ยังหาเสียงได้อยู่และยังมีคนมีความสุขกับการเกาะขี่หลังชาวนากินเงินกว่าแสนล้านอยู่
***อัด "ปู" ชวนเชื่อขายข้าวจีน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีม ต้องแสดงความรับผิดชอบในทางการเมือง ไม่เช่นนั้นประเทศจะเกิดหายนะ เพราะเงินที่สูญเสีย 4.2 แสนล้านบาท ชาวนาได้ประโยชน์เพียง 2.1 แสนล้านบาท จึงมีคำถามว่าเงินที่เสียหายนั้น หายไปไหนและอยู่ที่ใคร ส่วนการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธที่จะชี้แจงรายละเอียดการขายข้าวให้รัฐบาลจีน ก็รู้สึกเห็นใจนายกฯ เพราะเหมือนกับการท่องบทมาให้สัมภาษณ์ และเรื่องนี้ ต้องถือว่าเป็นการพูดฝ่ายเดียว นายกฯ อุปโภคชวนเชื่อคนไทยให้เชื่อเรื่องนี้
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (17 ต.ค.) ฝ่ายค้านได้เตรียมประเด็นกระทู้ถามสดเรื่อง โครงการรับจำนำข้าว จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีจีนออกมาระบุว่าจะซื้อข้าวจากไทย5 ปี จำนวน 1 ล้านตัน แต่นายกรัฐมนตรีไทย กลับออกมาระบุว่า จีนจะซื้อข้าว 5 ปี 5 ล้านตัน ซึ่งมีความแตกต่างหลายเท่า และเห็นว่า เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดชัวร์หรือมั่วนิ่มกันแน่ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของผู้นำที่ทำให้สังคมเคลือบแคลง นายกฯ ต้องออกมาตอบเรื่องนี้
***"โต้ง"ติง"หม่อมอุ๋ย"ระวังให้ข้อมูล
นายกิตติรัตน์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นถึงอดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ต้องระมัดระวังการให้ข้อมูลโครงการรับจำนำข้าว การให้ตัวเลขขาดทุนถึง 4.25 แสนล้านบาท เป็นความเข้าใจที่ผิดและทำให้ผู้อื่นเข้าใจคาดเคลื่อน จะต้องมีการทบทวนและให้มีความชัดเจนมากกว่านี้
"ผมไม่ต้องการตอบโต้ ผมรู้ว่านักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้เรียนบัญชีมา จึงต้องการให้มีการติดตามตัวเลขเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด" นายกิตติรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์ ปฏิเสธที่จะชี้แจงว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล 2 ปี ที่ผ่านมา ที่ใช้เงินไปถึง 6.7 แสนล้านบาท มีผลขาดทุนที่แท้จริงเท่าไร
***"นิวัฒน์ธำรง"ซัดตัวเลขเจ๊งไร้ที่มา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขขาดทุนโครงการจำนำข้าว 4.25 แสนล้านบาท ไม่รู้มาจากไหน ข้อมูลสั้นมาก พิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ชี้แจงได้ ก็คือ ปัจจุบันรับจำนำข้าว 22 ล้านตัน จากผลผลิต 38 ล้านตัน หรือคิดเป็น 60% ของผลผลิตทั้งหมด ในปี 2555 ใช้เงิน 3.4 แสนล้านบาท ปี 2556 ใช้เงิน 3.3 แสนล้านบาท โอนเงินให้เกษตรกรในบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยตรง 3.3 แสนล้านบาท ไม่มีใครเอาไปไหน
ส่วนการขายข้าวในสต๊อก ก็ยังขายต่อเนื่อง และใช้เงินคืนธ.ก.ส.ไปแล้วกว่า 1.6 แสนล้านบาท แต่ยังมีข้าวของปี 2554 ปี 2555 และปี 2556 เหลืออยู่ โดยผลการขาดทุนในโครงการ ต้องรอขายข้าวให้หมดก่อนจึงจะปิดบัญชีได้ ตัวเลขการปิดบัญชีที่ตนเห็นล่าสุด คือ ตัวเลขปิดบัญชีในเดือนม.ค.2556 ฉบับอื่นยังไม่เห็น โดยบัญชีล่าสุดขาดทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่ยังมีข้อถกเถียงเรื่องการคิดราคาจำนวนข้าวที่เหลือในสต็อก ขณะนี้หลายฝ่ายอยู่ในระหว่างการประเมินตัวเลขการขาดทุน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ยังไม่ได้ประเมินการขาดทุนอย่างจริงจัง เพราะยังขายของไม่หมด
