ASTVผู้จัดการรายวัน - "ในหลวง" ทรงพระราชทานถุงยังชีพช่วยผู้ประสบอุทกภัย เผยน้ำท่วมจันทบุรียังวิกฤต พื้นที่เศรษฐกิจยังจมบาดาล คร่าชีวิตแล้ว 2 ศพ ปภ.ปักธงสัญลักษณ์สีแดงแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง
วานนี้ (24 ก.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดหน่วยสงเคราะห์เคลื่อนที่ออกไปช่วยหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพท้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.จันทบุรี โดยพระราชทานถุงยังชีพให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.นครราชสีมาจำนวน 1,500 ครัวเรือน และพระราชทานถุงยังชีพให้แก่ราษฎรในพื้นที่ จ.จันทบุรี จำนวน 1,000 ครัวเรือน
สำหรับความเสียหายใน จ.นครราชสีมาได้เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 2 อำเภอตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ราษฎรเดือดร้อน 465 ครัวเรือน ระดับน้ำเริ่มลดลง รถสัญจรได้แล้ว ส่วนที่ จ.จันทบุรีได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ ราษฎรเดือดร้อนประมาณ 1,000 ครัวเรือน
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.จันทบุรี ยังคงวิกฤตและมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่เศรษฐกิจของตัวเมืองจันทบุรียังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ขณะที่ ปภ.จันทบุรี ได้ปักธงสัญลักษณ์สีแดงแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง
จากสถานการณ์น้ำท่วมดังกล่าวในพื้นที่ จ.จันทบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย โดยรายแรกเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาชื่อนายปัญญา พันธ์คำพา อายุ 26 ปี อาชีพเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง เสียชีวิตอยู่บริเวณโคนเสาไฟฟ้าส่องสว่างที่ติดอยู่บริเวณโดยรอบทะเลสาบสวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อีกรายเเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนเทศบาลเมืองจันทบุรี 1 ชื่อ ด.ช.พีรวัตร เอี่ยมจันท์ อายุ 8 ขวบ จมน้ำเสียชีวิต
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ช่วงวันที่ 22-23 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัย 3 จังหวัดได้แก่ จันทบุรี ตราด และนครราชสีมา โดย จ.จันทบุรี เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 6 อำเภอ 15 ตำบล ได้แก่ อ.เมืองจันทบุรี มะขาม ขลุง ท่าใหม่ แหลมสิงห์ และ อ.แก่งหางแมว ราษฎรเดือดร้อนประมาณ 1,000 ครัวเรือนได้ทำการอพยพราษฎรประมาณ 200 คนแล้ว ส่วนที่ จ.ตราด น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอได้แก่ อ.เมืองตราด เขาสมิง และ อ.แหลมงอบ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 40-50 ซม.ราษฎรเดือดร้อน 92 ครัวเรือน ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ส่วน จ.ครราชสีมา เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองนครราชสีมา และ อ.บัวใหญ่ ราษฎรเดือดร้อน 465 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว รถยนต์สามารถสัญจรผ่านได้ตามปกติ
ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ จ.จันทบุรี เบื้องต้นมีโรงเรียนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รวม 27 แห่ง และได้ปิดการเรียนการสอนแล้วตั้งแต่วันที่ 24-26 ก.ค.นี้ ส่วนโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ ก็ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากตลอดเวลาแล้ว
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวรณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนทีออกไปช่วยเหลือและให้บริการประชาชนแล้วทั้งในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวว่า กองทัพบกได้จัดเตรียมกองร้อยไว้ช่วยเหลือประชาชนกว่า 180 กองร้อยทั่วประเทศ พื้นที่ไหนมีทหารบกก็ต้องรับหน้าที่ดูแล โดยไม่ต้องรอให้ตนสั่งการ เพราะมีการเตรียมการไว้แต่ต้นแล้วว่าแต่ละกองร้อยต้องทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ตั้งแต่การป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน เมื่อมีเหตุการณ์อะไรต่างๆ เกิดขึ้นต้องช่วยเหลือประชาชน
