นักโทษหนีคุกสไกป์ “ไทยรัฐออนไลน์” กวักมือเรียกอีกฝ่ายเอายังไงว่ามา ทำตัวเป็นพ่อพระให้อภัยทุกฝ่าย อ้างไม่เล่นการเมือง 7 ปี ไม่เห็นเดือดร้อน ตลกปูดล้มรัฐบาล 8 ตุลาฯ ปากไวป้ายสีม็อบสวนยางกลุ่มการเมืองใช้เด็กนักเรียนมาดื่มน้ำกระท่อม มียาเสพติด เหนียมเรื่องคลิปเสียงขอเก้าอี้สายวัง แค่คุยกันภายใน ปกป้องน้องสาวร่อนเมืองนอกยึดคืนศักดิ์ศรีประเทศ
วันนี้ (19 ก.ย.) เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์นำเสนอบทสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีทุจริตและโทษจำคุก ผ่านโปรแกรม Skype โดยกล่าวว่า บ้านเราเสียเวลามาเยอะแล้วตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 เหมือนที่ญึ่ปุ่นเจอมา พอจะหันหน้าเข้าหากัน จะเดินหน้าเพื่อประเทศ เราก็ดึงแขน ดึงขากัน อิจฉาริษยากัน กลัวอีกฝ่ายได้ดี แล้วถามว่า การเมืองมาทำเพื่ออะไร ตามปรัชญาคนมาทำการเมืองก็ต้องทำให้บ้านเมือง ให้ประชาชน ถ้ามาทำการเมืองยึดเป็นอาชีพ บ้านเมืองไปไม่ได้ เราเสียเวลาจากการปฏิวัติมาแล้ว 7 ปี จะเสียเวลาอย่างนี้ต่อไปไหม ไหนเราบอกเราเป็นประชาธิปไตย มีกติกาประชาธิปไตย ถ้าไม่ถูกใจตัวเองก็ไม่ยอมรับกติกา ทำให้บ้านเมืองไปกันไม่ได้
“วันนี้น่าจะหันหน้าเข้าหากันได้แล้ว เพราะมันเสียเวลาแล้ว มาชี้นิ้วใส่กัน ก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้ผมว่า เราหันหน้าเข้าหากันแล้วเริ่มเดินหน้าด้วยกันดีกว่า จะเอายังไงกับกติกาที่จะอยู่ร่วมกัน ผมเองเป็นคนที่โดนเยอะที่สุดคนหนึ่ง เราจะไปเปรียบเทียบกับคนที่สูญเสีย จากการที่มาชุมนุมแล้วถูกยิงตาย โดยไม่รู้เรื่องนั่นคงไม่ได้ เพราะนั่นคือเสียชีวิต แต่ความคิดผมเองถูกขนาดนี้ ผมก็คิดว่าผมโดนมากคนหนึ่ง แต่ผมเป็นคนที่พร้อมให้อภัยทุกฝ่าย” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อว่า มีคนที่เคยมีเรื่องกับตนเดินทางมาพบ ตนก็ให้พบ เพราะถือว่าต้องให้อภัยทุกฝ่าย ให้โอกาสทุกคน กลับเข้ามาสู่ระบบและก็เดินไปด้วยกัน ด้วยกติกาที่ยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด เมื่อเราเคารพกติกา ต้องเขียนกติกาให้เป็นเรื่องของการยอมรับของประชาชน การยอมรับการถ่วงดุลที่มาจากประชาชนเป็นฐาน แต่ถ้าเป็นกติกาที่อยู่บนพื้นฐานของความไม่ไว้ใจกัน ต้องเข้าใจกันใหม่ว่า กติกาประชาธิปไตยมันไม่ใช่เป็นผู้ชนะ คือ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ในการที่จะทำงานตามความปรารถนาของประชาชน แต่ว่าขณะเดียวกัน ต้องยอมรับเสียงข้างน้อย ยอมรับทุกภาคส่วน ที่แม้จะไม่ใช่ภาคส่วนการเมือง
“ถ้าวันนี้เราเข้าใจกันใหม่ว่า กติกาประชาธิปไตยมันไม่ใช่เป็น วินเนอร์ เทค ออล (Winner take all) แต่ วินเนอร์เป็นคน เทค เรสพอนซิบิลิตี (Winner of responsibility) วินเนอร์ คือ ผู้ชนะ คือ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ในการที่จะทำงานตามความปรารถนาของประชาชน แต่ว่าขณะเดียวกัน ต้องยอมรับเสียงข้างน้อย ยอมรับทุกภาคส่วน ที่แม้จะไม่ใช่ภาคส่วนการเมือง แต่เป็น ซีวิวโซไซตี (Civil Society) ยอมรับ ที่จะมาพูดคุยกัน ยอมรับที่จะฟังร่วมกัน และคิดเห็นร่วมกัน แต่ว่าในที่สุดแล้ว การตัดสินใจของคนส่วนใหญ่ต้องเป็นกติกา ถ้าเราตั้งกติกาบนพื้นฐานความไว้วางใจ มันย่อมดีกว่า ตั้งกติกาบนพื้นฐานที่ไม่ไว้ใจกัน ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็เดินหน้าไม่ได้” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
