xs
xsm
sm
md
lg

แม้วหลุดปฏิรูปปาหี่ เป้าหมายสุดซอยแก้รธน. ปิดปากฝ่ายค้านผ่านงบ57

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"แม้ว" เผยไต๋เสวนาสภาปฏิรูปแค่พิธีกรรม เป้าหมายยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ อ้างคนจนจะได้หมดไปจากประเทศไทย ปชป.เล่นตามเกมพบ “แบลร์-อันนัน” แฉ "เอาสภาปฏิรูปบังหน้า กม.นิรโทษ" ชี้เป็น กม.ละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมร่อน จม.ถึงยูเอ็น ฮิวแมนไรท์วอช แปลรายงาน คอป.-กสม. “ปานเทพ” โผล่ให้กำลังใจม็อบสวนลุมฯ ส่วน "เทพไท" เมินข้อเสนอ "สนธิ" ให้ลาออก ส.ส. โวไม่เคยกลัวเรื่องทำม็อบ ด้านเพื่อไทยประชุมส.ส.13 ส.ค.นี้ วางแผนถก พ.ร.บ.งบ 14-15 ส.ค. หวั่นใช้เสียงข้างมากปิดปากฝ่ายค้านไม่ให้อภิปรายทุจริต

วานนี้ (11 ส.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Thaksin Shinawatra" โดยระบุว่า ได้เดินทางมาที่ประเทศเวียดนาม เพื่อขอความร่วมมือไม่ให้กดราคาข้าวในตลาดโลก รวมทั้งระบุว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชวนทุกฝ่ายมาร่วมปฏิรูปการเมืองก็เพื่อให้เกิดรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ข้อความดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้
ตอนนี้ผมอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากเวียดนาม ก็เลยอยากจะคุยให้พี่น้องฟังเรื่องของเวียดนามครับ

ผมไปฮานอย หลังจากไม่ได้ไปมาเกือบ 10 ปี เห็นกำลังขยายถนน สะพาน สนามบินอยู่ แต่มองสภาพทั่วๆไปแล้วก็ยังเหมือนกรุงเทพฯเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ดูเจริญขึ้นแต่ก็ไม่เร็วมากนัก เพราะประชากรมาก มีสงครามหลายปี

ในช่วงที่มีการเปิดประเทศใหม่ๆ ก็มีนักลงทุนแห่กันไป แต่ตอนนี้กลัวๆ กัน เพราะมีการลดค่าเงินดองถึง 3 ครั้งใกล้ๆ กัน กว่าจะสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นคงต้องใช้เวลาอีกสัก 10 ปี

ก็เป็นอุทธาหรณ์ครับว่า ความน่าเชื่อถือ ถ้าหายไปแล้วได้ต้องใช้เวลามากที่จะเรียกกลับคืน
ผมไปทั่วทุกประเทศในอาเซียน ผมบอกตรงๆว่า ศักยภาพไทยสูงที่สุด แต่วันนี้เรามีปัญหาตรง 2 อย่างครับ คือ

1. ความขัดแย้ง ความอิจฉาเกลียดชังกันเอง ทำให้ขาดพลังในการสร้างความเจริญ และแข่งขันกับโลกได้ และ
2. การมีองค์กรอิสระที่สร้างขึ้นจากจุดเริ่มต้นที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เกิดขึ้นเพราะจำเป็นต้องให้เกิด เลยเกิดบนพื้นฐานของความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน หาเรื่องกัน แกล้งกัน ทำให้การพัฒนาประเทศช้า และทำแทบจะไม่ได้
สิ่งที่ตามมาคือ เกิดวัฒนธรรมใหม่ในหมู่ข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจ นั่นคือวัฒนธรรมที่ไม่ทำ ก็ไม่ผิด เพราะฉะนั้นจึงอยู่ไปวันๆ หนึ่ง ทำให้ประเทศขาดความก้าวหน้า ขาดแรงกระตุ้นในการพัฒนาที่รองรับเศรษฐกิจและการแข่งขันไม่ทันโลก

