“ประยุทธ์” ชี้นำคนนอกเข้าพื้นที่ จชต.แล้วไม่แจ้ง มีช่องก่อเหตุ แต่ย้ำเรื่องดีช่วยสอนฟื้นฟูนาร้างตามพระราชเสาวนีย์ อัดพวกยิงครูสอนทำนาไม่ใช่คน อ้าง “ปู” ห่วง เตรียมปรับแผนเชิงรับ มอบพื้นที่ ตร.ช่วยดู แจงจัด 16 กองพันประสานผู้ว่าฯ เผยอยู่ระยะที่ 2 ดับไฟใต้ ตอกโจรใต้หวังเสี่ยมพุทธ-มุสลิมแตกคอ เคลียร์ทหารฝึกตามวงรอบประจำปีตามชายแดนอยู่แล้ว ปัดยั่วยุ ยกนโยบายรัฐ ต้องซ้อมเพื่อปกป้องประเทศ ปัดใบสั่งห้ามขึงขัง ยันคุมอารมณ์ตัวเอง ขออย่าละเมิดศักดิ์ศรี
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ผู้ก่อความไม่สงบยิงครูสอนทำนาในพื้นที่ จ.ปัตตานีเสียชีวิตว่า ตนได้สั่งเจ้าหน้าที่ให้ติดตามตั้งแต่เกิดเหตุ และให้สำรวจว่ามีหน่วยงานไหนเอาคนนอกพื้นที่เข้ามาหรือไม่ เพราะบางทีอาจไม่ได้แจ้งกัน เมื่อไม่ได้แจ้งจะทำให้เกิดช่องว่าง คนที่ไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้ถือเป็นเรื่องดีและเป็นน้ำใจของคนภาคกลาง เพราะเป็นการฟื้นฟูนาร้างตามพระราชเสาวนีย์ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทั้งนี้คิดว่าคนที่ก่อเหตุไม่ใช่คน ซึ่งต้องไปทบทวนว่าจะแก้ช่องว่างพวกนี้อย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) แสดงความเป็นห่วง และสั่งการมายังตนขอให้ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งตนได้สั่งการให้คนในพื้นที่ทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยจะมีการปรับกำลังทั้งพลเรือน ตำรวจให้รับผิดชอบงานในเชิงรับมากขึ้นในพื้นที่ที่ไม่รุนแรงมากนัก เพื่อจะได้นำทหารไปปิดกั้นส่วนอื่น ซึ่งอีกประมาณ 2-3 เดือนเมื่อตำรวจได้รับการอนุมัติให้ทำงาน ทางทหารจะแบ่งมอบพื้นที่ให้ตำรวจทำงาน
“ยืนยันว่าการทำงานไม่สับสน และมีความชัดเจน โดยเราได้จัดรองแม่ทัพภาคทุกกองทัพภาคไปเป็น ผบ.ฉก.จังหวัด โดยจัดกำลังลงไปทั้งหมด 16 กองพัน เพี่อประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด โดยจะมีการปรับพื้นที่ให้มีการสอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้ถือเป็นการแก้ปัญหาในระยะที่สอง คือ การสร้างความเข้มแข็งให้หน่วยงานในพื้นที่ หากสถานการณ์ดีขึ้นจะค่อยๆปรับกำลังออก แต่ถ้ายังไม่เรียบร้อยก็ปรับอะไรไม่ได้ ขอร้องให้ประชาชนช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในเรื่องการข่าว วันนี้ต้องแยกให้ออกว่าสถานการณ์เกิดขึ้นจากอะไร ซึ่งการที่มีการทำร้ายทั้งคนไทยพุทธ และไทยมุสลิมนั้น ความจริงไม่น่าทำร้ายคนทั้ง 2 พวก ดังนั้น แสดงว่าต้องมีปัจจัยอื่นด้วย ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์อย่างเดียว อาจมีเรื่องส่วนตัว การเมืองท้องถิ่น หรือภัยแทรกซ้อนที่มีการหักหลังธุรกิจ โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ผมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะที่เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมให้ติดตามมทุกคดีว่า มีคดีความมั่นคงกี่คดี ซึ่งเขาต้องการพยายามสร้างความบาดหมางให้กับคนสองศาสนา โดยสถิติปีที่แล้ว 7-8 พันคดีเป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนอีก 2 พันกว่าคดีเป็นคดีความมั่นคง ส่วนที่เหลือเป็นคดีทั่วไป” ผบ.ทบ.กล่าว
