เกาะกระแส
00 นาทีนี้จะเรียกว่า รัฐบาลของพวก "ระบอบทักษิณ"กลัวม็อบจนเพี้ยนไปแล้วก็อาจจะพูดแบบนั้นก็ได้ เพราะการที่ได้ยินเสียง "ขู่ขยับเขยื้อน"ว่าจะบุกทำเนียบฯหรือรัฐสภาอีกรอบ ก็ตาลีตาเหลือกรีบประกาศปิดถนนในย่านใจกลางศูนย์อำนาจเพิ่มเติมรวมเป็น 14 เส้นทาง แม้ว่าล่าสุดทนเสียงด่าไม่ไหวยอมลดให้ 4 เส้นทาง เหลือ 10 เส้นทาง ก็ยังไม่รู้ว่าจะ "บ้าคลั่ง"ใช้เวลาปิดการจราจร "ละเมิดสิทธิ์ชาวบ้าน"เพื่อ"รักษารัฐบาลห่วยๆ" ไปอีกนานกี่วัน กี่เดือน และชาวบ้านพวก "ไทยเฉย"ที่มักรำคาญกับเรื่อง "รถติด"จะทำอย่างไร เนื่องจากคราวนี้ฝ่ายที่ปิดถนนกลับเป็นรัฐบาล เป็นตำรวจ ไม่ใช่ผู้ชุมนุม ซึ่งเชื่อว่าต้องรับรู้กันให้ถูกต้องว่า "รัฐบาลสั่งปิดถนนไม่ใช่ม็อบ" และตำรวจก็ต้องเข้าใจด้วยว่านี่คือฝีมือของตำรวจของครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร ที่นำโดย ผบ.ตร.พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ ผบ.ชน.พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่เพิ่งไปรับคำสั่งกันมาไม่นานนั่นแหละ
00 แน่นอนว่า คำสั่งดังกล่าวยอมต้องลงมาเป็นทอดๆ จากรองนายกฯ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ที่เตรียมพิจารณาขยายพื้นที่ พรบ.ความมั่นคงฯ เพื่อหวัง"ขับไล่ม็อบอุรุพงษ์"ให้ถอยร่นออกไปเรื่อยๆ ก็อยากจะลองดูเหมือนกันว่าจะกล้าท้าทายอารมณ์ของชาวบ้านอีกหรือไม่ และเชื่อว่านาทีนี้ยิ่งรัฐบาลกดดันควบคุมมากเท่าไหร่ อารมณ์ของคนก็จะปะทุออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนอย่างที่เห็นประจักษ์กับม็อบที่แยกอุรุพงษ์ ที่นับวันจะมีแนวร่วมเข้ามาสมทบเข้ามามากขึ้น เป็นอารมณ์ "เหลืออด"จนใกล้ถึงจุดระเบิดพร้อมกันแล้ว และหวังว่ารัฐบาลจะไม่ "หน้ามืด" ยั่วยุเข้าสลาย ถ้าเป็นแบบนั้นเมื่อไหร่ก็นับถอยหลังได้เลย !!
00 ประเด็นที่เป็นเงื่อนไขเฉพาะหน้าก็ยังเป็นเรื่องการแก้ไข รธน.ในประเด็นที่เหลือนั่นคือ การแก้ไข ม.190 ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจระหว่างประเทศของ ครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร หรือแม้แต่การตีความให้ครอบคลุมไปถึงการเจรจาเขตแดนอย่าง "ไม่มีนัยสำคัญ"รวมเข้าไปด้วย สามารถเดินได้สะดวก ไม่ต้องนำเข้าสภารับรองเหมือนในอดีต เพราะแม้แต่เป็น "สภาทาส"ก็ไม่ยอมให้รับรู้ และถัดมาก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ "คอขาดบาดตาย"นั่นคือการขยับแก้ไข ม.68 ที่ให้อำนาจอัยการสูงสุดใช้ดุลพินิจเพียงช่องทางเดียวในการตีความคำร้องของประชาชนและองค์กรภาคประชาชนในการยื่นตีความต่อศาลรธน.เกี่ยวกับการพิทักษ์รธน.นี่คือการ "ลิดรอนสิทธิ์ประชาชน" โดยฝ่ายรัฐบาลกำลังกระเหี้ยนกระหือรือเร่งเดินหน้าภายในสัปดาห์นี้ ก็น่าจับตาดูว่าจะกล้าทำอย่างที่พูดเอาไว้หรือเปล่า เนื่องจากนี่คือ "ความรู้สึกสะสม"ต่อเนื่องมาจากการแก้ไขเกี่ยวกับที่มา สว.ให้เป็น"สภาขี้ข้า"ได้เกือบสำเร็จสมบูรณ์ไปแล้ว
00 จะว่าไปแล้วการแก้ไข รธน.เพียงแค่2-3 มาตราดังกล่าวหากทำได้สำเร็จทั้งหมด หรือเพียงแค่ 1 หรือ 2 มาตราก็คือบรรลุเป้าหมายของ ทักษิณ แล้ว และหากพิจารณาอย่างรู้ทันก็ต้องบอกว่าเพียงแค่นี้แหละที่เขาต้องการ สามารถ"กินรวบ" ได้ผลประโยชน์ทางธุรกิจจากนโยบายรัฐบาล และมีอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จ แค่นี้ก็สมใจแล้ว ส่วนเรื่องจะแก้ไขทั้งฉบับอ้างประชาธิปไตยอะไรนั่นมัน "ขี้หมา"ทั้งเพ แต่ถ้าได้ตามนัั้นก็ถือว่าเกินคุ้ม กำไรเกินร้อย
00 แม้ว่ายังไม่อาจสรุปได้ว่าอนาคตของม็อบที่แยกอุรุพงษ์จะเป็นอย่างไร แต่ก็เริ่มเห็นวิวัฒนาการบางอย่างในทางบวกมากขึ้น นั่นคือมีคนเข้าร่วม และให้กำลังใจอย่างหลากหลาย อีกทั้งเริ่มมีการสรุปบทเรียนทั้งฝ่ายการเมืองที่ก่อนหน้านี้พยายาม "ตีกิน"เข้าไปบริหารจัดการ "ครอบม็อบ" แต่คราวนี้อาจเป็นเพราะมีการสรุปบทเรียน ทั้งคนที่นำและคนที่พยายามจะเข้าไป เพราะถ้าเข้าไปแบบเดิมอีก มันก็ทำให้ม็อบผิดธรรมชาติ มันกลายเป็นการทำลายตัวเองทางอ้อม เนื่องจากเป้าหมายต้องการทำลายระบอบทักษิณ ดังนั้นหากมองระยะยาวก็ต้องม็อบเดินไปอย่างมีพลังให้นานที่สุด และทางที่ดีที่สุดก็คือให้กำลังใจให้มากที่สุด อย่าให้เหมือนกับกรณีที่เกิดกับ"ม็อบหน้ากากขาว"ก่อนหน้านี้ สะสมกำลังไปเรื่อยๆ วันต่อวัน สัปดาห์ต่อสัปดาห์ยืนระยะเอาไว้ให้ได้ !!