** เผยไต๋ถกสภาปฏิรูปสู่การร่างรธน.ใหม่

เพราะฉะนั้น การที่ท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ได้เชิญชวนทุกฝ่ายมาหันหน้าเข้าหากัน ออกแบบกติกาการอยู่ร่วมกันใหม่ หรือสร้าง Modern Social Contract Theory ใหม่ เพื่อเกิดรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ที่ไม่ใช่ Winner take all และเป็นการ inclusive มากกว่าการแบ่งฝ่าย ประเทศน่าจะพัฒนาได้เร็ว คนจนจะได้หมดจากแผ่นดินไทย ยกเว้นพวกสบายแล้ว ไม่อยากเห็นคนจนหายจนเท่านั้น พวกเขาคนจน กำลังนั่งรอเมตตาธรรมจากท่านที่เรียกว่า ท่านผู้เจริญแล้ว ท่านผู้สบายแล้วอยู่ครับ
อีกเรื่องหนึ่งที่อยากพูดถึงก็คือ การมาเวียดนามครั้งนี้ ก็มาขอความมือไม่ให้มีการกดราคาข้าวในตลาดโลก เพราะว่าถ้าข้าวมีการขึ้นราคาไปได้อีก 100 USD ต่อ 1 ตัน เวียดนามก็ได้เงินเพิ่มขึ้นอีก 700 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีความหมายสำหรับเกษตรกร ซึ่งเขาเห็นด้วยและพร้อมร่วมมือ

ที่สำคัญคือ ผมตอนเดินทางมา ผมก็กินข้าวไทยในเครื่องบินเสร็จ มาถึงเวียดนาม ก็มากินข้าวเวียดนาม รู้สึกเลยครับว่าข้าวไทยอร่อยกว่ามาก

วันก่อนที่ผมโพสต์เล่าเรื่องตลาดข้าวอิรัก ผมได้คุยกับผู้บริหารอิรัก เขาบอกผมว่า ข้าวไทยอร่อยที่สุด ขายแพงหน่อยก็ได้ ไม่ต้องลดราคาลงมาแข่งคนอื่น เพียงแต่ควรควบคุมคุณภาพในการส่งออกหน่อย

ผมฟังวันนั้นก็ยังไม่ตื่นเต้นอะไร เพราะไม่เคยเปรียบเทียบข้าวไทยกับข้าวประเทศอื่น เที่ยวนี้ได้ลองชัดๆ เลยต้องยอมว่า ข้าวเราอร่อยจริงๆ

ก็เอาเป็นว่าต้องช่วยกัน รับผิดชอบชื่อเสียงประเทศให้มากๆ จะเล่นการเมืองอะไรกัน จะอิจฉากัน จะหมั่นไส้กัน ก็ให้อยู่ในขอบเขตที่ไม่ทำให้ชื่อเสียงประเทศเสียหายเป็นดีที่สุดครับ

**ปชป.แก้เกมเดินสายพบ"แบลร์-อันนัน"

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การนิรโทษกรรม และการจัดเวทีสภาปฏิรูปการเมืองของรัฐบาลว่า เป็นเพียงเวทีลดความกดดันจากการออกกฎหมายนิรโทษกรรมเท่านั้น และการเดินสายก็เป็นเพียงละครทางการเมืองมาสนับสนุนแผนการของรัฐบาลที่จะล้างผิด จึงขอเรียนไปยังทุกท่านที่ได้รับเชิญว่ากำลังตกเป็นเครื่องมือรัฐบาลที่จะล้างผิดคนฆ่า คนเผา คนหมิ่นสถาบันฯ จึงขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองทุกท่านที่กระโจนไปร่วม ให้คำนึงว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในการผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมทางอ้อม

“ที่รัฐบาลบอกจะช่วยคนเป็นพันเป็นหมื่นนั้น โกหก เนื่องจากคนที่ถูกดำเนินคดีมีเพียง 1,800 คน สิ้นสุดคดีแล้ว 1,644 คน ติดคุก 5 คน กำลังพิจารณาคดี 150 ผู้ถูกคุมขังเพียง 13 คน ส่วนคนหมิ่นสถาบันฯ มี 12 คน รวมมีผู้ถูกคุมขังอยู่ 30 คน และอยู่ระหว่างต่อสู้คดีอีก 137 คน รวมถึงแกนนำแดง และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งแกนนำรู้ดีว่าไม่มีทางพ้นข้อกล่าวหาก่อการร้าย จึงพยายามผลักดันกฎหมายนี้ ซึ่งจะมีผู้ได้ประโยชน์เพียงแค่ 167 คน”

นายชวนนท์ กล่าวว่า แนวทางการปฏิรูปที่แท้จริงมีข้อเสนอจากข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ ที่ระบุชัดว่า การนิรโทษกรรมให้กับคนฆ่าโดยไม่ค้นหาความจริง เป็นการะเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง รวมถึงรายงานของฮิวแมนไรท์วอช ที่ระบุว่าเป็นโศกนาฎกรรมทับซ้อนในประเทศไทย ยอมรับไม่ได้เด็ดขาด ที่จะมีการยกเลิกความผิดให้คนที่ลั่นไกยิงประชาชน สร้างความเสียหายผ่านกฎหมายนิรโทษกรรม ยังไม่รวมข้อเสนอของ คอป. ที่รัฐไม่เคยตอบรับ