***โวเตรียมถกรายละเอียดขายข้าวจีน
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวชี้แจงในเรื่องการขายข้าวให้จีนว่า จีนซื้อข้าวจากไทยหลายวิธีการ ล่าสุด ในการเดินทางเยือนประเทศไทยของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ไทยและจีนได้ลงนามว่าจะซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) อย่างต่อเนื่องให้ได้ปีละ 1 ล้านตัน ซึ่งราคาซื้อขายจะเท่าไรนั้น ในเดือนพ.ย. หรืออย่างช้าเดือนธ.ค. ตนและคณะจะไปหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีนอีกครั้ง โดยไทยจะขายข้าวคุณภาพดี ราคาสูง และใช้ราคาตลาดโลกเป็นราคาอ้างอิง แต่จะไม่กำหนดราคาไว้ เพราะเป็นการขายข้าวในระยะยาว
ทั้งนี้ ในการเยือนของนายกฯ จีน ได้มีการลงนามว่าจะซื้อขายระหว่างรัฐวิสาหกิจจีนกับเอกชนของไทยให้ได้ 1 ล้านตันใน 5 ปี และยังมีการขายแบบรัฐกับเอกชน เอกชนซื้อกับเอกชนอีก ส่วนการขายข้าว 1.2 ล้านตัน ให้มณฑลเฮย์หลงเจียง ไม่เกี่ยวกับยอดขายข้าวแบบจีทูจีครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าการซื้อขายดังกล่าวจะลงนามซื้อขายได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ดังนั้น ตอนนี้มีการขายที่แน่นอนแล้ว 3 ยอด ได้แก่ ขายข้าวมณฑลเฮย์หลงเจียง ขายข้าวจีทูจี และขายข้าวรัฐวิสาหกิจจีนและเอกชนไทย
"ช่วงนี้เราก็เจรจาขายข้าวกับอีกหลายประเทศทั้งประเทศอิรัก และอินโดนีเซีย โดยมีสต็อกรัฐบาลที่สามารถขายได้มีประมาณ 10 ล้านตัน ที่เหลือเป็นข้าวที่มีพันธสัญญาแล้ว" นายนิวัฒน์กล่าว
***"ยรรยง"อัดฝ่ายค้าน-นักวิชาการมั่ว
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวในเรื่องโครงการจำนำข้าวขาดทุน 4.25 แสนล้านบาทว่า ไม่มีอยู่จริง และเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง รัฐบาลคาดจะมีผลขาดทุนปีละกว่า 1 แสนล้านบาทเท่านั้น หากคิดง่ายๆ โครงการรับจำนำปี 2555/56 ธ.ก.ส. จ่ายเงินจำนำข้าวเข้าบัญชีของชาวนาที่เข้าร่วมโครงการ 3.45 แสนล้านบาท และยังมีข้าวจำนวนมากที่ยังขายไม่หมด หากกระทรวงพาณิชย์ขายราคาถูกที่สุดราวตันละ 8,000 บาท หรือในราคาครึ่งหนึ่งของราคาที่รับจำนำ 15,000 บาท ก็จะมีผลขาดทุน 1.7-1.8 แสนล้านบาท จากปริมาณข้าวที่เข้าร่วมโครงการ 22 ล้านตัน
"ถ้าคิดอย่างโง่ที่สุด รัฐบาลขายข้าวในราคาครึ่งหนึ่งของราคารับจำนำ ก็จะมีผลขาดทุนไม่ถึง 2 แสนล้านบาทอย่างที่กล่าวอ้าง แต่กระทรวงพาณิชย์ พยายามจะขายให้ได้ราคาดีที่สุด ไม่ได้ขายดัมพ์ราคาเพื่อแข่งขันกับคู่แข่ง อีกทั้งยังมีข้าวในสต๊อกที่ปลอดภาระผูกพัน หรือยังไม่ได้ขายใครอีกราว 7-8 ล้านตัน จึงยังมีข้าวเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่งที่จะขายเอาเงินมาคืนคลังได้ ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะขาดทุนถึงกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท อย่างที่นักการเมืองฝ่ายค้าน นักวิชาการรุ่นเก่า หรือนักวิชาการตกรุ่นกล่าวอ้าง” นายยรรยงกล่าว
