xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกเผยจีนดับฝันไทยซื้อข้าวแค่ล้านตันใน 5 ปี จับผิด “นิวัฒน์ธำรง” อ้างมั่วขายให้รัฐวิสาหกิจปักกิ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน เดินทางเยือนประเทศไทยในวันศุกร์(11) และสนับสนุนบริษัทในประเทศซื้อข้าวจากไทย 1 ล้านตันในช่วง 5 ปี
รอยเตอร์ - สื่อต่างประเทศรายงาน ทางการจีนในวันศุกร์ (11) ออกมาดับความหวังของรัฐบาลไทยที่อ้างว่าสามารถลดสต๊อกข้าวลงได้อย่างมากมาย โดยระบุจะซื้อข้าวจากไทยแค่ 1 ล้านตัน ในช่วง 5 ปีข้างหน้า และไม่ได้พาดพิงถึงข้อตกลงแบบรัฐต่อรัฐ แถมแฉยับรัฐวิสาหกิจปักกิ่ง รวมทั้งอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ปฏิเสธข่าวซื้อข้าวจากไทย หลังถูก นายนิวัฒน์ธำรง รัฐมนตรีพาณิชย์ นำไปกล่าวอ้างก่อนหน้านี้

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ารัฐบาลไทยตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากสต๊อกข้าวจำนวนมหาศาล อันสืบเนื่องจากโครงการประชานิยมที่อุดหนุนชาวนา โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยออกมาแถลงขายข้าวให้กับมากมายหลายประเทศ ทว่าส่วนใหญ่แล้วประเทศต่างๆ เหล่านั้นก็ออกมาปฏิเสธ

ล่าสุดรอยเตอร์อ้างคำพูดของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ที่บอกว่าจะซื้อข้าวจากบริษัทเอกชนของไทยในช่วง 5 ปีข้างหน้า แต่กลับไม่ได้พาดพิงถึงข้าวจำนวน 1.2 ล้านตันที่รัฐบาลไทยอ้างเมื่อเดือนที่แล้วว่าได้ขายแก่ปักกิ่งในสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ

ความเห็นดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีจีน ปรากฏอยู่ในบทความๆ หนึ่งซึ่งเผยแพร่ฉบับเต็มบนเว็บไซต์รัฐบาลกลางจีน (www.gov.cn) “ไทยมีชื่อเสียงด้านการผลิตข้าวเช่นเดียวกับผลผลิตพืชสวนไร่นาอื่นๆ และจีนมีความตั้งใจสนับสนุนบริษัทภายในต่อการนำเข้าข้าวจากไทย 1 ล้านตัน ใน 5 ปี เพิ่มเติมด้วยผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ” นายหลี่ ระบุในบทความ

รอยเตอร์บอกว่าโครงการแทรกแซงราคาอันเป็นที่ถกเถียงของไทย เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2011 ด้วยการซื้อข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าตลาด ส่งผลให้ข้าวของประเทศสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและสต๊อกข้าวของรัฐบาลก็พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ

ฝ่ายค้านยังบอกว่า โครงการนี้เต็มไปด้วยเงื่อนงำแห่งการคอร์รัปชัน และบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดีส์ ก็เตือนถึงผลกระทบเลวร้ายของมันต่องบประมาณของประเทศ ขณะที่รอยเตอร์ให้ข้อมูลเสริมว่าตอนนี้ไทยมีสต๊อกข้าวสูงถึง 16 ล้านตัน มากกว่าการส่งออกของปีที่แล้วกว่า 2 เท่า และคิดเป็นร้อยละ 40 ของปริมาณการค้าข้าวทั้งหมดของโลกในแต่ละปี