ดังนั้น พรรคจะเดินสายชี้แจงความจริงที่เกิดขึ้น โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มอบหมายให้นายกษิต ภิรมย์ นายกรณ์ จาติกวณิช นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายเกียรติ สิทธีอมร และตน ร่วมกันเป็นคณะทำจดหมายเปิดผนึกถึงองค์กรภาคประชาชน สมาคมผู้สื่อข่าว และหน่วยงานระหว่างประเทศ ให้ทราบความจริงว่า รัฐบาลกำลังใช้อำนาจรัฐในทางที่มิชอบ แม้แต่องค์กรระดับโลกก็คัดค้าน และจะมีการขอเข้าพบนายโทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายโคพี่ อันนัน อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อเดินทางมาประเทศไทย เพื่อชี้แจงความจริงไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือ หรือเป็นตรายางให้กับกฎหมายล้างผิดของรัฐบาล และจะเชิญตัวแทนสถานทูตในประเทศไทย มารับฟังความเห็นจากฝ่ายต่างๆ ในกรณีนี้ด้วย

นอกจากนี้ พรรคจะส่งจดหมายไปยังสหประชาชาติ และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ให้ช่วยยับยั้งการกระทำของรัฐบาล โดยจะมีการแปล รายงานข้อสรุปของ คอป. และกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ นายโคฟี่ อันนัน เคยมาประเทศไทยแล้ว และเสนอให้รัฐบาลทำตาม คอป.พร้อมกับเสนอให้อดีตนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งเสียสละ แต่รัฐบาลพยายามออกกฎหมายล้างผิด ใช้โลกมาล้อมประเทศ จึงขอบอกว่า เราก็จะใช้โลกล้อมรัฐบาลด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งประเทศที่มีมาตรฐานเขาทราบดีว่า ควรล้อมประเทศไทย หรือล้อมรัฐบาลไทย และขอยืนยันว่า เราทำเพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และระบบนิติรัฐ นิติธรรม

**อยากมอบโล่"ตอแหล"ให้ "ปู"

น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลเดินสายเชิญบุคคลสำคัญเข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปการเมือง หาทางออกให้ประเทศไทย ว่า เป็นแค่การเชิญบุคคลต่างๆ เข้าร่วมสังฆกรรมประทับตรา ยางล้างผิดคนโกง นิรโทษกรรมคนทำร้ายประเทศ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวไม่มีทางสำเร็จได้ถ้าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ รวมถึงรายชื่อที่ถูกเทียบเชิญ ยังเป็นบุคคลที่เคยให้คำแนะนำไปแล้ว อาทิ แนวทางของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจของนายกฯ ที่ทำตัวไม่รู้เหนือรู้ใต้ ใช้คนไปตระเวนเชิญบุคคลต่างๆ มาเข้าร่วมเจรจา แต่ตัวเองไม่ยอมเข้าหารือด้วย

“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องมอบโล่รางวัลตอแหลยอดเยี่ยมประจำสัปดาห์ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ส่วนรางวัลบริวารดีเด่น 2 รางวัลขอมอบให้นายวราเทพ และนายพงศ์เทพ ซึ่งหากต้องการ มารับรางวัลที่เป็นโล่สลักชื่อได้ที่สำนักโฆษกฯ เพราะดิฉันตั้งใจทำมามอบให้จริงๆ ” น.ส.มัลลิกา กล่าว

น.ส.มัลลิกา กล่าวด้วยว่า ขอให้รัฐบาลประกาศโผรายชื่อของนักโทษ ผู้ต้องหา ผู้ได้ประโยชน์จากการล้างผิดครั้งนี้ โดยจัดทำเป็นบัญชีรายชื่อ พร้อมแนบประวัติและความผิดทุกคดี อาทิ คดีก่อการร้าย คดีเผาบ้านเผาเมือง คดีเผาศาลากลาง ว่าใครทำผิดคดีอะไรบ้าง ให้ประชาชนรับทราบตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. เป็นต้นไป

**"สุริยะใส" ชี้ 5 จุดอ่อนสภาปฎิรูป

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics)กล่าวถึงแนวคิดหาทางออกประเทศ ด้วยการเตรียมตั้งสภาปฏิรูปการเมือง โดยการเชิญตัวแทนและบุคคลหลายๆ กลุ่มเข้าร่วมว่า เป็นเรื่องที่ห่างไกลความจริงจากคำว่าปฏิรูป เพราะรัฐบาลไม่ได้รับความไว้วางใจพอที่จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย และมีจุดอ่อน 5 ประการ คือ

1. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำ และผู้ริเริ่ม แต่เป็นผู้นำที่ต้นทุนปฏิรูปต่ำ ขาดวิสัยทัศน์ และบกพร่องทางภาวะผู้นำ ตลอดระยะเวลา 2 ปี สังคมไทยยังไม่เห็นพลังการปฏิรูปจากตัวนายกฯ แต่เป็นได้แค่เครื่องสำอางทางการเมืองเท่านั้น