***ห่วงจำนำเจ๊งมากกว่าตามบี้"โต้ง-บุญทรง"
ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีเเละรมว.คลัง กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยเเลนด์ เอฟเอ็ม97เมกะเฮริทซ์ กรณีที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ระบุจะดำเนินการตามคำร้องของม.ร.ว.ปรีดียาธรที่ร้องเรียนให้สอบสวนพฤติกรรมนายกิตติรัตน์ เเละนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่มีพฤติกรรมผิดปกติ คือ ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เข้าประมูลข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ว่า ตนเคยยื่นเรื่องนี้กับผู้ตรวจการเเผ่นดินเมื่อมี.ค.2555 เเต่ไม่มีความคืบหน้า การที่ ปปช. ระบุว่าตนยื่นเรื่องนี้ไปยังปปช. ยืนยันว่าตนไม่เคยยื่นเรื่องนี้กับปปช. แต่อาจเป็นไปได้ว่าผู้ตรวจการเเผ่นดินนำกรณีคำร้องของตนไปส่งให้ ปปช.
"ขอย้ำว่าได้ร้องเรียนผู้ตรวจการเเผ่นดินว่าเกิดความเสียหายกับประเทศเท่าใด โดยระบุบุคคล เเต่ไม่ได้ร้องเรียนเชิงเอาผิดในคดีอาญากับบุคคลที่ร้องเรียน ส่วนข้อมูลของบริษัท สยามอินดิก้า ที่ร้องเรียนนั้น ยืนยันมีเอกสารที่เกี่ยวข้องชัดเจนหลายฉบับ เเต่ไม่รู้ตัวเลขในเอกสาร เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่ยอมให้ตัวเลขที่เกี่ยวกับเอกสารดังกล่าว"
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ตนมองว่ามันเสียหาย เเละ ปปช. จะสอบสวนก็เเล้วเเต่ ปปช. เเต่กรณีนี้มันเล็กเพราะเสียหายหลักพันล้านบาท เเต่สิ่งที่ตนพูดเมื่อวันที่ 15ต.ค. โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ มันขาดทุน 4.25 เเสนล้านบาท หากยังดำเนินการไปเรื่อยๆ ประเทศจะเสียหายหนัก ตนเป็นห่วงตรงนี้่มากกว่า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในช่วงที่เดินทางไปบรรยายเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการเมืองไทยให้กับข้าราชการ นักธุรกิจและสื่อมวลชนประมาณ 200 คนที่สิงคโปร์ ได้มีโอกาสพบปะกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของสิงคโปร์ โดยมีการแลกเปลี่ยนถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ และในภูมิภาค ซึ่งสิงคโปร์งงมากเรื่องจำนำข้าวเพราะที่ผ่านมา เคยนำเข้าจากไทยเป็นอันดับ1 แต่ตอนนี้สิงคโปร์นำเข้าจากอินเดีย และที่เขางงไปกว่านั้น คือ รัฐบาลไทยทำนโยบายอะไรให้ประเทศไทยไม่สามารถไปค้าขายที่อื่นได้
