xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ยันน้ำท่วมไม่กระทบรัฐฯ สั่งทหารช่วย ปชช. งงข่าวล้ม รบ. ชี้ใต้ไม่เอาปกครองพิเศษ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(แฟ้มภาพ)
ผบ.ทบ.รับห่วงน้ำท่วม สั่งทหารกว่า 3 หมื่นคนช่วยทุกพื้นที่  เชื่อไม่หนักแบบปี 54 แจงนายกฯ มีแผนจัดการอยู่แล้ว คาดท่วมไม่นาน ตอบไม่ได้เขื่อนแม่วงก์หนุนหรือไม่ รับจับตาอยู่ เชื่อปัญหาน้ำไม่สะเทือนรัฐฯ งงข่าว “นช.แม้ว” ปูดล้มรัฐฯ ยันทหารไม่เคยดึงมาใช้การเมือง ลั่นไม่มีตั้ง รบ.ในค่ายทหาร ชี้สรุปข้อเสนอบีอาร์เอ็นขึ้นอยู่กับเหตุผล ย้ำบังคับใช้ กม.ตามเดิม ไม่วางอาวุธคุยลำบาก ลั่นคนพื้นที่ไม่ต้องเขตปกครองพิเศษ เผยรู้หมดใครเป็นใครทั้งใน-นอกประเทศ



วันนี้ (24 ก.ย.) ที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปร่วมงานเทิดเกียรตินายพลเกษียณอายุราชการที่ศูนย์การทหารราบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ตนเป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่จึงได้สั่งการให้ทุกหน่วยทหารทุกกองทัพภาคติดตามตั้งแต่ฝนเริ่มตก โดยตรวจสอบระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ส่งทหารลงไปในทุกพื้นที่แล้ว 2,000 นาย รถและยานพาหนะประมาณ 50 กว่าคัน พร้อมทั้งเครื่องมือช่าง ทั้งนี้ยังได้เตรียมพร้อมทหารไว้ 150 กองร้อย จำนวนมากกว่า 3 หมื่นคนในทุกพื้นที่ หากเกิดสถานการณ์ในพื้นที่ใดทหารจะออกไปช่วยก่อน โดยจัดตั้งหน่วยติดต่อสื่อสารเพื่ออำนวยความสะดวกและประสานผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเพื่อดำเนินการ จากนั้นจะถอนกำลังไปพื้นที่อื่น โดยกองทัพบกได้ร่วมมือกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทยด้วย