2. ดูรายชื่อบุคคลที่มีการเชิญเข้าร่วม และตอบรับแล้ว ก็เป็นสายความคิดเดียวกับรัฐบาล โดยเฉพาะจุดยืนในเรื่องปรองดองของกลุ่มคนคณะนี้ เอื้อประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยตรง และเป็นตัวแทนความคิดแบบเก่า เป็นส่วนหนึ่งของการเมืองที่ล้มเหลว หลายคนมีส่วนสำคัญในการสร้าง จรรโลง และวางรากฐานของระบบการเมืองที่ล้มเหลวมาตั้งแต่ต้น
3.รัฐบาลไม่ได้พิสูจน์ความจริงใจ ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อสร้างบรรยากาศปรองดอง ลดความหวาดระแวง เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ หันหน้าเข้าหากัน และไม่นำพาต่อความแตกแยกของสังคมภายใต้ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่ส่อแววเผชิญหน้าครั้งใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

4. ไม่มีพื้นที่ให้กับตัวแทนภาคประชาชนทุกกลุ่มในสังคม ที่แตกต่างหลากหลาย และมีสัดส่วนที่เหมาะสม และตลอด 2 ปีของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ บริหารราชการด้วยการละเลย และไม่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น โครงการจัดการน้ำ ส่อถึงความไม่โปร่งใส มองกลุ่มประชาชนที่เห็นต่างเป็นเพียงขยะ

5. ระบอบทักษิณ เป็นสาเหตุสำคัญในการฆ่าตัดตอนกระบวนการปฏิรูปการเมือง ตามรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พ.ศ.2540 แทรกแซงทำลายการถ่วงดุลตรวจสอบและองค์กรอิสระ เผด็จอำนาจเข้าสู่ส่วนกลาง ฉะนั้นการปฏิรูปการเมืองไม่มีทางเป็นจริงในสภาวะที่ระบอบทักษิณ ยังเรืองอำนาจอยู่

** ติงปชป.เลิกตั้งแง่แล้วมาร่วมสภาปฏิรูป

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโจมตีรัฐบาลที่เชิญบุคคลสำคัญ ทั้งอดีตนายกฯ อดีตประธานรัฐสภา อดีตประธานวุฒิสภา และล่าสุดนายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายกระมล ทองธรรมชาติ อดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตอบรับเข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมือง แต่กลับถูกโจมตีว่า เป็นปาหี่ทางการเมือง ผลาญงบประมาณ และภาษีของประชาชน ทั้งที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการเพื่อนำประเทศไปสู่ความปรองดองและการปฏิรูป เพื่อหาทางออกให้ประเทศก้าวพ้นความขัดแย้ง การที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาปฏิเสธ และกล่าวหารัฐบาลนั้น มองว่าเป็นการมองโลกในแง่ร้าย โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กำหนดเงื่อนไขว่า ต้องถอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมหรือกฎหมายฉบับอื่นที่ใกล้เคียงกันออกไปก่อน จึงจะเข้าร่วมนั้น มองว่านายอภิสิทธิ์ ไม่จริงใจ สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำเป็นการย่ำอยู่กับที่

“การที่นายกฯ ต้องการให้เชิญชวนบุคคลสำคัญของโลก อาทิ นายโคฟี อันนัน อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ และนายโทนี แบลร์ อดีตนายกฯ อังกฤษ พรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังออกมาปฏิเสธ กระแนะกระแหนว่า เป็นเรื่องสิ้นเปลืองงบประมาณ ผมมองว่าวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ กำลังถูกโดดเดี่ยวทางการเมือง ดังนั้นขอให้พรรคประชาธิปัตย์ เลิกอคติ มองประโยชน์ของบ้านเมือง เลิกตั้งเงื่อนไขเพื่อเข้าร่วมปฏิรูปการเมืองกับรัฐบาล สิ่งนี้จะเป็นการสะท้อนวุฒิภาวะของนายอภิสิทธิ์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ มากกว่าจะไปตั้งเวทีผ่าความจริง ผมมองว่าเป็นการนำความจริงไปบิดเบือนมากกว่าการผ่าความจริง ดังนั้นขอให้มาพูดในเวทีปฏิรูปจะดีกว่า” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์รุ่นหลังๆ ออกมาโจมตี นายพิชัย ที่ตอบรับเข้าร่วมสภาปฏิรูปการเมือง และแสดงความไม่พอใจ กล่าวหาว่าพรรคเพื่อไทย ฉวยโอกาสกับคนแก่ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง เพราะนายพิชัย เป็นถึงผู้ใหญ่ เป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยากหาทางออกให้กับประเทศ แต่ถูกโจมตี แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ เปลี่ยนไป วันนี้ถ้าผู้ใหญ่ในพรรคไม่ให้ท้าย ใครจะกล้าโจมตีนายพิชัย ผ่านสื่อขนาดนี้

