วานนี้ (24 ก.ย.2556)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)กล่าวถึงกรณีที่บางฝ่ายในรัฐบาลออกมาระบุว่า มีขบวนการจ้องล้มรัฐบาลในวันที่ 8 ต.ค. นี้ว่า ไม่ทราบว่า จะเอาอะไรมาล้มหรือจะล้มด้วยอะไรตนไม่รู้ แต่เรื่องการชุมนุมถ้าไม่ผิดกฎหมายก็ชุมนุมไป ประชาธิปไตยว่ากัน ที่ผ่านมามีการชุมนุมตลอด โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2549 ก็ชุมนุมกันไปอย่าทำผิดกฎหมาย หากผิดกฎหมายก็ดำเนินคดีไป ตนเป็นกำลังใจให้ทุกส่วน ทหารขอมาดูแลช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนดีกว่า ตอนนี้มีความคิดไม่ตรงกัน เหมือนกับในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อความคิดไม่ตรงกันก็ขออย่าให้รบเหมือนพื้นที่ภาคใต้ก็แล้วกัน
เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าจะมีการจ้องล้มรัฐบาล เกรงหรือไม่ว่าจะมีการดึงทหารมาใช้ทางการเมืองอีก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะดึงทหารมาใช้อย่างไร ไม่เคยมีการดึงทหารมาใช้ในทางการเมือง การที่ทหารออกมาทำงาน คือคำสั่งทั้งสิ้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย มีการจัดตั้ง มีการใช้กฎหมายพิเศษ ทหารถึงสามารถออกมาปฏิบัติงานได้ อยู่ดีๆ จะดึงทหาร หรือจะดึงตนไปนั่นไปนี้ ตนไปไม่ได้อยู่แล้ว หากไม่มีกฎหมายก็ออกไปไม่ได้อยู่แล้ว กฎการเคลื่อนย้ายกำลัง การปะทะ หรือการใช้กำลังทุกอย่างต้องออกมาด้วยกฎหมายทั้งหมด
"จะมาพูดว่าจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นในหน่วยทหารไม่ได้ ผมอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เห็นเคยมีจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเลย อยากจะตั้งอะไรก็ตั้งมาแล้วมาบอกให้รับทราบ ผมจะไปบังคับอะไรได้ อยากถามว่าทหารมีอำนาจตรงไหน จะบอกว่ามีอาวุธหรือ แล้วผมอยากถามว่า อาวุธของทหารทำร้ายใครได้หรือไม่ หรือจะทำร้ายประชาชนได้หรือไม่ หรือตั้งใจทำร้ายคนที่ไม่ใช่พวก หรือมิตร หรือฝ่ายตรงข้าม เราไม่สามารถทำได้ เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีอาวุธเพื่อป้องกันตนเอง และประชาชน ที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้ใครเดือดร้อน ถ้าไม่มีเหตุก็ไม่มีผล ไม่มีคำสั่งก็ไม่มีการใช้กำลัง ฉะนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาล และฝ่ายบ้านเมืองที่มีอำนาจทุกอย่างในการใช้ทหาร ส่วนจะสั่งอย่างไรก็ว่ามา ทหารจะระวังที่สุดในการทำงาน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาลร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงคำพูดพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่มีอะไรกระทบรัฐบาล ตนบอกมาตลอด ว่าคุณทำไปเถอะ สุดท้ายก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แต่เรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 เชื่อว่าปลอดภัย นอกนั้นไปยืนหน้าสลอนรอเขาวิพากษ์วิจารณ์ วุฒิสมาชิกก็เก่งนักที่จริงก็ไม่รู้ภาษา
“ตอนนี้มันมีอำนาจที่ 4 นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ก็คึกกันใหญ่ หลายคนก็หมั่นไส้ ผมวิเคราะห์การเมือง จนเขาไม่ให้เข้าพรรค เพราะรู้มาก แต่จากนี้คงให้เข้าพรรคแล้วสุดท้ายไปรวมตรงนั้น ก็ยังทำอะไรไม่ได้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่วนที่กลุ่ม 40 ส.ว. ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยสั่งยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่มาของ ส.ว.และสั่งให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อันนี้ก็ต้องมาพิจารณากันแล้วจะทำอย่างไร ไม่เห็นสภาพ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ยิ่งกว่าฝ่ายค้าน พอตนบอกว่ารู้จักดี สื่อก็ออกมาบอกว่า เขาเป็นถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตนก็เป็นผู้แทนราษฎร แล้วจะทำไม
“วันที่ 8 ต.ค.ไม่มีอะไรหรอก ก็มีแต่คุณฟองสนาน (จามรจันทร์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสและนักโหราศาสตร์) ที่เขียนตำราโหราศาสตร์ คนนี้ก็รักกัน แม่สาวสวยชัยภูมิทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย” รมว.แรงงาน ระบุ