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ บอกว่าสต๊อกข้าวของรัฐบาลจะลดลงเหลือ 10 ตันในช่วงสิ้นปี หลังมีการส่งออกไปแล้ว 5 ล้านตัน อย่างไรก็ตามทางบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ที่ถูกนายนิวัฒน์ธำรง อ้างว่าได้ซื้อข้าวจากไทยไป 1.2 ล้านตัน ออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยลงนามในสัญญาใดๆ “เราไม่เคยนำเข้าข้าวจากไทย และเรามีแหล่งข้าวแค่เฉพาะท้องถิ่นเท่านั้น” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ Heilongjiang Beidahuang Rice Industry Group Co. Ltd บอกกับรอยเตอร์

รอยเตอร์รายงานต่อว่าอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เป็นอีก 2 ชาติผู้นำเข้าที่ถูกพาดพิงโดยนายนิวัฒน์ธำรง ในฐานะผู้ซื้อ แต่ทั้งสองประเทศก็ออกมาปฏิเสธเช่นกัน “เราซื้อข้าวรวมแล้ว 205,000 ตันในปีนี้ ทั้งหมดมาจากเวียดนาม” เร็กซ์ เอสโตเปเรซ โฆษกองค์การอาหารแห่งฟิลิปปินส์ กล่าว “ไม่มีการนำเข้าจากไทย และเราไม่ทราบเรื่องใดๆเกี่ยวกับการพบปะกันระหว่างฟิลิปปินส์และไทย เมื่อเร็วๆ นี้ ในประเด็นของสัญญาข้าว เราไม่ต้องการซื้อข้าวเพิ่มเติมอีกในปีนี้” ส่วนในจาการ์ตา นายซูตาร์โต อาลิโมเอโซ ซีอีโอของสำนักงานพลาธิการอาหารอินโดนีเซีย (บูล็อก) ก็บอกว่าไม่มีข้อตกลงใดๆ กับไทย

สื่อมวลชนชื่อดังแห่งนี้ระบุว่า ข้ออ้างขายข้าวได้ของไทยและการออกมาปฏิเสธของประเทศที่ถูกพาดพิง เป็นสถานการณ์เดียวกับเมื่อที่แล้ว ซึ่ง นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ณ ขณะนั้นอ้างว่าขายข้าวได้ 7.3 ล้านตัน แต่ก็โดนเหล่าผู้ซื้อที่มีรายชื่อออกมาปฏิเสธแบบทันทีทันใด

ฐานเสียงสนับสนุนของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่อยู่ในแถบชนบท และรอยเตอร์บอกว่ารัฐบาลของเธอทำผิดพลาดที่เสี่่ยงเดิมพันว่าไทยสามารถควบคุมตลาดข้าวโลกได้ด้วยการกักตุนสต๊อกมโหฬาร โดยกลับกันนโยบายประชานิยมนี้ยังทำให้ไทยสูญเสียการเป็นหมายเลข 1 ของโลกในการส่งออกข้าว และมีสิทธิ์เพิ่มข้าวในโกดังที่มีอยู่ในตอนนี้อีกราวๆ 10 ตันในช่วงสิ้นปี จนกว่ารัฐบาลจะสามารถระบายข้าวในสต๊อกได้

บริษัท คอฟโก รัฐวิสาหกิจของจีน ลงนามในสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัทเอกชนไทยในวันศุกร์ (11) ด้วยนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยบอกว่า “สัญญาระหว่างคอฟโกและบริษัทไทย หลังจากนี้จะทำแบบเป็นกรณีๆไป”

อย่างไรก็ตามรอยเตอร์อ้างความเห็นของเหล่าผู้ค้าคาดหมายว่าเอ็มอูยูดังกล่าว จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยใดๆ ต่อตลาดโลกข้าวโลก “ปกติจีนก็นำเข้าจากไทยราว 300,000 ตันในแต่ละปีอยู่แล้ว การเพิ่มขึ้นมาอีกราว 200,000 ตันผ่านเอ็มโอยูนี้ ก็ไม่น่าประหลาดใจอะไร” ผู้ค้าไทยรายหนึ่งซึ่งใกล้ชิดกับสัญญาดังกล่าวบอก
กำลังโหลดความคิดเห็น