หน.ปชป.เข้าใจรัฐฯ อยากพูดสิ่งดีๆ แต่งง “ปู” จ้อจีนซื้อข้าวรัฐฯ ตอกแท้จริงซื้อเอกชน ท้าดูสัญญาซื้อขาย อย่าเพิ่งรีบดีใจ แนะไปลดอุปสรรคส่งออกสินค้าเกษตร เชื่อขยายตัวไปจีนดีกว่านี้ ชี้ดีใจขายออกเหตุจำนำข้าวไว้เพียบ คาดไม่แยะราคาต่ำ ซัดทำอุตสาหกรรมข้าวกระทบรุนแรง
วันนี้ (14 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงข่าวว่าจีนปรับการซื้อข้าวจากไทยเพิ่มเติม เป็นปีละ 1 ล้านตัน และจะรับซื้อยางพาราจากไทยปีละ 2 แสนตันนั้น ว่าตนก็งง แม้รู้สึกว่ารัฐบาลนี้อยากจะพูดในสิ่งดีๆ ก็เข้าใจ แต่ก็แปลกใจว่าทำไมเรื่องนี้มาเกิดขึ้นทีหลังวันที่มีการพบปะกันอย่างเป็นทางการ หรือวันที่มีการลงนามในข้อตกลงต่างๆ แต่ข้อเท็จจริง คือ ทางจีนนั้นเขาซื้อข้าวจากเอกชนไม่ได้ซื้อจากรัฐบาล แล้วข้อตกลงในลักษณะนี้ก็เคยทำกันมาแล้ว และเข้าใจว่าปริมาณมากกว่านี้ด้วย ดังนั้น ขอดูของจริงดีกว่าว่าจะมีการซื้อขายกันเมื่อไหร่ เอาสัญญาซื้อขายว่ากันมาเลยว่ามีการซื้อเพิ่มจากปกติที่มีการซื้ออยู่แล้วมากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะดีอกดีใจว่าเป็นข่าวใหญ่โต ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลต้องมุ่งทำคือเรื่องการที่จะไปลดอุปสรรคปัญหาในเรื่องของการส่งสินค้าเกษตรออกไป แก้ปัญหาในเรื่องของด่านหรือการขนส่งข้ามแดนเหมือนรัฐบาลที่แล้วทำ ซึ่งตนเชื่อว่าการขยายตัวของการส่งออกผลไม้ไปประเทศจีนนั้นยังทำได้มากขึ้นดังนั้นต้องสนับสนุน โดยเฉพาะการเชื่อมโยงระบบคมนาคม
เมื่อถามว่าจากเดิมจีนซื้อข้าวจากเอกชนไทยตามราคาตลาดโลก แต่รัฐบาลนี้ดูจะดีใจที่จีนหันมาซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ 5 ปี 5 ล้านตันนั้น อะไรจะเป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่ากัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เวลานี้จะพูดตามหลักการปกติคงยาก เพราะสมัยก่อนตลาดข้าวก็ค้าขายกัน ภาคเอกชนเราก็เข้มแข็งในการทำเรื่องนี้ แต่หลังจากมีนโยบายจำนำข้าวก็มีข้าวอยู่ในมือรัฐบาลมากมาย เพราะฉะนั้น ถ้าระบายข้าวออกจากสต๊อกได้ก็ต้องดีใจแน่นอน เพราะถ้าเกิดรัฐขายไม่ได้เลย เราจะทำอะไรกับข้าวเกือบ 20 ล้านตันที่อยู่ในสต๊อก แล้วก็ยังเก็บเข้ามาเรื่อยๆ ภายใต้นโยบายจำนำ ทั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นการขายซื้อข้าวในราคาต่ำ ซึ่งก็คงได้ไม่เยอะ ดังนั้นก็เป็นตัวบ่งชี้อยู่แล้วว่านโยบายนี้กำลังทำให้อุตสาหกรรมข้าวไทย ซึ่งเคยสามารถทำเงินเข้าประเทศได้มากได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง