xs
xsm
sm
md
lg

แม้ว ผวาแรงกระเพื่อมลามกระทบงานใหญ่รีบสงบศึก"หาญสวัสดิ์" !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

แน่นอนว่าถ้าพูดถึง"ตระกูลหาญสวัสดิ์"ที่ยึดครองพื้นที่ปทุมธานีมานานหลายสิบปี ทั้งการเมืองระดับชาติและท้องถิ่น รวมไปถึง"ธุรกิจผูกขาด" ที่นั่นมานานหลายชั่วคนก็ต้องถือว่าไม่ธรรมดา แต่ถ้านำไปเปรียบเทียบศักยภาพในปัจจุบันกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่แม้ว่ามาทีหลังในสนามการเมือง ก็คงเทียบกันไม่ได้ เพราะความ"เขี้ยว" และแนวทางการทำธุรกิจการเมืองไม่เหมือนกัน เพราะฝ่ายแรกเลือกกินในที่แคบๆนั่นคือเน้นเฉพาะ "ท้องถิ่น"อย่างมากก็แค่"เป็นดองกับเจ๊เกียว"ที่โคราชเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายหลัง "บินสูงกว่าเหลี่ยมจัดกว่า" เพราะกำลังกลายเป็น "นายหน้าข้ามชาติ" ทำตัวแบบ "นักธุรกิจจับเสือมือเปล่า" เลือกกินกำไรคำโตอย่างเดียว

นั่นคือสถานะที่ปูพื้นให้เห็นว่ายิ่งนานไปทั้งสองฝ่ายยิ่งนานก็ยิ่งห่างชั้น เพราะฝ่ายแรกคือ พวกหาญสวัสดิ์ที่เดิมเคยมีบทบาทเป็น "ก๊วนการเมือง"ในร่มชายคาในพรรคไทยรักไทย แต่ก็เป็นลักษณะอิสระ "เลี้ยงดูตัวเอง"ไม่ได้พึ่งพากระสุนจากใคร โดยเฉพาะจาก ทักษิณ และตัวแทนคือ ชูชีพ หาญสวัสดิ์ ก็เคยได้โควตาเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่วนจะมีผลงานอัปยศแค่ไหนไม่ต้องไปพูดถึงกันให้เสียเวลา เอาเป็นว่า สำหรับพื้นที่ปทุมธานีและใกล้เคียงแถบนั้นพวกเขา "เจ๋ง"พอตัวแล้วกัน แม้ว่าตอนนี้จะเสื่อมทรุดลงไปมาก แต่ก็ยังพอมีน้ำยา ปรามาสกันไม่ได้ง่ายๆ กิตติศัพท์ความ "ถ่อยเถื่อน"จะมีหรือไม่ คนในพื้นที่ย่อมรู้ดี

ขณะเดียวกันเมื่อปรียบเทียบศักยภาพกันระหว่าง "เสี่ยแจ๊ส" พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ได้ดีเพราะพี่ให้ อยู่ในเวลานี้ก็ต้องถือว่า "กำลังขึ้นหม้อ" ในสายตานายใหญ่ แน่นอนว่าหากเทียบกันตัวต่อตัวนาทีนี้พวกหาญสวัสดิ์ ก็งด้อยกว่า เพราะฝ่ายแรกเป็นตำรวจ สามารถใช้กลไกรัฐ"ข่ม"ได้อีกทาง บวกกับอำนาจแม้วก็ไม่ต่างจากสองแรงบวก เหนือกว่าอยู่แล้ว

แต่ถามว่าทำไมต้องถอย ก็เพราะว่า "ยังไม่ถึงเวลา" ยังมีงานอื่นที่เร่งด่วนกว่า เรื่องใหญ่กว่าให้ทำ ให้ลุ้นมากกว่า ไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาจัดการกับพวก "นักเลงท้องถิ่น"ในเวลานี้ให้เสียเวลา ดีไม่ดีเกิดป่วนทำให้เสียการใหญ่ไปเปล่าๆได้ไม่คุ้มเสีย

สำหรับงานใหญ่ของ ทักษิณ ชินวัตร และทีมงานคงจะเป็นเรื่องอื่นไปไม่ได้นอกจากเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านด่านสภาไปแล้วก็เป็นเรื่องที่มาของ สว. และกำลังจ่อแก้ไขมาตรา 190 ที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญต่อการ "ทำธุรกิจข้ามชาติ" เพราะในสาระสำคัญเป็นการเปิดทางให้รัฐบาล"หุ่นเชิด"สามารถเจรจาครอบคลุมทั้งเรื่องการค้าระหว่างประเทศ รวมไปถึงเจรจาเขตแดนที่ไม่เข้าข่าย "นัยสำคัญ" นั่นคือ "ตามสะดวก"ไม่ต้องนำเข้าขอความเห็นชอบจากรัฐสภาให้รำคาญใจ แม้ว่าจะเป็น"สภาทาส" ยกมือผ่านสะดวก แต่ก็ยังมีฝ่ายค้านคอยตรวจสอบถือว่ายังมีอุปสรรคอยู่ดี เรื่องงบประมาณปี 57 เรื่องเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เป็นเรื่องเงินเรื่องทองก้อนโต อย่างน้อยก็เตรียมเป็น "กระสุน"เอาไว้รองรับหากมีความจำเป็นหรือมีอุบัติเหตุทางการเมืองจนต้องยุบสภาเลือกตั้งใหม่

นี่คือเรื่องใหญ่ ที่เจ้าของรัฐบาล เจ้าของ สส. สว.รวมไปถึงเข้าของพรรคเพื่อไทย อย่าง ทักษิณ ชินวัตร กำลังสาละวนจนมือเป็นระวิงอยู่ในเวลานี้ เพราะแม้ว่าบางเรื่องที่ผ่านรัฐสภาจะสามารถสั่งการให้พวก "ขี้ข้า"ทั้งหลายซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบแล้วก็ตาม แต่เมื่อยังมีกลไกอื่นที่ยังควบคุมได้ไม่เต็มร้อย อย่างเช่นการรับพิจารณาตีความแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับที่มาของสว.ในศาลรัฐธรรมนูญ ที่ในเบื้องต้นศาลฯระบุว่า "มีมูล"ตามคำร้องว่าเข่าข่าย"ล้มล้างการปกครอง"ตามมาตรา 68 และยังมีเรื่องของ ร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่แม้ว่าจะผ่านสภาแบบไม่มีปัญหา แต่ก็ยังต้องเจอกันในศาลรัฐธรรมนูญอีกเช่นเดียวกัน เพราะมีคนจองกฐินไว้ล่วงหน้าแล้ว

กรณีที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่กว่า เพราะถ้าพลาดก็ต้องเริ่มเกมกันใหม่ในสนามเลือกตั้งใน"บรรยากาศที่ไม่เหมือนเก่า" ที่แม้ว่าจะมีโอกาสชนะได้กลับมายึดอำนาจรัฐได้อีกรอบ แต่มันอาจจะไม่ง่ายเหมือนเดิม เพราะคนรู้ทันเพิ่ม อย่างน้อยก็ได้เห็นจากความห่วยแตกจากรัฐบาลน้องสาวตัวเอง คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนรำคาญไปทุกหย่อมหญ้า ดังนั้นก็เป็นไปได้ว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรสร้าง "แรงกระเพื่อม"ภายในให้เกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าเรื่องนั้นจะกระจอกแค่ไหนก็ตาม ซึ่งยังไม่รวมเรื่องความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรีที่ยังต้องตอบแทน แต่เมื่อยังไม่ถึงเวลาเหมาะก็ต้อง "เหยียบ"เอาไว้ก่อนชั่วคราว

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ทักษิณ ชินวัตร ต้องรีบเคลียร์กับพวก หาญสวัสดิ์ ในปทุมธานี เพราะแม้ว่าหากคำนวณตามสายตาแล้ว ในปัจจุบันเขาคงไม่ให้ราคาเหมือนเช่นในอดีต หรือเทียบกับ "แจ๊ส" คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง แต่ก็อย่างว่าแหละในเมื่อยังไม่ถึงเวลาต้อง "หัก"อย่างเป็นทางการ สนามการเมืองยังไม่เปิด รอให้ผ่านเรื่องสำคัญไปก่อน ถึงตอนนั้นคอยดูก็แล้วกันว่า ใครก็ตามหากไม่มีประโยชน์ ไม่ได้กำไร ก็คงรู้อนาคตล่วงหน้าได้ดีอยู่แล้ว !!
กำลังโหลดความคิดเห็น