นายกฯ ฉายซีนไปประตูระบายคลองแสนแสบ มีนบุรี ดูระดับน้ำ งัดมุกไร้รอยต่อฝากบอก “สุขุมพันธุ์” รัฐบาลพร้อมประสาน เหน็บคงไม่เอาเรื่องการเมืองเอี่ยว เชื่อหลายฝ่ายร่วมวงปาหี่ปฏิรูปหลังส่ง “เตี้ยสุพรรณ” เดินสายเชิญ ไม่หวั่น ปชป.จัดเวทีคู่ขนาน เจอซักถามพี่ชายปูดพวกจ้องล้มรัฐบาล 8 ตุลาฯ บอก “พอแล้วนะคะ” แล้วแหวกวงหนีทันที
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เดินทางไปเขตมีนบุรีเพื่อตรวจระดับน้ำในคลองแสนแสบที่ประตูระบายคลองแสนแสบ ตอนมีนบุรี ทั้งนี้ก่อนที่จะไปถึงประตูระบายน้ำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แวะไปเป็นประธานเปิดงาน “111 ปี มีนบุรี” พร้อมมอบถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะการแข่งขันเรือยาว “ศึกเจ้าแห่งคลองแสนแสบ” โดยมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายวิชาญ มีนไชยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย และนายวิรัตน์ มีนไชยนันท์ ส.ก.เขตมีนบุรี ร่วมงาน
กระทั่งเวลา 11.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินทางไปที่สำนักประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ ตอนมีนบุรี โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สอบถามการทำงานของเจ้าหน้าที่ประจำประตูระบายน้ำ พร้อมกล่าวให้กำลังใจว่า ตนมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่มีนบุรีจึงถือโอกาสเดินทางมาเยี่ยมเยียนหากมีปัญหาอุปสรรคอะไรขอให้แจ้งมาได้ทันที และฝากเรียนไปถึงหัวหน้า ผู้บังคับบัญชา และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ด้วยว่าหากมีปัญหาอะไรขอให้ประสานงานได้ทันที ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ประจำประตูระบายน้ำยืนยันว่าระดับน้ำในปัจจุบันพอจะรับมือไหว ระดับน้ำโดยรวมของกรุงเทพมหานครปริมาณน้ำยังไม่สูงมาก
ขณะที่นายวิรัตน์กล่าวแย้งว่า ระดับน้ำนอกและในประตูระบายน้ำมีความแตกต่างกันมากโดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร อย่างที่ประตูระบายน้ำแสนแสบ ระดับน้ำนอกประตูระบายน้ำสูงถึง 85 ซม. แต่ระดับน้ำด้านในประตูกลับสูงเพียง 48 ซม. ซึ่งจำเป็นต้องประสานเพื่อให้มีการเปิดประตูระบายน้ำไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้ ประตูระบายน้ำบางแห่งก็ไม่สามารถทำงานได้จริง จำเป็นต้องเร่งแก้ไข และขอให้นายกรัฐมนตรีติดตามที่ประตูระบายน้ำที่คลอง 13 ซึ่งสถานการณ์ค่อนข้างล่อแหลม ซึ่งหากปริมาณน้ำมีมากก็จะเข้าท่วมพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และ กทม.ได้ แต่หากมีการขยายคลอง 14-15-16 เพิ่มขึ้นก็จะช่วยให้การระบายน้ำได้ทัน
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ (กบอ.) และหน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ และในสัปดาห์หน้าตนจะลงพื้นที่ไปตรวจที่คลอง 6 วา สายล่าง ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการในจุดสำคัญ และคงต้องขอให้มีการรายงานตัวเลขปริมาณน้ำในแต่ละประตูระบายน้ำว่ามีขีดความสามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากน้อยแค่ไหนจะได้มีการเตรียมตัว และแผนงานโดยเฉพาะในพื้นที่ส่วนของ จ.