รัฐบาลกั๊กต่อ พ.ร.บ.มั่นคง แย้มส่งคนร้องถอนประกัน

“ธวัช” โว ตร.พีอาร์ทางเบี่ยงปิดถนนกลัวม็อบแล้ว ยันยังไม่ต่อ พ.ร.บ.มั่นคงเพิ่ม อ้างถ้าชาวบ้านเดือดร้อนหรือม็อบเคลื่อนทัพก็อาจขยายเวลา-เพิ่มพื้นที่ ระบุมีแต่พวกกลุ่มเดิม ปัดตำรวจรับปากให้ กปท.หวนคืนหน้าทำเนียบ “สุภรณ์” ชี้พันธมิตรฯ-ปชป.หนุนชุมนุมอุรุพงษ์ แย้มส่งคนไปร้องศาลฟันพวกติดคดีขึ้นไฮด์ปาร์ก อ้างห่วงมือที่ 3 จี้ผู้ว่าฯ กทม.เคลียร์ย้ายพ้นถนน พร้อมส่งคนไปคุยด้วย กุ “อุทัย” หัวโจก เด็ก “ถ.” ซี้ “สุริยะใส” คนฝ่ายค้าน

วันนี้ (14 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 09.00 น. พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ประกาศปิดเส้นทางการจราจร 14 เส้นทาง เพื่อเตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ปักหลักบริเวณแยกอุรุพงษ์ ถนนพระราม 6 และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ซึ่งประกาศว่าจะมาชุมนุมอีกครั้งบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ บชน.จะได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจเส้นทางชัดเจนมากขึ้น จากการพูดคุยกับ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.เมื่อค่ำวันที่ 13 ต.ค. รายงานว่าได้ติดตามสถานการณ์อยู่ ตนได้เน้นย้ำว่าต้องพยายามให้การจราจรบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาลไหลได้ ต้องมีการประชาสัมพันธ์จัดกำลังเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก อย่างไรก็ตามวันเดียวกันนี้ (14 ต.ค.) ก็คงจะขลุกขลักบ้าง

พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า ในส่วนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เท่าที่พูดคุยกับ พล.ต.อ.อดุลย์ ก็ยังคงกำหนดเดิมคือบังคับใช้ระหว่าง 9-18 ต.ค. ไม่มีการพิจารณาเพื่อยกเลิก เพราะถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นอย่างนี้ก็คงต้องบังคับใช้ไปถึงวันที่ 18 ต.ค. และยังคงพื้นที่เดิมตามที่ได้กำหนดไว้ใน 3 เขต 8 แขวง ซึ่งทาง ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.ยังดูแลสถานการณ์อยู่ได้ เมื่อถามว่ามีสิทธิ์ที่จะขยายเวลาออกไปหรือไม่หากการชุมนุมยังคงยืดเยื้อ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้าสถานการณ์ไม่ดีมีปัญหามากขึ้น ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ก็ต้องติดตามและประเมินสถานการณ์ จะขยายวันเวลาหรือแค่กำหนดเดิมอยู่ที่ข้อเท็จจริงและการประเมินสถานการณ์ ซึ่งจำนวนกลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่ปักหลักบริเวณแยกอุรุพงษ์ ถนนพระราม 6 และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย แต่แม้จะมีจำนวนผู้ชุมนุมมากขึ้น แต่ไม่ไปสร้างความวุ่นวายหรือไม่เคลื่อนย้ายไปจุดอื่นก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาขยายเวลาหรือพื้นที่ แต่ถ้าเกิดความเสียหาย สถานการณ์เปลี่ยนแปลงก็อาจมีการประกาศขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงก็ได้

“จากการรายงานของฝ่ายตำรวจจำนวนผู้ชุมนุมจะเพิ่มขึ้นในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่วันเปิดราชการเช่นเช้าวันจันทร์จำนวนก็ลดลง เจ้าหน้าที่ก็ต้องติดตามและประเมินสถานการณ์ ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมเดิม ทั้งจาก กปท.และ คปท.และกลุ่มที่เคลื่อนไหวเดิม ไม่มีกลุ่มใหม่เข้ามา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางกลับไปแล้ว แต่สถานการณ์ต่อจากนี้รัฐบาลก็ต้องประสานกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ, สตช., สมช. เพื่อประเมินสถานการณ์ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีการขยายพื้นที่ไปจนถึงแยกอุรุพงษ์ที่มีการชุมนุมของกลุ่ม กปท.การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงใน 3 เขตก็ประกาศใช้เพียง 8 แขวงเท่านั้นเพื่อให้กระชับอยู่ในพื้นที่มีปัญหาเท่านั้น จึงไม่น่าจะมีการประกาศเพิ่ม” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงต้องครอบคลุมไปถึงการพิจารณาร่วมรัฐสภา ในมาตรา 190 ในวันที่ 15 ต.ค.ใช่หรือไม่ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นส่วนของรัฐสภา แต่ก็เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการพิจารณา

เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจรับปากว่าหลังนายกรัฐมนตรีจีนเดินทางกลับแล้วจะย้ายการชุมนุมมาที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง พล.ต.ต.ธวัชกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ตกลงเช่นนั้น เป็นเพียงเงื่อนไขเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ตำรวจไม่ได้รับปากตามเงื่อนไขทั้งหมด 100% ยืนยันว่าจะไม่ยินยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมกลับมาปักหลักที่ทำเนียบรัฐบาลอีกแม้กลุ่มผู้ชุมนุมจะอยากมาก็ตาม รวมทั้งสภาด้วย ส่วนที่ประกาศว่ารัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงเมื่อไหร่ก็จะกลับมานั้นก็ไม่เป็นปัญหา เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามสถานการณ์เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความเรียบร้อย ซึ่งในการประชุม ครม.วันอังคารที่ 15 ต.ค.นั้นก็จะมีการหารือและประเมินสถานการณ์กันตามปกติ ส่วนจะต่อเวลาหรือขยายพื้นที่นั้นขึ้นยู่กับ ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.และฝ่ายความมั่นคง