**ไล่"แก้วสรร"พ้นกมธ.นิรโทษ

นายพร้อมพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โจมตีว่าพรรคเพื่อไทย เป็นเผด็จการรัฐสภา หลังผ่าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ วาระแรกว่า เราให้โอกาสฝ่ายค้านเต็มที่ แม้จะตีรวนในสภาฯ พยายามใช้เทคนิคเลื่อนร่างกฎหมายอื่นๆ แต่พรรคเพื่อไทย ก็ใช้ความอดทน ทั้งนี้ แม้แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านยังโหวตให้กับรัฐบาล สะท้อนว่า ส.ส.แสดงวุฒิภาวะ เห็นเหตุผลที่รัฐบาลดำเนินการ แต่สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ทำโดยการพาม็อบมาส่งเข้าสภาฯ หรือการขว้างปาสิ่งของ การยื้อเก้าอี้ในอดีต เหล่านี้พรรคประชาธิปัตย์ น่าจะทำตัวเป็นเผด็จการเสียงข้างน้อยในสภาฯ มากกว่า

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีนายแก้วสรร อติโพธิ อดีต คตส. เป็นกรรมาธิการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ ในสัดส่วนของพรรคประชาธปัตย์ ว่า ไม่แปลกใจเพราะหลังนายแก้ว สรรหลุดจาก คตส. ก็มีแนวความคิดเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด แต่ตนไม่อยากให้นายแก้วสรร ออกมาขู่ว่าจะมีสารพัดม็อบหลังจากนี้ เพราะคนเป็นกรรมาธิการวิสามัญแล้ว ไม่ควรพูดจาลักษณะชี้นำ หรือข่มขู่ ดังนั้นอยากให้ทบทวนตัวเอง ความเห็นต่างก็ขอให้ไปพูดในที่ประชุมกรรมาธิการฯ ไม่ใช่มาพูดผ่านสื่อ ถือว่าไม่สมควรจะเข้ามาเป็นกรรมาธิการวิสามัญ

** ยันกมธ.ไม่มีสอดไส้กฎหมายอื่น

นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย และหนึ่งในคณะกรรมาธิการแปรญัตติร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวถึงกระแสข่าวว่า ตนเองจะได้นั่งในตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ว่า ทางกรรมาธิการ ยังไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ เนื่องจากต้องรอการประชุมนัดแรก ในวันที่ 15 ส.ค.นี้ ก่อน ซึ่งถือเป็นการครบรอบ 7 วัน ในการแปรญัตติด้วย แต่ยอมรับว่า ได้ยินข่าวเรื่องดังกล่าวมาจริง
ทั้งนี้มองว่า การที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายแก้วสรร อติโพธิ เข้ามาเป็นกรรมาธิการ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้ทราบแนวคิดของอีกฝ่าย พร้อมยืนยันว่าไม่มีการสอดไส้นำกฎหมายอื่นเข้ามาในชั้นกรรมาธิการ เพราะเป็นเรื่องที่ทำยาก จึงอยากแนะนำฝ่ายค้านว่า อย่ากังวลในเรื่องนี้ และขอให้กลับไปดูที่ข้อกฎหมาย และหลักเกณฑ์ก่อน

ส่วนที่ฝ่ายค้านต้องการให้ นายกรัฐมนตรี ลงนามร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวก่อนนั้น ต้องอยู่ที่การตัดสินใจของประธานรัฐสภา รวมถึงจะสรุปเป็นกฎหมายการเงินได้หรือไม่นั้น ต้องอยู่ประธานรัฐสภาเช่นกัน นอกจากนี้ ยังยืนยันว่า ขบวนการดังกล่าว มีการถ่วงดุลที่ชัดเจน จึงขอฝ่ายค้านอย่ารีบตีตนไปก่อนไข้

**ตั้งเป้านิรโทษฯ ก่อนปีใหม่

นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติรับหลักการวาระแรกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนาย วรชัย เหมะ ว่าในวันที่ 15 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการนัดแรกเพื่อพิจารณา ซึ่งจะเป็นขั้นตอนการเลือกประธาน รองประธาน และเลขานุการ โดยในส่วนของสมาชิกที่ไม่ได้เป็นกรรมาธิการ สามารถเสนอขอแปรญัตติได้ภายใน 7 วัน