ปทุมธานี และเขตติดต่อ ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการให้ระบายน้ำมายังฝั่งตะวันออกเพียงอย่างเดียว ส่วนเรื่องการขยายคลองนั้นจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินไปดูปริมาณน้ำที่บริเวณบานประตูระบายน้ำ โดยได้ย้ำให้ทางเจ้าหน้าที่ดูขีดความสามารถในการรองรับน้ำ และการเปิดประตูระบายน้ำเพื่อระบาย เนื่องจากมีการเชื่อมโยงกับพื้นที่ฝั่งลำลูกกา จ.ปทุมธานี กับเขตสายไหมและดอนเมือง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังใช้เวลาตรวจประตูระบายน้ำประมาณ 10 นาทีถึงมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือกับพายุที่อาจจะทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมของรัฐบาลในช่วงนี้ว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ (กบอ.) สำรวจพื้นที่ และเร่งจัดทำแผนระบายน้ำในพื้นที่ท้ายเขื่อน เพราะบางพื้นที่ของภาคเหนือเรายังต้องการน้ำเข้าเขื่อน แต่ฝนภูมิกาศตกท้ายเขื่อนทำให้มีความกังวลทั้งปริมาณระดับน้ำในเขื่อนที่ใช้ในเรื่องชลประทาน ขณะเดียว กันท้ายเขื่อนจะมีปริมาณน้ำฝนที่มากซึ่งต้องเร่งดำเนินการในส่วนของปลายน้ำ กบอ.จะเร่งหาแนวทางร่วมกันโดยเร็ว และในวันจันทร์ที่ 23 ก.ย. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย จะเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย เพื่อจะได้สอบถามซักซ้อมความพร้อมต่างๆ ในการเตรียมพร้อม ขณะเดียวจะต้องเร่งตรวจว่าจุดทั้งหมดพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ตามที่เราได้ทำในเบื้องต้นในช่วงงบประมาณ 1.2 แสนล้านบาทหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ระบบที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้พร้อมหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องเรียนว่า ระบบป้องกันเราทำได้ระดับหนึ่งต้องเรียนอย่างนี้เพราะงบประมาณเร่งด่วน 1.2 แสนล้านเราคงจะทำตามที่เรียนไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นการการบริหารจัดการน้ำในลักษณะของซิงเกิลคอมมานด์ เรื่องการรวบรวมข้อมูลการวิเคราะห์เป็นศูนย์เดียวแล้ว และการเตรียมรับมือในส่วนการบรรเทาสาธารณภัยเราได้ประกาศล่วงหน้าในการตั้งศูนย์ช่วยเหลือส่วนหน้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้ามีระดับน้ำท่วมขังในจังหวัด ผวจ.จะมีระดับในการดำเนินการป้องกันภัยพิบัติอยู่แล้วจะยกระดับอย่างไรเราจะดูจากภาพรวมอีกครั้ง แต่ระบบบริหารจัดการทั้งหมดเข้าระบบแล้ว
ต่อข้อถามว่า ในพื้นที่ กทม.การประสานงานกับผู้ว่าฯ กทม.จะมีปัญหาหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จริงๆ แล้วโดยหลักด้วยคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรีภายใต้ กบอ.นั้น ทาง กทม.คงต้องทำงานร่วมกับเรา แต่ว่าในทางปฏิบัติได้มอบหมายให้ รมว.มหาดไทยประสานงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจารุพงศ์ได้กล่าวเสริมขึ้นว่า “ผมโทร.ตลอดครับ” จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงกล่าวต่อว่า ตนได้มีการคุยกับรองปลัด กทม.ด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีปัญหาเรื่องการประสานงานกับ กทม.