เมื่อถามว่า ฝ่ายตรงข้ามก็ยังบอกว่าไม่ไว้ใจ เพราะพรรคเพื่อไทย ยังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวตอบโต้ว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ไปตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ขโมยคนของพรรคพลังประชาชน (กลุ่มเพื่อนเนวิน) ไปตอนนั้น แก้รัฐธรรมนูญแก้ตามใจตัวเองหรือไม่ แก้กติกาการเลือกตั้ง นึกว่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเอง ก็ยังทำแบบรวดเร็วทันใจ พวกเราก็ไม่ได้ค้านอะไร ไม่เคยปาเก้าอี้ แต่วันนี้ถามว่าในเมื่อพรรคเพื่อไทยจะแก้รัฐธรรมนูญ ตามที่ได้รับปากไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง วันนี้มาแก้ประชาชนก็เลือกตั้งมาเกินกึ่งหนึ่ง แล้วเพื่อไทยจะแก้รัฐธรรมนูญ แกก็ไม่ยอมสักเรื่อง จะแก้อะไรก็ไม่ยอม แม้กระทั่งการเมืองนอกสภา การเมืองข้างถนน การเมืองปิดถนน ทำทุกเรื่องซึ่งวันนี้ถามว่า ทำอย่างนี้เพื่ออะไร
“แล้ววันนี้ก็ประกาศด้วยว่า เป็นที่รู้กันภายในว่า จะต้องเอารัฐบาลล้มให้ได้ในวันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งผมก็รู้ว่า มันคือวันอะไร ถือฤกษ์ ถือยาม อะไร ซึ่งมันตลก ผมว่ามันไม่อยู่ในกติกา กติกามันต้องคิดว่า 4 ปีนะ การเซ็นเซอร์ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ การอภิปรายต่างๆ มันต้องผ่านกระบวนการตามระบอบ ไม่เห็นเป็นไร วันนี้มันเหมือนกับว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มันรวน ถ้าไม่รีเซต (Reset) มันก็เดินต่อไม่ได้ ต้องหันหน้าเข้ากัน และเริ่มต้นใหม่ เหมือนให้ซอฟต์แวร์ มันเดินได้ปกติ ให้กติกาบ้านเมืองมันเดินได้ปกติ ถ้าไม่ยอมรับกติกาบ้านเมือง มันอยู่ด้วยกันได้อย่างไร” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล วันนี้เชื้อเชิญทุกอย่าง เหลืออย่างเดียว เอาดอกไม้ธูปเทียนไปให้เท่านั้นแหละ เชื้อเชิญทุกอย่าง ใจกว้างทุกอย่าง เอาไงก็เอากัน แต่สิ่งที่ทำไปแล้วก็ทำไปเรื่อยๆ ตอนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลก็เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ วันนี้เป็นฝ่ายค้านกลับไม่ให้แก้ สรุปแล้วเป็นเผด็จการเสียงข้างน้อยหรือเปล่า คือถามว่า จะเอายังไง จะให้ผมเอาดอกไม้ธูปเทียนไปหาไหม เสร็จแล้วตนก็ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่ว่าอภิปรายในสภาทีไร ก็มีแต่ชื่อตน จนตนอยากจะโฟนอินเข้าไปในสภา