ทั้งนี้ ประเด็นหลักน่าจะอยู่ที่มาตรา 3 ที่จะคลอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลใดบ้าง แต่ในหลักแล้วจะเป็นการนิรโทษกรรมให้กับประชาชนทุกกลุ่ม พร้อมยืนยันกฏหมายดังกล่าว ไม่เหมารวมผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 อย่างที่หลายฝ่ายแสดงความกังวล พร้อมยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่ขอรับอานิสงส์ จากกฎหมายดังกล่าว ขอให้พรรคประชาธิปัตย์สบายใจได้
ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า จะแปรญัตติทุกบรรทัดนั้น นพ.เชิดชัย กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ดีเพราะจะได้หารือในรายละเอียดอย่างเต็มที่ ในส่วนของเนื้อหา อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะสามารถมีผลบังคับใช้ได้ในช่วงก่อนปีใหม่ ซึ่งจะเป็นของขวัญให้กับพี่น้องประชาชน

นพ.เชิดชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า หากร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านการพิจารณาของสภาในวาระ 3 จะออกมาเคลื่อไหวต่อต้านทั้งในและนอกสภานั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ขนาดพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้าน ที่เป็นประโยชน์ของประเทศ ประชาธิปัตย์ยังออกมาคัดค้าน
"ผมว่าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพวกไม่มีงานทำ เขาไม่ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่เป็นการตีรวน ล้มรัฐบาลปลิ้นปล้อนไปเรื่อย" นพ.เชิดชัย กล่าว

** กมธ.ต้องเขียนกม.นิรโทษให้ชัดเจน

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมในส่วนของพรรค หวังว่า กรรมาธิการเสียงข้างมากของรัฐบาล จะรับฟังเสียงข้างน้อยของฝ่ายค้านในกรรมาธิการด้วย เพราะหากรับฟังเสียงของฝ่ายค้านการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก็จะเป็นไปด้วยความราบรื่น ถ้าไม่ได้ออกมาเพื่อล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชิวัตร หรือแกนนำ เสียงข้างมากก็ควรจะทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นจริง นอกจากการพูดข้างนอกเฉยๆ ซึ่งพรรคเห็นว่ามีหลายประเด็นที่ต้องทำให้ชัดเจนคือ
1. การหมกเม็ดหลักการไว้อย่างคลุมเครือ แต่ในเนื้อหากับนิรโทษกรรมให้คนก่อการร้าย คดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และนิรโทษกรรมคนไม่ร่วมการชุมนุมด้วย

2. กฎหมายนี้ส่อขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตราเช่น มาตรา 30 ระบุช่วงเวลานิรโทษกรรมต้องปรับแก้ให้มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น

3. กฎหมายนี้มีเรื่องขัดกันของผลประโยชน์หลายกรณี ทั้งส.ส.และผู้ที่เกี่ยวข้องกับส.ส.จะได้ประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ จึงเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน และยังมีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ไม่ได้ลงชื่อเป็นผู้เสนอกฎหมายก็จะได้รับประโยชน์ด้วย

4. กฎหมายนี้น่าจะเป็นกฎหมายการเงินต้องได้รับการลงนามจากนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะจะมีผลในการนิรโทษกรรมคนเผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ที่ศาลสั่งให้ชดเชยเงิน 200 ล้านบาท ซึ่งผูกพันกับทรัพย์สินรัฐต้องจัดงบประมาณแผ่นดินไปสร้างศาลากลางหลังใหม่

5. กฎหมายทำลายหลักนิติรัฐ ขัดหลักสิทธิมนุษยชน ล้างผิดอาญาโทษอุกฉกรรจ์ ต่อไปไม่มีใครกลัวกฎหมาย ทำผิดแล้วใช้อำนาจล้างผิดให้ตัวเองได้ ดังนั้นหากกรรมาธิการเสียงข้างมากจริงใจท่จะช่วยเหลือประชาชนจริง ๆ ก็ควรจะทำให้สิ่งเหล่านี้มีความชัดเจนไม่ต้องมีการตีความใด ๆ อีกในอนาคต แต่ถ้าไม่ดำเนินการตามนี้ตนเชื่อว่าประชาชนคงไม่ยอมให้กฎหมายนี้ผ่านไปอย่างปกติแน่นอน

** กปท.จี้รัฐบาลเลิกแผนตั้งสภาปฏิรูปฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมุนมของกลุ่ม กปท. ที่สวนลุมพินี วานนี้ (11ส.ค.) เป็นไปด้วยความเงียบเหงา โดยกิจกรรมบนเวทีปราศรัย จะเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงบ่ายเป็นต้นไป ขณะที่นายไทกร พลสุวรรณ โฆษก กปท. แจ้งว่า จะงดการจัดกิจกรรมทางการเมืองในวันนี้ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมจะปรับรูปแบบเวทีเป็นการเทิดพระเกียรติ ขณะที่พื้นที่บริเวณ สถานที่ชุมนุม จะจัดตั้งโรงทานของกลุ่มกองทัพธรรม จำนวน 12 แห่ง

สำหรับเครือข่ายพันธมิตรฯ และบุคคล ที่ทะยอยเข้าร่วมกับกลุ่มกปท. ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. จนถึงขณะนี้ ได้แก่ กลุ่มกองทัพธรรม กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จากในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กลุ่มหน้ากากขาว องค์กรพิทักษ์สยาม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกัน รับแจ้งจากสถาบันการศึกษาหลายแห่ง จะเข้าร่วมชุมนุมด้วย

นอกจากนี้ จะมีกลุ่มนักวิชาการ 26 คน จากหลายสถาบัน จะร่วมกันจัดเวทีเสวนาที่เวทีหลัก เพื่อให้ความรู้ผู้ร่วมชุมนุมไปจนกว่าจะโค่นระบอบทักษิณสำเร็จ

นายไทกร กล่างวว่า กรณีรัฐบาลโดย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ติดต่อคนให้ร่วมอยู่ในสภาปฏิรูป และมีบุคคลตอบรับแล้วกว่าร้อยละ 90 นั้น กปท.เห็นว่า ล้วนเป็นบุคคลที่เคยรับใช้ระบอบทักษิณมาก่อน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลล้มเลิกการตั้งสภาปฏิรูป และเรื่องเร่งด่วนที่รัฐควรดำเนินการตอนนี้ คือ แก้ปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน และเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งนี้ นายไทกร จะเป็นตัวแทนไปเร่งรัด ที่สำนักงานป.ป.ช. สรุปผลคดีที่ชมรมสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ยื่นคำร้องกรณี พ.ร.บ. กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อสร้างระบบคมนาคมของประเทศนั้น ขัดรัฐธรรมนูญ ในวันอังคารที่ 13 ส.ค.นี้ด้วย

**“ปานเทพ”ให้กำลังใจ กปท.ที่สวนลุมฯ

เวลา 11.50 น. วานนี้ ที่สวนลุมพินี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้เดินทางมาสังเกตการณ์การชุมนุมของ กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ชุมนุม โดยนายปานเทพ กล่าวว่า ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมครั้งนี้ ถือเป็นผู้ที่รักชาติ จึงได้ออกมารวมตัวกัน ตนจึงมาให้กำลังใจ แต่มองว่าที่การเคลื่อนไหวที่ผ่านมายังไม่มีพลังมากเพียงพอนั้น เนื่องจากแกนนำยังขาดประสบการณ์ ในการนำมวลชลอย่างเต็มตัว จึงต้องมีการปรับยุทธวิธี ทางจิตวิทยา การนำมวลชน รวมถึงเป้าหมายในการเคลื่อนไหวที่ต้องชัดเจน ให้มวลชนมีความหวัง และการที่กองทัพธรรม เข้ามามีส่วนร่วมก็ถือเป็นเรื่องที่ดี

นายปานเทพ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ ถือว่ามีความพร้อมที่สุดที่จะออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เนื่องจาก มีมวลชน นักปราศรัย และ ช่องทางการสื่อสาร ตนจึงมองว่า ปชป. มีอยู่สองทางเลือกในการคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คือ ออกมาเล่นเกมนอกสภา ใช้มวลชน กดดัน ไม่ให้ พ.ร.บ.นิโทษกรรม วาระ 2 และ 3 เดินหน้าได้ เหมือนที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เสนอไป หรือทางเลือกที่สอง ต่อสู้ในสภา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาลได้ แล้วยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เนื่องจากมองว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ชัดเจนมาก เพราะมี ส.ส.ได้รับประโยชน์ และ ยืนยันว่า พธม. มีจุดยืนชัดเจนที่ไม่ยอมรับ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่ที่ พันธมิตรฯ ยังไม่เคลื่อนไหวนั้น เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องคดีที่อยู่ในชั้นศาล ทำให้การเคลื่อนไหวครั้งต่อไป เปรียบเสมือนธนูดอกสุดท้าย ที่เมื่อออกมาแล้วต้องคุ้มค่า และเรานึกถึงการปฏิรูปการเมืองของประเทศ ไม่ใช่เพียงการต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

เมื่อถามว่า ปัจจัยอะไรที่จะสามารถทำให้ล้มรัฐบาลได้ นายปานเทพ กล่าวว่า อยู่ที่การกระทำของรัฐบาลเอง หากมีการแก้กฎหมายเพื่อพวกพ้องคนที่อยู่กลางๆ ก็จะรับไม่ได้ รวมถึงฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาล หากรวมตัวเป็นเอกภาพก็จะมีพลังมากขึ้น เมื่อถามต่อถึงรัฐบาลแห่งชาติ นายปานเทพ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้อยู่ แต่ยากเพราะแต่ละฝ่ายมีแนวทางของตัวเองอยู่ หากมารวมกันก็จะเสียมวลชน