เมื่อถามย้ำว่า อำนาจที่ 4 คือใคร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คือองค์กรอิสระต่างๆ พวกนี้เหมือนเทวดา อย่างเวลาไปฟ้องศาลปกครองจะหยิบประเด็นไหนมาเขียนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเขียนในลักษณะกระทบรัฐบาล คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญและผู้ตรวจการแผ่นดิน พวกนี้คืออำนาจที่ 4 ซึ่งไม่น่ากลัว แต่ทำให้ขั้นตอนเพิ่มขึ้น
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ตอนนี้มีการรับฟังและประเมิน แต่ที่จริงในทัศนะของพ.ต.ท.ทักษิณ กับที่สมช.สืบสภาพแล้ว ประมาณต้นต.ค. เป็นเรื่องของความต่อเนื่อง 3 - 4 เดือนที่ผ่านมาที่มีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่มีความเห็นต่างกับรัฐบาล จากการประเมินแล้วเหตุการณ์จะมาบรรจบได้ภายในต้นเดือนต.ค. รวมทั้งมีความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ประกอบด้วย แต่สถานการณ์คงไม่มาบรรจบเพราะกระบวนการต่างๆ ที่เดินมาได้มีการสะดดุหยุดลง
อีกด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเริ่มจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส.เตรียมพร้อมเลือกตั้ง ว่า พรรคเพื่อไทยทำงานการเมืองต่อเนื่องมาโดยตลอด และนี่เป็นเพียงการพิจารณาตัวผู้สมัครในเขตที่ยังไม่มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เพราะบางเขตก็มีผู้เสนอตัวหลายคน จึงต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้ผู้ที่จะเป็นตัวแทนของพรรคได้เริ่มลงพื้นที่ทำกิจกรรม โดยพรรคได้ทำโพลสำรวจความเห็นเป็นระยะเพื่อเสนอแนะแนวทางการทำงานให้กับสมาชิก ไม่ได้เกี่ยวว่าเป็นสัญญาณยุบสภาฯ จัดการเลือกตั้งใหม่ ยังมั่นใจรัฐบาลจะบริหารประเทศจนครบวาระแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะที่นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อแผ่นดิน และเป็นคนใกล้ชิดนายพินิจ จารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อดีตแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้นำสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งล้วนเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินที่เคยพ่ายแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2554 กว่า 20 คน ในจังหวัดภาคอีสาน เช่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่งผลให้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.อุบลราชธานี เกิดปัญหาเมื่อมีการขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ตัวในนามพรรคเพื่อไทย ทับซ้อนกับส.ส.ของพรรคเพื่อไทย โดยพรรคแก้ปัญหาด้วยการให้สิทธิ ส.ส.ของพรรคเป็นอันดับแรกพิจารณาประกอบการทำโพลของพรรค.
เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าจะมีการจ้องล้มรัฐบาล เกรงหรือไม่ว่าจะมีการดึงทหารมาใช้ทางการเมืองอีก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะดึงทหารมาใช้อย่างไร ไม่เคยมีการดึงทหารมาใช้ในทางการเมือง การที่ทหารออกมาทำงาน คือคำสั่งทั้งสิ้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย มีการจัดตั้ง มีการใช้กฎหมายพิเศษ ทหารถึงสามารถออกมาปฏิบัติงานได้ อยู่ดีๆ จะดึงทหาร หรือจะดึงตนไปนั่นไปนี้ ตนไปไม่ได้อยู่แล้ว หากไม่มีกฎหมายก็ออกไปไม่ได้อยู่แล้ว กฎการเคลื่อนย้ายกำลัง การปะทะ หรือการใช้กำลังทุกอย่างต้องออกมาด้วยกฎหมายทั้งหมด
"จะมาพูดว่าจัดตั้งรัฐบาลเกิดขึ้นในหน่วยทหารไม่ได้ ผมอยู่ในเหตุการณ์ ไม่เห็นเคยมีจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารเลย อยากจะตั้งอะไรก็ตั้งมาแล้วมาบอกให้รับทราบ ผมจะไปบังคับอะไรได้ อยากถามว่าทหารมีอำนาจตรงไหน จะบอกว่ามีอาวุธหรือ แล้วผมอยากถามว่า อาวุธของทหารทำร้ายใครได้หรือไม่ หรือจะทำร้ายประชาชนได้หรือไม่ หรือตั้งใจทำร้ายคนที่ไม่ใช่พวก หรือมิตร หรือฝ่ายตรงข้าม เราไม่สามารถทำได้ เจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีอาวุธเพื่อป้องกันตนเอง และประชาชน ที่ได้รับผลกระทบเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้ใครเดือดร้อน ถ้าไม่มีเหตุก็ไม่มีผล ไม่มีคำสั่งก็ไม่มีการใช้กำลัง ฉะนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาล และฝ่ายบ้านเมืองที่มีอำนาจทุกอย่างในการใช้ทหาร ส่วนจะสั่งอย่างไรก็ว่ามา ทหารจะระวังที่สุดในการทำงาน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ที่ทำเนียบรัฐบาลร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงคำพูดพ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ไม่มีอะไรกระทบรัฐบาล ตนบอกมาตลอด ว่าคุณทำไปเถอะ สุดท้ายก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แต่เรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 เชื่อว่าปลอดภัย นอกนั้นไปยืนหน้าสลอนรอเขาวิพากษ์วิจารณ์ วุฒิสมาชิกก็เก่งนักที่จริงก็ไม่รู้ภาษา