เมื่อถามว่า ถ้ามีเสียงเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองทั้งหมดจะทำได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ตอบว่า กลัวตนหรือไง กลัวอะไรกับตน ตนไม่มีอะไรเลยจริงๆ เป็นคนใจดี ใครมาหาก็ให้พบหมด วันนี้ก้าวข้ามพ้นตนได้ไหม ก้าวข้ามไม่พ้น ยังติดหล่มตนด้วย ตนไม่มีอะไรเลย ตนคือทักษิณธรรมดา เป็นคนพูดง่ายมาก พูดเรื่องอะไรจบเป็นจบ ทำไมไม่พูดกับตน แต่ถ้าบอกว่าจะเอาชนะคะคานกัน มันเสียแรงที่จะพูด ตนยื่นมือไปพูดตลอด จนไม่รู้จะยื่นยังไงแล้ว ตนเป็นคนที่อยากเห็นบ้านเมืองดี เรื่องตนมันเรื่องเล็ก วันนี้เอาบ้านเมืองไปให้ได้ดีกว่า เสียโอกาสมาเยอะแล้ว ทะเลาะกัน เพราะอยากเอาชนะคะคานกัน ผลสุดท้ายไม่เห็นมีอะไรเลย โกหกกันไป โกหกกันมา เอาเป็นเรื่องตรงๆ ดีกว่า หันหน้าเข้ากัน เซตซีโรกันใหม่ เอาไงก็เอากัน เซตซีโรยังไงก็ได้ มาคุยกับผมได้ ไม่อยากให้เล่นการเมืองมาบอกตนเลย
เมื่อถามว่า พร้อมหยุดเล่นการเมืองใช่หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า “ผมไม่เล่นการเมืองมา 7 ปี ไม่เห็นเป็นไรเลย”
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ความปรองดองอยู่กับคนไม่กี่คน ถ้าทุกคนปล่อยใจให้ว่าง เอาโลภ โกรธ หลงวางไว้ คุยกันด้วยสติเอาบ้านเมืองเป็นหลัก ไม่มีปัญหา แต่หลายคนมันครอบงำด้วยโลภ โกรธ หลง ตนจะพูดคุยกับใครก็ได้ ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร อยากเห็นบ้านเมืองเดินหน้าได้สักที ซึ่งหากตนเป็นคณะกรรมการปฏิรูป ก็บอกว่าจะต้องหาทางให้ทุกฝ่ายเข้ามาในวงนี้ให้มากที่สุด แล้วก็เอาเรื่องที่ไม่สบายใจมาบอกกันให้หมด แล้วก็วางกติกาที่จะทำให้คนเหล่านี้ ได้อยู่ร่วมกันอย่างปกติ ย้อนกลับไปยุคสมัยโบราณ ทฤษฎีว่าด้วยสัญญาประชาคม ที่สรุปแล้วว่า การจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ต้องมีกติกา ที่ทุกฝ่ายร่วมกันกำหนดและยอมรับ แต่ทีนี้หากว่า อีกฝ่ายไม่ยอมมาร่วมกันกำหนด แล้วก็ไม่ร่วมยอมรับแต่ต้น มันก็เหมือนบอยคอตการเลือกตั้ง คือ ตั้งใจไม่ร่วมสังฆกรรม ถ้าจะร่วมวิธีเดียว คือ ให้ข้าเป็นนายกฯ แต่อย่างนี้มันก็ลำบาก
เมื่อถามว่า ถ้าเขาประกาศผ่านสาธารณะเลยว่า จะทำอย่างไรก็ได้ต้องหยุดก่อน พ.ต.ท.ทักษิณ โต้ว่า หยุดแล้วได้อะไรขึ้นมา แล้วคุณทำอะไร ถ้ามาหาทางออกให้กับประเทศพร้อมกัน ไม่จริงเลย คุณมาปลุกม็อบข้างถนน ปลุกม็อบปิดถนนอยู่แถวปักษ์ใต้ แล้วก็ขว้างเก้าอี้อยู่ในสภา แค่เอาใจตัวเอง ไม่อยากให้ทำ โดยหลักการรัฐบาล วุฒิสภามีสิทธิ์แก้กฎหมาย ก็ต้องว่ากันไปตามกติกา พอเวลาเขาเสนอคุณจะขว้างเก้าอี้ แล้วคุณเสนอไม่เป็นไร คุณเคยเป็นรัฐบาลเสนอแก้มาแล้ว พอวันนี้คุณเป็นฝ่ายค้านมาขว้างเก้าอี้ เรื่องม็อบสวนยางรัฐบาลก็ได้แก้ไปแล้ว คนสวนยางจริงๆ ส่วนใหญ่พอใจ คนที่ยังไม่พอใจก็มีกลุ่มผลประโยชน์บางส่วนกลุ่มการเมือง ที่ต้องการสร้างปัญหา ใช้เด็กนักเรียนมาดื่มน้ำกระท่อม มียาเสพติดอะไรมีหมด เราก็รู้หมด และอีกไม่นาน เขาก็คงจับกุมไปเรื่อยๆ ซึ่งจะไม่บานปลายถ้าบ้านเมืองรักษากติกา ใช้หลักรัฐศาสตร์ปนกับนิติศาสตร์ ไม่ใช่อย่างหนึ่งอย่างใด 100 เปอร์เซ็นต์ มันก็ไปกันได้
