คมนาคม ประสานกำลัง บชน.และกทม.บังคับใช้มาตรการยกรถแทนล็อคล้อ เริ่ม 21 ต.ค.นี้ ดีเดย์บนถนน 10 สายหลักแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด โดยสัปดาห์หน้าจะระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่พร้อมประชาสัมพันธ์ผู้ใช้รถใช้ถนนเข้าใจกฎหมาย
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะทำงานแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเป็นการบูรณาการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร (กทม.) และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมเห็นชอบร่วมกันที่จะแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในถนน 10 เส้นทาง ตามที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บชน.) กำหนดไว้ ประกอบด้วย ถนนลาดพร้าว / พระราม ๔ / สุขุมวิท / รัชดาภิเษก / รามคำแหง / พหลโยธินรวมเกษตร – นวมินทร์ / สาทร / ราชดำเนิน / เพชรบุรี และ วิภาวดีรังสิต โดยช่วงแรกจะระดมเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบด้านกายภาพสภาพทั้งหมด ทั้งสภาพการจราจร การกำหนดความเร็วในการขับขี่ สัญญาณไฟจราจร แนวเส้นจราจร ถนนหรือทางเดินที่ชำรุด คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่สำรวจเบื้องต้นจะเริ่มตรวจสอบในชั่วโมงเร่งด่วน
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายในวันที่ 21 ตุลาคม กรณีพบการจอดรถที่ผิดกฎหมายจะไม่ใช้มาตรการล็อคล้อแต่ใช้วิธียกรถออกจากพื้นที่ รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจัง รวมถึงการลงโทษ โดยจะมีการประเมินผลใน 1 เดือน และ 3 เดือน เพื่อนำประเด็นปัญหาที่พบมาหารือแก้ไขร่วมกัน ซึ่งก่อนวันที่ 21 ตุลาคม ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนและผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับทราบล่วงหน้า หากพบการจอดรถที่ผิดกฎหมายจะดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนก่อน
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะนำระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อแก้ปัญหาจราจร หรือ ITS มาใช้เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว โดยปัจจุบันการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ได้ดำเนินโครงการศูนย์การจราจรอัจฉริยะ ระยะที่ 2 บนทางพิเศษกาญจนาภิเษก( บางพลี – สุขสวัสดิ์) โดยติดตั้งระบบเก็บข้อมูลสภาพการจราจรแบบอัตโนมัติบนทางพิเศษกาญจนาภิเษกและได้มีการพัฒนาระบบ ITS มาใช้บนทางพิเศษอื่น ซึ่งสามารถประมวลผลและจัดการจราจรบนโครงข่ายทางพิเศษรวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทาง การขนส่ง และความปลอดภัยบนทางพิเศษ และได้พัฒนาเป็นแอพลิเคชั่นบนมือถือสมาร์ทโฟนภายใต้ชื่อ EXAT ITS ซึ่ง กทพ. จะประสานงานกับ บก.จร. และ กทม. ในการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป