โฆษก กห.เผยผลประชุมสภา กห.เตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติในหลวง มีแผนแสดงพลุ วงโยธวาทิต รับลูก ครม.ไฟเขียวทหารแก่ลาออกก่อนเกษียณ หวังปรับกำลังพลสูงอายุ พร้อมรับเงินก้อน 10-15 เท่า ทบ.สรุปผลงาน 1 ปี แก้ไฟใต้ นายกฯ ฝากกำชับข่าวความมั่นคงต้องเร็วและเข้าใจ ห่วงความปลอดภัย จนท.ใต้ สั่งกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์จากผลงานวิจัยยุทโธปกรณ์พิเศษนำไปใช้แก้ปัญหา
วันนี้ (26 ก.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหม ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม ว่ากระทรวงกลาโหมจะจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมมีแผนจัดกิจกรรมแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติฯ และการแสดงวงโยธวาทิตของกองทัพไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโรงเรียนมัธยมที่มีชื่อเสียงในช่วง ธ.ค.2556 โดยเสนอให้เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติฯของรัฐบาล และกระทรวงกลาโหมเป็นหน่วยรับผิดชอบ โดย รมว.กลาโหม ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพสนับสนุนกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ รวมทั้งเชิญชวนให้ทุกภาคส่วนเข้าร่วมกิจกรรม
พ.อ.ธนาธิป กล่าวต่อว่า การประชุมสภากลาโหม ที่ประชุมได้รับทราบโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดของกระทรวงกลาโหม ประจำปีงบประมาณ 2557-2561 ตามที่ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.ย.2556 ให้ดำเนินโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557-ปีงบประมาณ 2561 เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อปรับลดกำลังพลสูงอายุถึงร้อยละ 26.6 ของจำนวนโดยรวมลง โดยผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือเวลาราชการไม่รวมเวลาราชการทวีคูณตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป หรือมีเวลาราชการเหลืออย่างน้อย 2 ปีขึ้นไปสมัครเข้าร่วมโครงการได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ จำนวน 5,901 นาย ทั้งในส่วนกำลังรบ ส่วนสนับสนุนการรบของเหล่าทัพอีก 3,835 นาย ส่วนอื่นๆ อีก 2,066 นาย ซึ่งสิทธิประโยชน์จะได้รับเงินก้อน 10-15 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย รวมเงินประจำตำแหน่งและได้รับการยกเว้นภาษีเงินก้อนและภาษีจากสิทธิประโยชน์ ของกองทุนบำเหน็จบำนาญ (กบข.) ด้วย จึงขอให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการสมัครได้ที่หน่วยต้นสังกัด ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย.- 2 ต.ค.2556 นี้โดยไม่เว้นวันหยุดราชการ
โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มอบหมายให้ พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง รอง ผอ.ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 5 (ศปป.5) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สรุปสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ในรอบ 1 ปีให้นายกรัฐมนตรีได้รับทราบ ซึ่งสถานการณ์ที่ผ่านมาว่าหน่วยปฏิบัติไม่ได้เน้นถึงทิศทางว่าเป็นผลดีหรือไม่อย่างไร แต่มุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาด้านต่างๆ ที่ดีขึ้นโดยเฉพาะการก่อเหตุรายวันลดลง เมื่อเทียบกับทุกปี 2555 และเน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม ส่วนแผนการดำเนินงานปี 2557 จะเน้นนโยบายเชิงรุกทางทหารและการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนเรื่องการเมืองมุ่งเน้นการปรับทัศนคติการทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ เพื่อไปพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ พร้อมการพัฒนาคู่ขนาดกันไปโดยได้นำข้อดีของการปฏิบัติงานในปี 2556 ไปต่อยอด ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยเน้นถึงเรื่องยุทโธปกรณ์พิเศษที่จะนำไปใช้แก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้และมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหมพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์จากผลงานวิจัยยุทโธปกรณ์พิเศษได้ผลิตและส่งมอบผลงานวิจัยสนับสนุนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน. ภาค 4 สน.) เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติภารกิจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาอย่างต่อเนื่อง
“นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงแผนการป้องกันการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยขอให้หน่วยงานด้านประชาสัมพันธ์ชี้แจงแยกประเด็นการก่อเหตุด้านความมั่นคง ยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ของเถื่อน เรื่องส่วนตัว เพื่อเสนอมาเป็นภาพรวมป้องกันการทำงานคลาดเคลื่อน รวมถึงคณะทำงานและบูรณาการกล้องซีซีทีวี ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง สามารถแชร์ข้อมูลให้ได้ทั้ง ศอ.บต.ทางจังหวัด กระทรวงมหาดไทย และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงความคืบหน้าเส้นทางเพื่อความปลอดภัย โดยมอบให้ทหารช่างไปออกดำเนินการ 37 เส้นทาง 37 อำเภอแบ่งออกเป็น จ.ยะลา 8 เส้นทาง จ.ปัตตานี 12 เส้นทาง จ.นราธิวาส 13 เส้นทาง และ จ.สงขลา 4 เส้นทาง โดยเน้นการซ่อมแซมลาดยางบนพื้นผิวเป็นหลัก ไม่เน้นการสร้างใหม่ ซึ่งใช้งบของ ศอ.บต.จำนวน 532 ล้านบาท ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีอยากให้หน่วยงานวิจัยและการพัฒนาของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ไปศึกษาร่วมกันในแง่มุมของยุทโธปกรณ์ที่มีอยู่เดิมเพื่อไปต่อยอด รวมทั้งให้เสนอความต้องการใหม่การปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้หน่วยงานวิจัยไป พัฒนาว่า สามารถวิจัยเองได้หรือไม่หรือต้องพึ่งพานอกประเทศเพื่อให้สอดคล้องกับงบ ประมาณที่จำกัดและให้ทุกเหล่าทัพได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าว
พ.อ.ธนาธิป กล่าวต่อว่า ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียังฝากกำชับงานด้านการข่าวของทุกภาคส่วนตั้งแต่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมจนถึงเหล่าทัพ ให้แชร์ข้อมูลให้มีรูปแบบการส่งข่าวที่ชัดเจน เข้าใจ รวดเร็ว พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร และขอให้ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ เพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติด โดยเฉพาะบริเวณตามแนวชายแดน พร้อมทั้งสอดส่องร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติดภายในหน่วยงาน ค่ายทหาร และที่พักอาศัย รวมทั้งกำลังพลและครอบครัวปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างแท้จริงและในส่วนของหน่วยงานที่อยู่ตามแนวชายแดนให้เฝ้าระวังควบคุมสินค้าทางเกษตรที่ลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านเช่น ข้าวสาร หอม กระเทียม ส่วนยางพาราได้กำชับให้หน่วยทหารที่จะใช้ยางพาราส่งข้อมูลเสนอความต้องการมาทางรัฐบาล โดยประสานกับทางกระทรวงพาณิชย์