xs
xsm
sm
md
lg

อดีตขุนคลัง “ธีระชัย” หนุนลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ดีกว่านำไปหว่านประชานิยม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีตขุนคลัง “ธีระชัย” หนุนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์ ดีกว่านำเงินไปใช้ในโครงการประชานิยม เพราะมีผลต่อระบบ ศก.ระยะสั้นเท่านั้น แนะการลงทุนภาครัฐต้องคุมค่าทั้งหมด ไม่ใช่แค่เอื้อให้บางธุรกิจ “ทีดีอาร์ไอ” แนะอันดับแรกต้องทุ่มเงินให้รถไฟเป็นโครงการเร่งด่วน

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายในงานสัมมนาการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบคมนาคมขนส่ง พ.ศ.2556-2563 โดยระบุว่า การลงทุนระบบคมนาคมของประเทศเป็นเรื่องที่ดีหากเลือกโครงการที่ถูกต้อง และสามารถลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์ ดีกว่านำเงินไปใช้ในโครงการประชานิยมเพราะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจระยะสั้นเท่านั้น

“สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงในการดำเนินโครงการ คือ จะต้องมีความคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ไม่ได้เน้นเฉพาะบางภาคธุรกิจเท่านั้น โดยจะต้องคัดเลือกโครงการที่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพ”

นอกจากนี้ การปราบปรามปัญหาคอร์รัปชันจะต้องเกิดประสิทธิผลอย่างจริงจัง เน้นเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ และควรจัดลำดับความสำคัญของโครงการ ตลอดจนประกาศภาระหนี้สาธารณะต่อประชาชนทุก 3 เดือน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงของรัฐบาล และจะต้องไม่มีการผูกขาดทางธุรกิจเพราะจะทำให้การแข่งขันของประเทศไม่เกิดการพัฒนา

ทางด้าน นายสุเมธ องกิตติกุล นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการหลัง พ.ร.บ. 2 ล้านล้านบาท ผ่านสภาคือ ควรจะดำเนินโครงการรถไฟทางคู่งบประมาณ 4 แสนล้านบาท เป็นอันดับแรก และปฎิรูปโครงสร้างองค์กรด้านการขนส่งทางรถไฟ รวมถึงจะต้องจับตาดูความพร้อมการลงทุนในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการที่ยังศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการยังไม่แล้วเสร็จ และวิเคราะห์ความคุ้มค่าของโครงการ

นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทุกฝ่ายเห็นด้วยกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล แต่ห่วงเรื่องความโปร่งใส และการทุจริตคอร์รัปชัน ดังนั้น รัฐบาลควรแก้ไขกระบวนการทุจริต และเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ต่อสาธารณชน เพื่อพัฒนาประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่วนกรณีที่นักวิชาการหนุนให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมการลงทุนนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะหากรัฐบาลลงทุนเองทั้งหมดจะทำให้หนี้สาธารณะอยู่ในระดับสูง ซึ่งที่ผ่านมา จากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างประเทศพบว่า มีหลายรายสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เช่น ประเทศญี่ปุ่น
กำลังโหลดความคิดเห็น