วานนี้ (24 ก.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดหน่วยสงเคราะห์เคลื่อนที่ออกไปช่วยหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยในพท้นที่ จ.นครราชสีมา และ จ.จันทบุรี โดยพระราชทานถุงยังชีพให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.นครราชสีมาจำนวน 1,500 ครัวเรือน และพระราชทานถุงยังชีพให้แก่ราษฎรในพื้นที่ จ.จันทบุรี จำนวน 1,000 ครัวเรือน
สำหรับความเสียหายใน จ.นครราชสีมาได้เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 2 อำเภอตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา ราษฎรเดือดร้อน 465 ครัวเรือน ระดับน้ำเริ่มลดลง รถสัญจรได้แล้ว ส่วนที่ จ.จันทบุรีได้รับผลกระทบ 6 อำเภอ ราษฎรเดือดร้อนประมาณ 1,000 ครัวเรือน
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.จันทบุรี ยังคงวิกฤตและมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่เศรษฐกิจของตัวเมืองจันทบุรียังคงได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ขณะที่ ปภ.จันทบุรี ได้ปักธงสัญลักษณ์สีแดงแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง
จากสถานการณ์น้ำท่วมดังกล่าวในพื้นที่ จ.จันทบุรี ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย โดยรายแรกเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาชื่อนายปัญญา พันธ์คำพา อายุ 26 ปี อาชีพเป็นช่างรับเหมาก่อสร้าง เสียชีวิตอยู่บริเวณโคนเสาไฟฟ้าส่องสว่างที่ติดอยู่บริเวณโดยรอบทะเลสาบสวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช อีกรายเเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาของโรงเรียนเทศบาลเมืองจันทบุรี 1 ชื่อ ด.ช.พีรวัตร เอี่ยมจันท์ อายุ 8 ขวบ จมน้ำเสียชีวิต
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ช่วงวันที่ 22-23 ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัย 3 จังหวัดได้แก่ จันทบุรี ตราด และนครราชสีมา โดย จ.จันทบุรี เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากใน 6 อำเภอ 15 ตำบล ได้แก่ อ.เมืองจันทบุรี มะขาม ขลุง ท่าใหม่ แหลมสิงห์ และ อ.แก่งหางแมว ราษฎรเดือดร้อนประมาณ 1,000 ครัวเรือนได้ทำการอพยพราษฎรประมาณ 200 คนแล้ว ส่วนที่ จ.ตราด น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอได้แก่ อ.เมืองตราด เขาสมิง และ อ.แหลมงอบ ระดับน้ำท่วมสูงประมาณ 40-50 ซม.ราษฎรเดือดร้อน 92 ครัวเรือน ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ส่วน จ.ครราชสีมา เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 2 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองนครราชสีมา และ อ.บัวใหญ่ ราษฎรเดือดร้อน 465 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว รถยนต์สามารถสัญจรผ่านได้ตามปกติ
ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ จ.จันทบุรี เบื้องต้นมีโรงเรียนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รวม 27 แห่ง และได้ปิดการเรียนการสอนแล้วตั้งแต่วันที่ 24-26 ก.ค.นี้ ส่วนโรงเรียนที่ยังไม่ได้รับผลกระทบ ก็ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากตลอดเวลาแล้ว
นายแพทย์ประดิษฐ สินธวรณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ได้ส่งหน่วยแพทย์เคลื่อนทีออกไปช่วยเหลือและให้บริการประชาชนแล้วทั้งในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.กล่าวว่า กองทัพบกได้จัดเตรียมกองร้อยไว้ช่วยเหลือประชาชนกว่า 180 กองร้อยทั่วประเทศ พื้นที่ไหนมีทหารบกก็ต้องรับหน้าที่ดูแล โดยไม่ต้องรอให้ตนสั่งการ เพราะมีการเตรียมการไว้แต่ต้นแล้วว่าแต่ละกองร้อยต้องทำหน้าที่ได้หลายอย่าง ตั้งแต่การป้องกันประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน เมื่อมีเหตุการณ์อะไรต่างๆ เกิดขึ้นต้องช่วยเหลือประชาชน