ส่วนประเด็นที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีรมว.คลัง ที่สะท้อนปัญหาเรื่องจำนำข้าว ไม่ใช่ปัญหาเล็ก เพราะรัฐบาลประเมินตัวเองผิด คิดว่าสามารถควบคุมกลไกตลาดข้าวของโลกได้ โดยมาค้าขายข้าวเสียเอง และยังขาดทุนปีละ 2 แสนล้านบาท อีกทั้งรัฐบาลไม่ยอมรับความจริงที่หลายสถาบัน หลายองค์กรออกมาเตือน จึงเกิดคำถามว่า เงินที่หายไป มันรั่วไหลไปไหน ถึงใคร และตัวเลขที่เกี่ยวกับจำนำข้าวกลายเป็นตัวเลขมหัศจรรย์ แม้กระทั่งที่บอกว่าไทยจะขายข้าวให้จีน ถามว่า วันนี้รู้หรือยังว่าขายให้โดยใคร อย่างไร เมื่อไร ราคาเท่าไร ทุกอย่างกลายเป็นปริศนา ไม่มีคำตอบจากรัฐบาลนี้
“การที่รัฐบาลตัดสินใจว่า จะค้าขายข้าวเอง ก็มีคำถามว่า เมื่อก่อนพม่าเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 ก่อนที่ไทยจะแซงหน้า เพราะรัฐบาลพม่าตัดสินใจว่าจะมาค้าขายเอง ถึงได้ตกหายไป เพราะฉะนั้นเราควรจะเรียนรู้จากพม่า ไม่ใช่ย้อนยุคกลับไป”
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึง กรณีที่นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ระบุว่า รัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าว และรับผิดชอบทางการเมือง รวมถึงรับผิดชอบทางกฎหมาย ว่า สาเหตุที่รัฐบาลยังไม่ยกเลิกโครงการจำนำข้าว เพราะมันเป็นวงจรเกี่ยวโยงถึงผลประโยชน์เรื่องการเงินและการเมือง และขณะนี้ยังถือว่านโยบายนี้ยังหาเสียงได้อยู่และยังมีคนมีความสุขกับการเกาะขี่หลังชาวนากินเงินกว่าแสนล้านอยู่
***อัด "ปู" ชวนเชื่อขายข้าวจีน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าทีม ต้องแสดงความรับผิดชอบในทางการเมือง ไม่เช่นนั้นประเทศจะเกิดหายนะ เพราะเงินที่สูญเสีย 4.2 แสนล้านบาท ชาวนาได้ประโยชน์เพียง 2.1 แสนล้านบาท จึงมีคำถามว่าเงินที่เสียหายนั้น หายไปไหนและอยู่ที่ใคร ส่วนการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปฏิเสธที่จะชี้แจงรายละเอียดการขายข้าวให้รัฐบาลจีน ก็รู้สึกเห็นใจนายกฯ เพราะเหมือนกับการท่องบทมาให้สัมภาษณ์ และเรื่องนี้ ต้องถือว่าเป็นการพูดฝ่ายเดียว นายกฯ อุปโภคชวนเชื่อคนไทยให้เชื่อเรื่องนี้
ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (17 ต.ค.) ฝ่ายค้านได้เตรียมประเด็นกระทู้ถามสดเรื่อง โครงการรับจำนำข้าว จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีจีนออกมาระบุว่าจะซื้อข้าวจากไทย5 ปี จำนวน 1 ล้านตัน แต่นายกรัฐมนตรีไทย กลับออกมาระบุว่า จีนจะซื้อข้าว 5 ปี 5 ล้านตัน ซึ่งมีความแตกต่างหลายเท่า และเห็นว่า เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดชัวร์หรือมั่วนิ่มกันแน่ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของผู้นำที่ทำให้สังคมเคลือบแคลง นายกฯ ต้องออกมาตอบเรื่องนี้
***"โต้ง"ติง"หม่อมอุ๋ย"ระวังให้ข้อมูล
นายกิตติรัตน์ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นถึงอดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ต้องระมัดระวังการให้ข้อมูลโครงการรับจำนำข้าว การให้ตัวเลขขาดทุนถึง 4.25 แสนล้านบาท เป็นความเข้าใจที่ผิดและทำให้ผู้อื่นเข้าใจคาดเคลื่อน จะต้องมีการทบทวนและให้มีความชัดเจนมากกว่านี้