เมื่อถามว่า เวลานี้ห่วงอะไรรัฐบาลยิ่งลักษณ์มากที่สุด พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ห่วงเศรษฐกิจในภาพรวมเพราะประเทศคู่ค้ายังไม่ฟื้นตัว อาจจะมีปัญหาเรื่องส่งออก ส่วนเรื่องของการท่องเที่ยวโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับไม่ได้ทำไว้ล่วงหน้า ซึ่งเรื่อง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น ต้องการมองวิสัยทัศน์ของการพัฒนาประเทศในระยะยาว ถ้าใช้งบประมาณขาดดุลเป็นรายปีก็ได้แต่ขาดความต่อเนื่อง เปลี่ยนรัฐบาล แล้วไม่ทำต่อเนื่อง มันก็จะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งจริงๆ แล้วคือการใช้เงินขาดดุลงบประมาณ 7 ปี ซึ่งความกังวลเรื่องการทุจริตนั้นทุกอย่างมีกลไกอยู่แล้ว นอกจากนั้น ยังมี ป.ป.ช.มีศาลปกครองที่ร้องกันเรื่อยเปื่อย สภาก็ตรวจสอบได้ มันมีกลไกควบคุมอยู่แล้ว ไม่ใช่อยู่ๆ ทำตามใจชอบ
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวถึงคณะกรรมการปฏิรูปว่า ยังไม่ค่อยพอใจ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมเข้าร่วม ถ้าจะให้หยุดก็มาคุยกับตนว่าให้หยุดเรื่องอะไร ใครหยุดก่อนใคร ส่วนเรื่องคลิปเสียงที่กล่าวว่าพร้อมจะหยุดหากไปอยู่ในตำแหน่ง ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้นั้น เป็นเรื่องที่คุยกันภายใน จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องคุยกันทั่วไป แต่ตนเองไม่ได้มีปัญหาอะไร เพียงแต่ว่า ถ้าจะคุยกัน ต้องมาคุยกันจริงๆ จังๆ เอาไงก็เอา ตนไม่ได้ติดใจอยู่แล้ว วันนี้ตนมันเกินการเมืองของเมืองไทย เพราะเดินทางไปทั่วโลก พยายามทำอะไรเพื่อช่วยบ้านเมือง เป็นนายกฯ มา 6 ปี แล้ว วันนี้ตนไม่ได้อยากจะเป็นอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างมาช่วยกันคิด ให้บ้านเมืองเพื่อบ้านเมืองดีกว่า อยากจะเอาอะไร จะทำอะไร ทำยังไงถึงจะเลิกเกเร มาบอกตนดีกว่า ให้ตนหยุดแล้วจะเป็นเด็กที่เลิกเกเรหรือไม่ ต้องคุยกัน ไม่ใช่จะเอาอย่างเดียว แต่ไม่ให้เลย บอกตนหยุดแล้วคุณเลิกเกเรหรือยัง คุณเคารพกติกาได้หรือยัง ก็เอาตรงนั้นดีกว่า
เมื่อถามถึงการกรุยทางให้ก่อน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางไปต่างประเทศนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ถึงเวลาที่ต้องให้คนทั่วโลกเข้าใจประเทศไทย ภาพที่ทะเลาะเบาะแว้งมันออกไปเยอะเกินไป แต่ละประเทศไม่เคยเดินทางไปมาเป็น 10 ปีแล้ว ก็ควรที่จะไปกระชับความสัมพันธ์ ต้องยึดคืนศักดิ์ศรีประเทศ เพราะตั้งแต่ปฏิวัติประเทศตะวันตกมองเราตกต่ำลงไปเยอะ ฉะนั้นจำเป็นต้องเดินทางไปเพื่อสร้างความสัมพันธ์ของไทยในเวทีโลก ทั้งนี้ นายกฯ ทำงานได้ดี แต่ตนเป็นพี่น้องกัน มีอะไรก็ปรึกษาหารือกันเป็นเรื่องธรรมดา ตนอาจจะมีประสบการณ์มาก่อน แต่ว่าไม่ได้ไปชี้นำอะไร ซึ่งตนสงสารที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาอยู่ในสถานการณ์การเมือง ที่ไม่ยอมรับกติกา การเมืองซับซ้อน แต่ยอมรับว่า สายเลือดของพวกตน มีนิสัยชอบความท้าทาย งานยากๆ ไม่เคยท้อ และไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องยุบสภา