ด้านนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า เราต้องประเมินสถานการณ์กันวันต่อวันว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีกำลังมากน้อยแค่ไหน หรือสถานการณ์มีแนวโน้มจะรุนแรงหรือไม่ ซึ่งวันนี้ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ คงจะมีการเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เท่าที่มีการประเมินขณะนี้มีผู้ชุมนุมกี่กลุ่ม รองเลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า มีหลายกลุ่ม โดยมีการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองด้วย

“ขณะนี้มีความชัดเจนว่ามีการเมืองหนุนหลังม็อบ อย่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ชัดเจน เพราะมีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ มาปรากฏตัวบนเวทีแล้วเมื่อคืน หรือการที่มีกลุ่มสันติอโศกของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มาร่วม หรือนักการเมืองบางคนของพรรคประชาธิปัตย์ก็เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งนักการเมืองเหล่านี้บางคนยังติดคดีอยู่ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ที่ทำคดีอยู่ดำเนินการไปร้องต่อศาล ถ้าใครที่เรื่องอยู่ที่อัยการก็จะไปยื่นต่ออัยการเพื่อขอถอนการประกันตัว” นายสภรณ์กล่าว

เมื่อถามว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ มีโอกาสที่จะขยายเพิ่มวันประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ หรือเพิ่มพื้นที่ไปให้ครบคลุมถึงบริเวณแยกอุรุพงษ์หรือไม่ นายสุภรณ์กล่าวว่า ต้องประเมินกันก่อน เพราะหากการชุมนุมยังมีต่อเนื่องถึงวันที่ 18 ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ก็จะต้องมาประเมินกันว่าทำอย่างไร ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่าจะมีการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธนั้น นายสุภรณ์กล่าวว่า ตรงนี้แหละที่เราห่วงใย และกังวลเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเราไม่เชื่อว่าการชุมนุมจะไม่มีเหตุแทรกซ้อนเพราะทุกครั้งที่มีการชุมนุมก็มักจะมีมือที่ 3 หรือมักจะมีบุคคลที่แอบแฝงมาพร้อมอาวุธ มาสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ชุมนุมโดยบริสุทธิ์ ดังนั้นต้องระวัง

นายสุภรณ์กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงเรื่องการจราจร ที่ผ่านมาตนเรียกร้องมาตลอดว่า วันนี้ผู้ว่าฯ กทม.จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ดังนั้นประชาชนต้องออกมาเรียกร้องให้ผู้ว่าฯ กทม.ออกมาช่วยเจรจา หาทางให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมหรือย้ายไปอยู่ในที่ที่ไม่กระทบกับจราจร ไม่ใช่การทำในลักษณะสนับสนุนเหมือนปัจจุบันที่ส่งมาแม้กระทั่งเครื่องปั่นไฟ รถน้ำดื่ม รถสุขา ให้ผู้ชุมนุม เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่นานๆ และสร้างปัญหาจราจรให้ประชาชนโดยทั่วไป

ส่วนวันนี้ที่เป็นวันครบรอบ 40 ปี 14 ตุลาฯ 2516 และกลุ่มกองทัพประชาชน โค่นล้มระบอบทักษิณ ประกาศให้ประชาชนหยุดงานและมาร่วมชุมนุมเพื่อบุกทำเนียบวันนี้นั้น นายสุภรณ์กล่าวว่า เราเตรียมมาตรการอย่างเต็มที่ มีการนำแบริเออร์มาตั้งไว้รอบทำเนียบและป้องกันเขตพระราชฐาน มีจัดทีมเคลื่อนที่เร็วดูการชุมนุมด้วย อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ประชาจะมีการเรียกประชุมเพื่อประเมินทุกวัน แต่ในระหว่างนี้ก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปเจรจากับแกนนำผู้ชุมนุมด้วยเพื่อขอให้ยุติหรือย้ายไปอยู่ที่สวนลุมพินี

นายสุภรณ์ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักศึกษาว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารสถาบันแล้วพบว่าเป็นการเคลื่อนไหวส่วนบุคคลของนักศึกษา ไม่ได้มาในนามองค์กรหรือสถาบัน และก็พบว่านายอุทัย ยอดมณี แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เป็นคนใกล้ชิดกับนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ ชื่อย่อว่า “ถ.” และมีความสนิทสนมกับนายสุริยะใส กตะศิลา ดังนั้นก็เป็นไปได้ที่จะมีการสั่งการกัน เห็นได้จากการที่นายอุทัยไปเคลื่อนไหวเรื่องยางพารา ซึ่งไม่เกี่ยวกันเลยกับนักศึกษา และวันนี้นายสุริยะใสเองก็ไปจัดรายการที่สถานีโทรทัศน์บลูสกายแล้ว ก็เป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ไปโดยสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นก็มีความผูกพันกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าการร่วมมือกันของกลุ่มต่างๆ ในขณะนี้จะมีผลอะไรต่อรัฐบาลหรือไม่ นายสุภรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลพยายามเดินหน้าปรองดองอย่างเต็มที่ ขณะที่อีกฝ่ายเขาก็พยายามที่จะล้มรัฐบาลให้ได้