"ผมไม่ต้องการตอบโต้ ผมรู้ว่านักเศรษฐศาสตร์ไม่ได้เรียนบัญชีมา จึงต้องการให้มีการติดตามตัวเลขเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด" นายกิตติรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกิตติรัตน์ ปฏิเสธที่จะชี้แจงว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล 2 ปี ที่ผ่านมา ที่ใช้เงินไปถึง 6.7 แสนล้านบาท มีผลขาดทุนที่แท้จริงเท่าไร
***"นิวัฒน์ธำรง"ซัดตัวเลขเจ๊งไร้ที่มา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ตัวเลขขาดทุนโครงการจำนำข้าว 4.25 แสนล้านบาท ไม่รู้มาจากไหน ข้อมูลสั้นมาก พิสูจน์อะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ชี้แจงได้ ก็คือ ปัจจุบันรับจำนำข้าว 22 ล้านตัน จากผลผลิต 38 ล้านตัน หรือคิดเป็น 60% ของผลผลิตทั้งหมด ในปี 2555 ใช้เงิน 3.4 แสนล้านบาท ปี 2556 ใช้เงิน 3.3 แสนล้านบาท โอนเงินให้เกษตรกรในบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยตรง 3.3 แสนล้านบาท ไม่มีใครเอาไปไหน
ส่วนการขายข้าวในสต๊อก ก็ยังขายต่อเนื่อง และใช้เงินคืนธ.ก.ส.ไปแล้วกว่า 1.6 แสนล้านบาท แต่ยังมีข้าวของปี 2554 ปี 2555 และปี 2556 เหลืออยู่ โดยผลการขาดทุนในโครงการ ต้องรอขายข้าวให้หมดก่อนจึงจะปิดบัญชีได้ ตัวเลขการปิดบัญชีที่ตนเห็นล่าสุด คือ ตัวเลขปิดบัญชีในเดือนม.ค.2556 ฉบับอื่นยังไม่เห็น โดยบัญชีล่าสุดขาดทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่ยังมีข้อถกเถียงเรื่องการคิดราคาจำนวนข้าวที่เหลือในสต็อก ขณะนี้หลายฝ่ายอยู่ในระหว่างการประเมินตัวเลขการขาดทุน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ยังไม่ได้ประเมินการขาดทุนอย่างจริงจัง เพราะยังขายของไม่หมด
***โวเตรียมถกรายละเอียดขายข้าวจีน
นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวชี้แจงในเรื่องการขายข้าวให้จีนว่า จีนซื้อข้าวจากไทยหลายวิธีการ ล่าสุด ในการเดินทางเยือนประเทศไทยของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน ไทยและจีนได้ลงนามว่าจะซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) อย่างต่อเนื่องให้ได้ปีละ 1 ล้านตัน ซึ่งราคาซื้อขายจะเท่าไรนั้น ในเดือนพ.ย. หรืออย่างช้าเดือนธ.ค. ตนและคณะจะไปหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีนอีกครั้ง โดยไทยจะขายข้าวคุณภาพดี ราคาสูง และใช้ราคาตลาดโลกเป็นราคาอ้างอิง แต่จะไม่กำหนดราคาไว้ เพราะเป็นการขายข้าวในระยะยาว
ทั้งนี้ ในการเยือนของนายกฯ จีน ได้มีการลงนามว่าจะซื้อขายระหว่างรัฐวิสาหกิจจีนกับเอกชนของไทยให้ได้ 1 ล้านตันใน 5 ปี และยังมีการขายแบบรัฐกับเอกชน เอกชนซื้อกับเอกชนอีก ส่วนการขายข้าว 1.2 ล้านตัน ให้มณฑลเฮย์หลงเจียง ไม่เกี่ยวกับยอดขายข้าวแบบจีทูจีครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าการซื้อขายดังกล่าวจะลงนามซื้อขายได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ดังนั้น ตอนนี้มีการขายที่แน่นอนแล้ว 3 ยอด ได้แก่ ขายข้าวมณฑลเฮย์หลงเจียง ขายข้าวจีทูจี และขายข้าวรัฐวิสาหกิจจีนและเอกชนไทย
"ช่วงนี้เราก็เจรจาขายข้าวกับอีกหลายประเทศทั้งประเทศอิรัก และอินโดนีเซีย โดยมีสต็อกรัฐบาลที่สามารถขายได้มีประมาณ 10 ล้านตัน ที่เหลือเป็นข้าวที่มีพันธสัญญาแล้ว" นายนิวัฒน์กล่าว