“ตอนนี้มันมีอำนาจที่ 4 นิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ ก็คึกกันใหญ่ หลายคนก็หมั่นไส้ ผมวิเคราะห์การเมือง จนเขาไม่ให้เข้าพรรค เพราะรู้มาก แต่จากนี้คงให้เข้าพรรคแล้วสุดท้ายไปรวมตรงนั้น ก็ยังทำอะไรไม่ได้” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ส่วนที่กลุ่ม 40 ส.ว. ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลวินิจฉัยสั่งยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในประเด็นที่มาของ ส.ว.และสั่งให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นโมฆะ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อันนี้ก็ต้องมาพิจารณากันแล้วจะทำอย่างไร ไม่เห็นสภาพ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ยิ่งกว่าฝ่ายค้าน พอตนบอกว่ารู้จักดี สื่อก็ออกมาบอกว่า เขาเป็นถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตนก็เป็นผู้แทนราษฎร แล้วจะทำไม
“วันที่ 8 ต.ค.ไม่มีอะไรหรอก ก็มีแต่คุณฟองสนาน (จามรจันทร์ ผู้สื่อข่าวอาวุโสและนักโหราศาสตร์) ที่เขียนตำราโหราศาสตร์ คนนี้ก็รักกัน แม่สาวสวยชัยภูมิทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย” รมว.แรงงาน ระบุ
เมื่อถามย้ำว่า อำนาจที่ 4 คือใคร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คือองค์กรอิสระต่างๆ พวกนี้เหมือนเทวดา อย่างเวลาไปฟ้องศาลปกครองจะหยิบประเด็นไหนมาเขียนก็ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเขียนในลักษณะกระทบรัฐบาล คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ศาลรัฐธรรมนูญและผู้ตรวจการแผ่นดิน พวกนี้คืออำนาจที่ 4 ซึ่งไม่น่ากลัว แต่ทำให้ขั้นตอนเพิ่มขึ้น
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ตอนนี้มีการรับฟังและประเมิน แต่ที่จริงในทัศนะของพ.ต.ท.ทักษิณ กับที่สมช.สืบสภาพแล้ว ประมาณต้นต.ค. เป็นเรื่องของความต่อเนื่อง 3 - 4 เดือนที่ผ่านมาที่มีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่มีความเห็นต่างกับรัฐบาล จากการประเมินแล้วเหตุการณ์จะมาบรรจบได้ภายในต้นเดือนต.ค. รวมทั้งมีความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ประกอบด้วย แต่สถานการณ์คงไม่มาบรรจบเพราะกระบวนการต่างๆ ที่เดินมาได้มีการสะดดุหยุดลง
อีกด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเริ่มจัดวางตัวผู้สมัคร ส.ส.เตรียมพร้อมเลือกตั้ง ว่า พรรคเพื่อไทยทำงานการเมืองต่อเนื่องมาโดยตลอด และนี่เป็นเพียงการพิจารณาตัวผู้สมัครในเขตที่ยังไม่มี ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เพราะบางเขตก็มีผู้เสนอตัวหลายคน จึงต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพื่อให้ผู้ที่จะเป็นตัวแทนของพรรคได้เริ่มลงพื้นที่ทำกิจกรรม โดยพรรคได้ทำโพลสำรวจความเห็นเป็นระยะเพื่อเสนอแนะแนวทางการทำงานให้กับสมาชิก ไม่ได้เกี่ยวว่าเป็นสัญญาณยุบสภาฯ จัดการเลือกตั้งใหม่ ยังมั่นใจรัฐบาลจะบริหารประเทศจนครบวาระแน่นอน
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะที่นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อแผ่นดิน และเป็นคนใกล้ชิดนายพินิจ จารุสมบัติ และนายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ อดีตแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน ได้นำสมาชิกในกลุ่ม ซึ่งล้วนเป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดินที่เคยพ่ายแพ้ให้กับพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2554 กว่า 20 คน ในจังหวัดภาคอีสาน เช่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่งผลให้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.อุบลราชธานี เกิดปัญหาเมื่อมีการขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์ตัวในนามพรรคเพื่อไทย ทับซ้อนกับส.ส.ของพรรคเพื่อไทย โดยพรรคแก้ปัญหาด้วยการให้สิทธิ ส.ส.ของพรรคเป็นอันดับแรกพิจารณาประกอบการทำโพลของพรรค.