มาตลอด น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เราคงต้องพยายามอย่างเต็มที่ เราเชื่อว่าการทำงานแก้ปัญหาให้กับคน กทม.ก็หวังว่าจะได้รับความร่วมมือร่วมกันแต่อาจจะมีความเห็นต่างทางด้านเทคนิคก็มาพูดคุยกันดังนั้นวันนี้เราใช้เวทีทางด้านของกระทรวงมหาดไทยที่จะเชิญ ผวจ.ทุกจังหวัดเพื่อรับทราบปัญหาหน้างาน ขณะเดียวกันจะสอบถามแผนการทำงานติดขัดอะไรเพื่อให้มีการประสานกันอย่างเต็มที่ เมื่อถามว่า นายกฯคิดว่าการเมืองจะไม่เป็นอุปสรรคในการประสานงานกันหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า หวังว่าทุกคนจะไม่เอาเรื่องน้ำ เอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ
ต่อข้อถามว่า วันนี้รัฐบาลสามารถให้ความมั่นใจได้ในระดับหนึ่งกับการหรือไม่กับเตรียมการรับมือน้ำท่วม น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เรียนว่าในระดับการบริหารจัดการเจ้าหน้าที่ การเตรียมพร้อม วันนี้มีการประสานงานอย่างเป็นระบบมากขึ้น ส่วนการป้องกันจะมีตามจุดหลักๆ แต่ต้องเรียนว่าจุดอื่นๆ อาจจะทำไม่ได้หมดเพราะว่าเป็นแผนเบื้องต้นซึ่งจริงๆอย่างที่เรียนว่าเราต้องบูรณาการอย่างยั่งยืนภายใต้ พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้าน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังให้สัมภาษณ์ถึงการเดินสายเชิญฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลให้เข้าร่วมเวทีปฏิรูปการเมืองของนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรว่า ตนคิดว่าส่วนหนึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามที่เราอยากให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกัน อย่างน้อยนายบรรหารได้กรุณาไปเชิญและได้รับฟังข้อคิดเห็น ปัญหาต่างๆ และคงจะนำมาพูดคุยกันในเวทีปฏิรูปและจริงๆ เชื่อว่าความที่เราตั้งใจร่วมกันทำเชื่อว่าวันหนึ่งจะได้รับการตอบรับ อย่างไรก็ตาม เวทีปฏิรูปการเมืองยังคงเปิดรับอยู่ตอลดเวลา
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ มองอย่างไรที่ฝ่ายค้านตั้งเวทีคู่ขนานกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถือว่าอย่างน้อยทางฝ่ายค้านก็มองเห็นว่าเราควรจะมีการปฏิรูปกันอย่างไรมีการพูดคุยกัน อาจจะค่อยๆ ต่างคนต่างทำคนละวง แต่เมื่อมีความคิดตกผลึกแล้วตนเชื่อว่าเป้าหมายสุดท้ายเราควรจะเป็นเป้าหมายเดียวกัน คือการจะทำให้ประเทศมีทางออกก้าวไปข้างหน้าด้วยความสามัคคีปรองดรอง วันหนึ่งตนเชื่อว่าถ้าด้วยเจตนารมณ์เดียวกันเราคงจะมีเวทีในการพูดคุยกันต่อไป
เมื่อถามว่า ต่างคนต่างทำจะไม่ทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า จริงๆ แล้วการปฏิรูปการเมืองเราต้องรับฟังความเห็นต่างๆ ดังนั้นเวลาและการพูดคุย การจะเปิดกว้างกับสาธารณชนจะเป็นเครื่องที่ทำให้ประชาชนได้รับฟังและเชื่อว่าได้มีการรับรู้ข่าวสารที่กว้างขึ้นก็จะได้รับความเห็นชอบจากประชาชน ถือเป็นสิ่งที่ได้รับความชอบธรรม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่ามีขบวนการเตรียมล้มรัฐบาลในวันที่ 8 ต.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์รีบตอบสวนทันทีว่า “พอแล้วนะคะ” และเดินผละจากวงสัมภาษณ์ของผู้สื่อข่าวทันที