ผู้บัญชาทหารบกให้สัมภาษณ์ถึงการฝึกตามวงรอบประจำปีของกองทัพบกว่า การฝึกนี้เรียกว่าเป็นการฝึกตามวงรอบประจำปี มีอยู่ 2 อย่าง คือ 1. การฝึกตามวงรอบประจำปี ซึ่งทุกกองทัพภาคจะต้องมีการฝึกประจำทุกปีอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่การฝึกทหารใหม่ การฝึกภาคหมู่ ตอน หมวด ภาคกองร้อย ภาคกองพัน 2. การฝึกซักซ้อมแผนป้องกันประเทศ ซึ่งเราจะฝึกตามแผนที่เขียนไว้ทุกปี ในแต่ละภาคจะมีกองกำลัง เข้าไปฝึกหัด และจะใช้พื้นที่ด้านหลังของกองกำลังที่วางกำลังอยู่ตามแนวชายแดน เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยพื้นที่ ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการยั่วยุอะไรใคร เขาก็ฝึกของเขา เราก็ฝึกของเรา ทำนองเดียวกันทุกประเทศ เพราะถ้าย้ายจากแนวที่เราวางอยู่ไปฝึกในพื้นที่อื่นมันคงไม่ใช่ เราต้องอยู่ดูแลพื้นที่ตรงนั้นด้วย ซักซ้อมไว้ถ้าหากเกิดเหตุ แล้วจะต้องทำอย่างไร ทำกันอย่างนี้ทุกปี อย่ามองกันให้เป็นประเด็นก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า เป็นการเตรียมรับสถานการณ์ชายแดนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ภารกิจของกองทัพบกมี 2 ประการ คือ การเตรียมกำลัง การฝึกให้หน่วยมีการพร้อมรบ การใช้อาวุธ การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ เรียกว่าเตรียมกำลัง และหากมีการใช้กำลังจะเอาคนพวกนี้ไปทำงานชายแดน เรียกว่า ใช้กำลัง เราต้องปฏิบัติตามแผน ป้องกันประเทศ แผนเผชิญเหตุ เป็นแผนเขียนในกระดาษ แต่แผนยังไม่ปฏิบัติก็เป็นแค่แผน แต่หากต้องการใช้แผนนั้นแผนนี้ ก็ต้องออกเป็นคำสั่งให้ใช้แผนปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติตามแผน แผนจะชนะหรือแพ้ก็ขึ้นอยู่กับกำลังพลว่าเข้มแข็งหรือไม่ อาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมหรือไม่ ซึ่งเราต้องมีความพร้อม สิ่งนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ทหารต้องมีความพร้อมในการป้องกันประเทศ และดูแลประชาชนเมื่อเกิดภัยพิบัติและความเดือดร้อน นี้เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า มีใครขอร้องท่านหรือไม่ว่า เมื่อพูดถึงการเตรียมพร้อมชายแดนอย่าพูดขึงขัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่ได้ขึงขัง ผมพูดเสียงดีหรือเปล่า ไม่มีใครมาขอร้องผม ผมขอร้องตัวผมเอง เตือนตัวเองอยู่เรื่อยว่าอย่าอารมณ์เสีย วันไหนถ้าผมปวดหัวมาก ผมก็อารมณ์เสียมาก ดังนั้นต้องแก้ไขตัวเอง ผมจะไปโทษใครได้ โทษสื่อก็ไม่ได้ ดังนั้นต้องโทษตัวเอง โมโหมากก็ปวดหัวมาก ถ้าไม่อยากปวดหัวก็อย่าโมโหคน ต้องลดระดับตัวเองลงไป แต่อย่าละเมิดในศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน เพราะกองทัพต้องมีศักดิ์ศรี” ผู้บัญชาทหารบกกล่าว