“เชื่อว่าสถานการณ์ยังไม่รุนแรงเหมือนปี 54 ส่วนใหญ่จะท่วมในพื้นที่ที่เคยท่วมแล้ว เพราะเป็นพื้นที่ลุ่ม ราบต่ำ อีกทั้งปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาช่วงนี้มากพอสมควร แต่ประชาชนอย่าเพิ่งตื่นตระหนก คิดว่า น่าจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ จากการสังเกตปริมาณท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท มีประมาณ 1 พันกว่าลูกบาศก์เมตร หากเกินถึง 2.5 พันลูกบาศก์เมตรถึงจะอันตราย แต่หวังว่าพายุและปริมาณน้ำฝนจะเบาบางลง อย่างไรก็ตาม ขอให้เจ้าหน้าที่และประชาชนเตรียมพร้อมไว้ก่อน โดยทุกแม่ทัพภาคได้รับคำสั่งไปแล้วให้ดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีนโยบายในการบริหารจัดการน้ำอยู่แล้ว โดยพื้นที่ต้นน้ำจะต้องดูปริมาณน้ำทางเหนือว่าไหลมาอย่างไร ปัญหาคือฝนตกหลังเขื่อน ทำให้เขื่อนไม่สามารถกักเก็บน้ำได้แล้วไหลไปรวมกับน้ำทุ่งจนล้นตลิ่ง แต่ปริมาณน้ำโดยรวมไม่ได้มากนัก คิดว่าขณะนี้ยังมีการระบายน้ำได้ แต่อาจเกิดปัญหาบ้างพอสมควร อย่างไรก็ตาม คิดว่าน้ำไม่น่าท่วมนาน หากปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ล้นออกมาเพิ่มเติม ส่วนพื้นที่กลางน้ำต้องหาทางระบายออกข้างๆ ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะคลองต่างๆ ส่วนปลายน้ำมีการเสริมตลิ่งให้แข็งแรงแล้ว แต่แผนงานระยะยาวต้องใช้เวลา เพราะเป็นแผนงานต่อเนื่อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนแม่วงก์เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ว่าเห็นด้วยหรือไม่ เพราะขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสำรวจ เพื่อนำข้อเท็จจริงมาชี้แจง รวมถึงวัตถุประสงค์ว่า สร้างเพื่ออะไร เท่าที่ทราบคือเน้นการป้องกันน้ำท่วม และการบริหารทรัพยากรน้ำให้ครอบคลุมทุกพื้นที่การเกษตร แต่ต้องดูว่าคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องของวิชาการด้วย ตนติดตามเรื่องนี้อยู่ และเป็นนโยบายของรัฐบาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่า ถ้าเอาน้ำไม่อยู่จะสะเทือนรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน เพราะน้ำคือน้ำ ระบบการระบายน้ำของเราดำเนินการต่อเนื่อง แต่ยังไม่สมบูรณ์ต้องทำให้ครบ แต่ต้องอาศัยหลายอย่าง โดยเฉพาะความร่วมมือของประชาชน เพราะบางพื้นที่ก็สร้างได้ บางพื้นที่ก็สร้างไม่ได้ แล้วแต่สภาพภูมิประเทศต้องทำความเข้าใจกันต่อไป คนไทยต้องเข้าใจกัน ส่วนปัญหาความขัดแย้งเรื่องอื่นๆเป็นคนละเรื่องกัน แต่เรื่องการอยู่ดีกินดีของประชาชน และ การบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ทุกคนต้องร่วมมือกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลออกมาระบุว่า มีขบวนการจ้องล้มรัฐบาลในวันที่ 8 ต.ค. นี้ว่า ไม่ทราบว่า จะเอาอะไรมาล้มหรือจะล้มด้วยอะไรตนไม่รู้ แต่เรื่องการชุมนุมถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ชุมนุมไป ประชาธิปไตยว่ากัน ที่ผ่านมามีการชุมนุมตลอด โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2549 ก็ชุมนุมกันไปอย่าทำผิดกฎหมาย หากผิดกฎหมายก็ดำเนินคดีไป ตนเป็นกำลังใจให้ทุกส่วน ทหารขอมาดูแลช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนดีกว่า ตอนนี้มีความคิดไม่ตรงกัน เหมือนกับในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อความคิดไม่ตรงกันก็ขออย่าให้รบเหมือนพื้นที่ภาคใต้ก็แล้วกัน เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าจะมีการจ้องล้มรัฐบาล เกรงหรือไม่ว่าจะมีการดึงทหารมาใช้ทางการเมืองอีก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะดึงทหารมาใช้อย่างไร ไม่เคยมีการดึงทหารมาใช้ในทางการเมือง การที่ทหารออกมาทำงาน คือ คำสั่งทั้งสิ้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย มีการจัดตั้ง มีการใช้กฎหมายพิเศษ ทหารถึงสามารถออกมาปฏิบัติงานได้ อยู่ดีๆ จะดึงทหาร หรือจะดึงตนไปนั่นไปนี้ ตนไปไม่ได้อยู่แล้ว หากไม่มีกฎหมายก็ออกไปไม่ได้อยู่แล้ว กฎการเคลื่อนย้ายกำลัง การปะทะ หรือการใช้กำลังทุกอย่างต้องออกมาด้วยกฎหมายทั้งหมด

“จะมาพูดว่าจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นในหน่วยทหารไม่ได้ ผมอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เห็นเคยมีจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเลย อยากจะตั้งอะไรก็ตั้งมาแล้วมาบอกให้รับทราบ ผมจะไปบังคับอะไรได้ อยากถามว่าทหารมีอำนาจตรงไหน จะบอกว่ามีอาวุธหรือ แล้วผมอยากถามว่าอาวุธของทหารทำร้ายใครได้หรือไม่ หรือจะทำร้ายประชาชนได้หรือไม่ หรือตั้งใจทำร้ายคนที่ไม่ใช่พวก หรือมิตร หรือฝ่ายตรงข้าม เราไม่สามารถทำได้ เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีอาวุธเพื่อป้องกันตนเอง และประชาชน ที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้ใครเดือนร้อน ถ้าไม่มีเหตุก็ไม่มีผล ไม่มีคำสั่งก็ไม่มีการใช้กำลัง ฉะนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาล และฝ่ายบ้านเมืองที่มีอำนาจทุกอย่างในการใช้ทหาร ส่วนจะสั่งอย่างไรก็ว่ามา ทหารจะระวังที่สุดในการทำงาน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวถึงการพิจารณา 5 ข้อเสนอของกลุ่มบีอาร์เอ็น หลังทางบีอาร์เอ็นส่งรายละเอียดมาใหทางการไทยว่า ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้นำทั้ง 5 ข้อมาพิจารณาแล้ว ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันต่อในทุกเรื่อง ส่วนผลจะออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับเหตุผลของแต่ละฝ่าย การพูดคุยถือเป็นช่องทางหนึ่ง เมื่อคนไม่รู้จักกัน เปิดประตูหน้าต่างมาคุยกันก็เป็นการดี แต่ต้องอยู่ภายใต้ รัฐธรรมนูญ และต้องอธิบายข้อเสนอที่บีอาร์เอ็นเสนอมาว่าใช่หรือไม่ใช่ เพราะทุกอย่างมีความเป็นมาทั้งหมด ขึ้นอยู่กับเหตุและผล ถ้าเรายืนยันไปว่า สิ่งที่บีอาร์เอ็นขอมายังต้องทบทวนและหาสาเหตุ และหาข้อมูลเพิ่มเติมในการพูดคุยกันต่อไป อย่าเพิ่งหาข้อยุติในตอนนี้ ครั้งนี้คุยไม่ได้ก็คุยกันครั้งต่อไป ถ้าแต่ละฝ่ายยื่นข้อเสนอ แล้วรับกันไม่ได้ ก็คงจะพูดคุยกันไม่ได้ ทั้งนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคงจะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์ ของประชาชนอย่างเต็มที่ ซึ่งการบังคับใช้กฎหมายยังคงมีอยู่ 100 เปอร์เซ็นต์ เราไม่สามารถละเว้นอะไรได้ หากยังมีการถืออาวุธมาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ตนไม่เคยสั่งให้ลดการปฏิบัติการลง โดยจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายทุกพื้นที่เช่นกัน



พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการนำคนกลับบ้านนั้น มีผู้หลงผิดมารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่รัฐแล้วกว่า 900 คน โดยเราดูแลให้เขามีอาชีพและความปลอดภัย ซึ่งเราได้ทบทวนดูบุคคลที่มีทั้งหมายเรียกและหมายจับว่ามีหลักฐานพยานอย่างไร เกิดจากความเข้าใจผิดหรือความขัดแย้ง เราต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ แต่บางคดีเมื่อถูกตัดสินคดีไปแล้วต้องเคารพในกระบวนการยุติธรรม ทุกคดีมีความชัดเจน แต่บางคดีต้องหลุดไป เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ทั้งนี้กลุ่มผู้ก่อเหตุจะอาศัยช่วงจังหวะที่เจ้าหน้าที่กระจายไปในพื้นที่เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน อยากให้เข้าใจที่ทหารลงไปในพื้นที่ เพื่อต้องการไปช่วยเหลือในด้านต่างๆ ซึ่งการปฏิบัติในวันนี้องค์กรต่างๆ เข้าใจ และยังไม่มีสัญญาณใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเราแก้ปัญหาไม่ถูกวิธี อย่าไปนับการบาดเจ็บและสูญเสีย เพราะกลุ่มก่อความไม่สงบใช้วิธีนี้สู้กับเราวิธีเดียวเท่านั้น ทั้งนี้ หากกลุ่มก่อความไม่สงบวางอาวุธถือว่าจะเป็นจุดที่ทำให้การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่น แต่หากไม่มีการส่งมอบอาวุธ การพูดคุยก็เป็นไปได้ลำบาก อย่างไรก็ตามก็ต้องมีการพูดคุยกัน เพราะเป็นการแสดงออกของความจริงใจของฝ่ายรัฐ

เมื่อถามถึงข้อเสนอข้อ 4 ที่บีอาร์เอ็นต้องการให้พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเขตปกครองพิเศษ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่มองถึงตรงนั้น ตนในฐานะฝ่ายความมั่นคงมองในระยะยาว ซึ่งระยะสั้นเรามองย้อนกลับไปว่าประเทศไทยปกครองในระบบส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่นสมบรูณ์อยู่แล้ว  แล้วในวันนี้มีอยู่ 2 พื้นที่ คือ พัทยา และ กทม. ซึ่งเหตุผลคือในเรื่องการท่องเที่ยว เขตปกครองพิเศษ จะต้องมีการบริหารจัดการใหม่ รวมถึงงบประมาณ คิดว่างบประมาณในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่เพียงพอ ตอนนี้ยังใช้งบประมาณส่วนกลางเข้าไปช่วยเหลืออยู่ ตนพยายามอธิบายให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจ โดยทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็มีเงินเดือน แต่หากเป็นเขตปกครองพิเศษ สิ่งเหล่านี้จะหายไป จากการสอบถามคนในพื้นที่ก็ไม่ต้องการเขตปกครองพิเศษ ส่วนใหญ่มีแต่คนภายนอกคิดให้ ถ้าทำไปแล้วเกิดอะไรขึ้นมาจะรับผิดชอบหรือไม่ การเผชิญภัยคุกคามรูปแบบใหม่ จะต้องมีหลักการและวิชาการ ต้องเอาบทเรียนรอบบ้านมาดูด้วย ทั้งนี้ยอมรับว่า ตนทราบหมดว่าใครเป็นใคร บางพวกอยู่ในประเทศ บางพวกอยู่นอกประเทศ การแก้ไขปัญหาจึงต้องใช้เวลา เพราะเป็นสงครามทางแนวความคิด ควรให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการแก้ปัญหา


กำลังโหลดความคิดเห็น