***"ยรรยง"อัดฝ่ายค้าน-นักวิชาการมั่ว
นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวในเรื่องโครงการจำนำข้าวขาดทุน 4.25 แสนล้านบาทว่า ไม่มีอยู่จริง และเป็นตัวเลขที่สูงเกินจริง รัฐบาลคาดจะมีผลขาดทุนปีละกว่า 1 แสนล้านบาทเท่านั้น หากคิดง่ายๆ โครงการรับจำนำปี 2555/56 ธ.ก.ส. จ่ายเงินจำนำข้าวเข้าบัญชีของชาวนาที่เข้าร่วมโครงการ 3.45 แสนล้านบาท และยังมีข้าวจำนวนมากที่ยังขายไม่หมด หากกระทรวงพาณิชย์ขายราคาถูกที่สุดราวตันละ 8,000 บาท หรือในราคาครึ่งหนึ่งของราคาที่รับจำนำ 15,000 บาท ก็จะมีผลขาดทุน 1.7-1.8 แสนล้านบาท จากปริมาณข้าวที่เข้าร่วมโครงการ 22 ล้านตัน
"ถ้าคิดอย่างโง่ที่สุด รัฐบาลขายข้าวในราคาครึ่งหนึ่งของราคารับจำนำ ก็จะมีผลขาดทุนไม่ถึง 2 แสนล้านบาทอย่างที่กล่าวอ้าง แต่กระทรวงพาณิชย์ พยายามจะขายให้ได้ราคาดีที่สุด ไม่ได้ขายดัมพ์ราคาเพื่อแข่งขันกับคู่แข่ง อีกทั้งยังมีข้าวในสต๊อกที่ปลอดภาระผูกพัน หรือยังไม่ได้ขายใครอีกราว 7-8 ล้านตัน จึงยังมีข้าวเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่งที่จะขายเอาเงินมาคืนคลังได้ ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะขาดทุนถึงกว่าปีละ 2 แสนล้านบาท อย่างที่นักการเมืองฝ่ายค้าน นักวิชาการรุ่นเก่า หรือนักวิชาการตกรุ่นกล่าวอ้าง” นายยรรยงกล่าว
***ห่วงจำนำเจ๊งมากกว่าตามบี้"โต้ง-บุญทรง"
ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีเเละรมว.คลัง กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซด์ไทยเเลนด์ เอฟเอ็ม97เมกะเฮริทซ์ กรณีที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ระบุจะดำเนินการตามคำร้องของม.ร.ว.ปรีดียาธรที่ร้องเรียนให้สอบสวนพฤติกรรมนายกิตติรัตน์ เเละนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่มีพฤติกรรมผิดปกติ คือ ให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เข้าประมูลข้าวของรัฐบาลชุดนี้ ว่า ตนเคยยื่นเรื่องนี้กับผู้ตรวจการเเผ่นดินเมื่อมี.ค.2555 เเต่ไม่มีความคืบหน้า การที่ ปปช. ระบุว่าตนยื่นเรื่องนี้ไปยังปปช. ยืนยันว่าตนไม่เคยยื่นเรื่องนี้กับปปช. แต่อาจเป็นไปได้ว่าผู้ตรวจการเเผ่นดินนำกรณีคำร้องของตนไปส่งให้ ปปช.
"ขอย้ำว่าได้ร้องเรียนผู้ตรวจการเเผ่นดินว่าเกิดความเสียหายกับประเทศเท่าใด โดยระบุบุคคล เเต่ไม่ได้ร้องเรียนเชิงเอาผิดในคดีอาญากับบุคคลที่ร้องเรียน ส่วนข้อมูลของบริษัท สยามอินดิก้า ที่ร้องเรียนนั้น ยืนยันมีเอกสารที่เกี่ยวข้องชัดเจนหลายฉบับ เเต่ไม่รู้ตัวเลขในเอกสาร เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่ยอมให้ตัวเลขที่เกี่ยวกับเอกสารดังกล่าว"
อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ตนมองว่ามันเสียหาย เเละ ปปช. จะสอบสวนก็เเล้วเเต่ ปปช. เเต่กรณีนี้มันเล็กเพราะเสียหายหลักพันล้านบาท เเต่สิ่งที่ตนพูดเมื่อวันที่ 15ต.ค. โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้ มันขาดทุน 4.25 เเสนล้านบาท หากยังดำเนินการไปเรื่อยๆ ประเทศจะเสียหายหนัก ตนเป็นห่วงตรงนี้่มากกว่า