กมธ.วิฯ งบปี57 เรียกกองทัพถกงบ 1.84 แสนล้าน ปลัดกลาโหมนำทีมบิ๊กท็อปบู๊ทแจง ยันเพิ่มมา 4.2 พันล้านยังไม่พอ ชี้รายจ่ายตั้งแสนล้าน เหลือแค่ 4.2 หมื่นล้าน ไม่พอหาอาวุธใหม่ ฝั่งกมธ.ขอจุดยืนอย่าอยู่ใต้การเมือง แนะเปรียบเทียบยุทโธปกรณ์เพื่อนบ้านก่อนซื้อ
วันนี้ (15 ก.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 มีนายวราเทพ รัตนากร รองประธานกรรมาธิการทำหน้าที่ประธานการประชุม และพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหม จำนวน 184,737,484,210 ล้านบาท(กว่าหนึ่งแสนแปดหมื่นสี่พันล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงบประมาณปีที่แล้ว 4,246 ล้านบาท โดยพลเอกทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าชี้แจงต่อ คณะกรรมาธิการงบประมาณสภาผู้แทนราษฎรอย่างพร้อมเพรียง
โดยปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่า แม้งบประมาณที่จัดสรรในปีนี้ดูว่าเป็นงบประมานที่สูง แต่หากเทียบกับภารกิจในการรักษาความมั่นคงถือว่ายังมีข้อจำกัด เพราะงบประมาณส่วนใหญ่เป็นงบสำหรับรายจ่ายประจำ กว่า 105,000 กว่าล้านบาท คงเหลืองบประมาณในการพัฒนาขีดความสามรถของกองทัพ เพียง 42,723 ล้านบาทซึ่งถือว่าไม่เพียงพอ และส่วนใหญ่เป็นการใช้ในการซ่อมบำรุงอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ไม่สามารถใช้จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ได้ทำให้ศักยภาพของกองทัพต่ำกว่าแผนงานของกระทรวงกลาโหม ซึ่งกระทรวงกลาโหมจำเป็นต้องจัดหาและพัฒนาศักยภาพกองทัพเพื่อป้องปรามหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
ทั้งนี้ยืนยันว่ากระทรวงกลาโหม จะบริหารงบประมาณอย่างโปร่งใส ยึดประโยชน์ของประเทศ และเป็นที่พึ่งของประชาชนเป็นหลัก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาบทบาทนำในการดำเนินงานเพื่อพิทักษ์เทิดทูนสถาบัน รักษาเอกราชและอธิปไตย รวมทั้งพัฒนาศักยภาพมุ่งสู่การเป็นกองทัพชั้นนำในภูมิภาคพื่อให้องค์กรมีบทบาทนำด้านความมั่นคงของรัฐและความมั่นคงของภูมิภาค
ด้าน คณะกรรมาธิการฯ ต่างสนับสนุนงบประมาณของกองทัพในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมขอบคุณทหารที่ช่วยเหลือประชาชนในเหตุการณ์อุทกภัย แต่ขอให้กองทัพแสดงความชัดเจนว่าไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของการเมือง ขณะเดียวกันแสดงความเป็นห่วงเรื่องความโปร่งใสของการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ และอยากให้มีการเปรียบเทียบการจัดซื้ออาวุธกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ทราบข้อมูลประกอบการตัดสินใจจัดซื้อ นอกจากนี้ขอชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้เสนอแนะเรื่องการเตรียมความพร้อมและบทบาทหน้าที่ของกองทัพในการป้องกันประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2557ในส่วนงบประมาณของกองทัพบกจำนวน 91,597,556,300บาท ว่า ถ้าอยากให้กองทัพมีการพัฒนามากขึ้นก็ต้องมีงบประมาณมากขึ้น วันนี้ทหารทำงานทุกอย่างพวกท่านใช้ใครไม่ได้ก็เรียกทหารได้ 24 ชั่วโมง การจัดซื้อจัดจ้างของกองทัพอยู่ภายใต้การตรวจสอบของหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยืนยันว่าโปร่งใสแน่นอน กองทัพต้องการอาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่านี้แต่ไม่มีงบประมาณ
"โครงสร้างด้านกำลังพลในส่วนของกำลังรบสามารถบรรจุได้เพียง 60%ทั้งที่ควรให้ได้ถึง 80% เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็ง อยากลดขนาดของกองทัพให้ลดลงเท่าไหรผมไม่ขัดข้องแต่ถึงเวลาพวกท่านจะเรียกใครไปใช้ผมไม่ทราบ ขอความกรุณาว่าอะไรที่มันตัดได้ก็ตัดอะไรที่ตัดไม่ได้ก็ควรเห็นใจเรา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นปัญหาที่ไม่เหมือนที่ไหนในโลกเพราะกรณีนี้เป็นการฆ่าประชาชน ฆ่าเจ้าหน้าที่ ฆ่าคนทั้งสองศาสนา และภารกิจของทหารไม่ได้เข้าไปรบกับพวกก่อความไม่สงบแต่ไปดูแลคน 2 ล้านคนในพื้นที่ เฝ้าวัด สถานีรถไฟ
"ต้องขอขอบคุณทหารในพื้นที่ที่ไม่กลับบ้านมาก่อน เพราะเค้าถูกล่อเป้าทุกวัน ถ้าผมเป็นโจรผมก็ยิงเค้าได้ทุกวัน ทุกประเทศในโลกที่มีปัญหาลักษณะนี้ต่างบอกประเทศไทยว่าแก้ปัญหาได้ถูกต้องแล้วที่ไม่ใช้ความรุนแรง แต่โอเคมันต้องมีการต่อสู้ในทางใช้อาวุธและกฎหมายบ้าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ที่เกิดในเวลานี้คงจะใช้การแก้ไขปัญหาแบบคำสั่ง 66/23 ไม่ได้ เพราะมีความแตกต่างกัน คือ ในอดีตเป็นการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐและเป็นเรื่องของความคิดที่มีความแตกต่างทำให้พอให้อภัยกันได้ แต่วันนี้เป็นการทำผิดกฎหมายอาญาฐานฆ่าคนตาย