ผู้บัญชาการทหารบกลงพื้นที่ยะลา ไร้เงา “ยุทธศักดิ์” ติดธุระรอรับรอง ปธ.กมธ.ทหารกลาง จีน เผยเร่งสอบใครก่อเหตุช่วงรอมฎอน ยันไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่ม ระบุ “ยิ่งลักษณ์” เตรียมสั่งแก้ด้วยตัวเอง ชี้ปะทะคนถืออาวุธเรื่องธรรมดา-พร้อมจัด 180 กองร้อยช่วยอุทกภัย
วันนี้ (24 ก.ค.) ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (รอง ผอ.รมน.) พร้อมคณะนายทหารระดับสูงเดินลงพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อมอบนโยบาย และฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่จากหน่วยเฉพาะกิจ จ.ยะลา โดยการเดินลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ครั้งนี้ ทาง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ไม่ได้เดินทางลงไปในพื้นที่กับ พล.อ.ประยุทธ์เหมือนทุกครั้ง เนื่องจาก พล.อ.ยุทธศักดิ์ติดภารกิจต้อนรับ พล.อ.ฟ่าน ฉาง หลง รองประธานคณะกรรมาธิการทหารกลาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน และคณะที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวก่อนลงพื้นที่ถึงกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบยังก่อเหตุรุนแรงต่อประชาชนในพื้นที่ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด เพราะขณะนี้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ยังใช้ความรุนแรงยังมีอยู่หลายกลุ่ม และยังพยายามกล่าวหาโจมตีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ตลอดเวลา
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย คงจะต้องให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ เพราะทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งทางนายกรัฐมนตรีในฐานะ ผอ.รมน.สั่งการให้กำชับดูแลกำลังพลให้ดูแลประชาชนทุกภาคส่วนในห้วงเดือนรอมฎอน โดยในวันที่ 25 ก.ค.นี้จะมีการประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้าของทั้ง 6 กลุ่มงาน ทั้งนี้ อยากทำความเข้าใจกับประชาชนถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่า เราใช้ยุทธศาสตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ การเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ซึ่งเราใช้ยุทธศาสตร์นี้มาตลอด คือ การเข้าใจทั้งประชาชน เข้าใจพื้นที่ และเข้าถึงปัญหาทุกปัญหาว่ามีสิ่งไหนบ้างที่ทับซ้อนอยู่เดิม เราจะพยายามไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ ซึ่งเรามีการพัฒนาจากทั้งภายนอกและภายใน คือ ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งได้กำหนดการพัฒนาไว้ทั้งระยะสั้น และระยะยาวตามพื้นที่ที่เกิดความรุนแรง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดปัญหาในปัจจุบัน คือ การใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องต่อรอง เพื่อให้รัฐทำตามคำเรียกร้อง ซึ่งเราเป็นเจ้าหน้าที่รัฐคงทำตามไม่ได้มากนัก หากมีความรุนแรงในพื้นที่ต้องใช้กำลังทหารและตำรวจเข้าไปในพื้นที่ ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย สิ่งหนึ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้ คือ กระบวนการยุติธรรม ว่าจะทำอย่างไรทุกส่วนจะได้รับความเป็นธรรม คือ ดำเนินคดีให้เร็วขึ้น และการบังคับใช้กฎหมายให้ครอบคลุม ประเด็นสำคัญคือ ขณะนี้ยังมีกลุ่มที่เห็นต่าง หรือกลุ่มกระทำนอกกฎหมายใช้ความรุนแรงอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีอยากทราบถึงปัญหาในพื้นที่ เพื่อจะนำไปแก้ปัญหาให้รวดเร็วขึ้น และท่านจะสั่งการด้วยตนเอง
“ในห้วง 2 สัปดาห์ของเดือนรอมฎอนยังไม่สามารถชี้วัดอะไรได้ ความรุนแรงอาจลดลงไปบ้าง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ที่แล้ว แต่อาจจะเป็นไปได้จากหลายสาเหตุ ประการสำคัญ คือ เจ้าหน้าที่ ทุกส่วนยังคงทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เราไม่ได้ยกเลิกการปฏิบัติตามกฎหมาย จะเห็นว่ามีการจับกุมและการปะทะอยู่ ตราบใดที่ยังมีคนถืออาวุธ และเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่จะให้รัฐหยุดปฏิบัติการในตรงนี้ ทั้งนี้ ช่วงรอมฎอนเจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ ซึ่งผมได้รับรายงานจากในพื้นที่ว่ามีประชาชนออกมามากขึ้น โดยเฉพาะการทำตามประเพณีในช่วงเดือนรอมฎอน แต่ผู้ใดที่มีหมายจับ ไม่ออกมามอบตัว ไม่ออกมาพูดคุย ทางกระบวนการทางกฎหมายก็มีอยู่ และหากยังถืออาวุธอยู่ก็ต้องมีการปะทะกัน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นเป็นผู้ที่มีหมายจับทั้งสิ้น เราคงละเว้นไม่ได้ ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย” ผบ.ทบ.กล่าว
ผู้บัญชาการทหารบกยังให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาอุทุกภัยในหลายพื้นที่ว่า กองทัพบกได้จัดเตรียมกองร้อยไว้ช่วยเหลือประชาชนจำนวน 180 กว่ากองร้อยทั่วประเทศ พื้นที่ไหนมีทหารบกก็ต้องรับหน้าที่ดูแล โดยไม่ต้องรอให้ตนสั่งการ เพราะมีการเตรียมการไว้แต่ต้นแล้วว่า แต่ละกองร้อยต้องทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ตั้งแต่การป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน เมื่อมีเหตุการณ์อะไรต่างๆ เกิดขึ้นต้องช่วยเหลือประชาชน ส่วนบางพื้นที่ที่กำลังเกิดอุทุกภัยอยู่ในขณะนี้ เช่น จ.ตราด และจ.จันทบุรี เป็นพื้นที่ของกองทัพเรือ ซึ่งตนทราบว่า พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ทหารเรือออกมาช่วยเหลือแล้ว ส่วนพื้นที่ที่เป็นพื้นที่รับผิดชอบของทหารบกนั้น ทหารบกจะช่วยดูแล แต่จะอยู่ในกรอบแผนงานของรัฐบาล และหน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก โดยทหารจะเข้าไปช่วยเสริมในฐานะที่มีความพร้อมด้านกำลังพลตามค่ายทหารต่างๆ ซึ่งสามารถเรียกได้ตลอดเวลา และจะออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อไปติดตามแก้ไขปัญหาและประสานงานกับหน่วยงานอื่นให้ทันเวลา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกหน่วยงานพยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ในการป้องกันแก้ไข และฟื้นฟู ทั้งนี้ ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และขอเตือนประชาชนทุกจังหวัดต้องระมัดระวังเนื่องจากทางกรมอุตุนิยมวิทยาได้ระบุว่าจะมีฝนตกทั่วประเทศร้อยละ 80 ส่วนพื้นที่ภาคใต้มีร้อยละ 70 และ กทม.ร้อยละ 80 ดังนั้นขอให้ประชาชนระมัดระวังปัญหาฝนตกน้ำท่วม และรถติด