***"เทพไท" รีบปัดข้อเสนอ "สนธิ"

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และอดีตโฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ ภายใต้ชื่อบัญชี Theptai Seanapong ?(@Theptai) ภายหลัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอทางออกของประเทศ ด้วยการให้ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ลาออกทั้งหมด และออกมาสู้กับประชาชนเพื่อปฏิรูปการเมือง ว่า ไม่ต่างอะไรกับการปิ้งปลาประชดแมว เป็น ส.ส. ก็สู้ได้ทั้งในและนอกสภา หากลาออกก็มีเลือกตั้งซ่อม รัฐบาลไม่มีทางยุบสภาแน่ การสู้เพื่อขัดขวาง พ.ร.บ.นิรโทษฯยังมีอีกหลายยก อยากให้ประชาชนใจเย็นๆ ม็อบ 7 สิงหา นั้นเป็นแค่ออเดิร์ฟ

ข้อความของนายเทพไทมีดังนี้

- จะให้ผมลาออกจาก ส.ส.มาสู้นอกสภา ไม่ต่างอะไรกับ ปิ้งปลาประชดแมว เป็น ส.ส.ก็สู้ได้ทั้งในและนอกสภาไม่ดีกว่าหรือ ?
- การทำม็อบทางการเมืองเป็นการต่อสู้ตามอุดมการณ์ ไม่ใช่การชิงดีชิงเด่นว่าใครจัดม็อบได้เก่งกว่ากัน
- ตอนนี้ ปชป.ประกาศชัด จะต่อสู้ขัดขวาง พรบ.นิรโทษกรรมทั้งในสภาและนอกสภา
- ผมไม่เคยกลัวเรื่องทำม็อบ เพราะเคยทำตั้งแต่สมัยเด็กๆ ชั้นมัธยมจัดม็อบช่วย 14 ตุลา ตอนเป็นผู้นำนักศึกษา จัดม็อบนับครั้งไม่ถ้วน
- อย่าคุยว่าใครทำม็อบได้เก่งกว่าใคร ขึ้นอยู่กับประเด็นปัญหา ว่าสอดคล้องกับอารมณ์ความรู้สึกของมวลชนหรือไม่ และเป็นผลประโยชน์ส่วนรวมมิใช่ส่วนตน
- ลาออกจาก ส.ส. ก็มีเลือกตั้งซ่อม คิดหรือว่ารัฐบาลนี้จะยุบสภา หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ชาติหน้าก็เป็นไปไม่ได้
- การสู้เพื่อขัดขวาง พ.ร.บ.นิรโทษ ยังมีอีกหลายยก ใจเย็นๆ นะพี่น้อง
- ม็อบ 7 สิงหา เดินไปส่ง ส.ส. หน้าสภา เป็นแค่ออเดิร์ฟ

**ถกพ.ร.บ.งบประมาณ 14-15 ส.ค.นี้

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมวันที่ 13 ส.ค.นี้ เพื่อทำความเข้าใจกับ ส.ส.หลังสภาฯ เตรียมบรรจุวาระการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ในวันที่ 14 -15 ส.ค. ซึ่งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และเตรียมเข้าสู่วาระสอง เพื่อเตรียมผู้อภิปรายสนับสนุนว่าจะมีจำนวนท่าไร เพื่อให้เกิดความเหมาะสม ขณะที่วิปรัฐบาลจะประชุมในวันเดียวกัน เพื่อกำหนดกรอบการอภิปราย ทั้งนี้ พรรคจะประชุมสรุปสถานการณ์ทางการเมือง และการชุมนุมของม็อบแช่แข็ง 2 ว่าจะเป็นอย่างไร เพื่อให้ ส.ส.ไปทำความเข้าใจกับประชาชน โดยจะทำคู่มือที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์การเมืองไปชี้แจงเพิ่มเติมด้วย

** จับตารัฐบาลตัดเกมกลัวถูกแฉทุจริต

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 วาระ 2 และ 3 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14-15 ส.ค.56 ซึ่งคณะกรรมาธิการได้มีข้อสังเกต 15 ข้อ ไปยังรัฐบาลให้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างจริงจัง เช่น การใช้จ่ายเงินนายกรัฐมนตรี จะกำกับดูแลให้การบริหารจัดการคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง

ทั้งนี้เห็นว่าสัปดาห์นี้ มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะรวบรัดตัดตอนไม่ให้ ส.ส.ฝ่ายค้านทำหน้าที่ ด้วยการเสนอให้ปิดอภิปราย เพราะกลัวการเปิดโปงการทุจริตกลางสภา เช่น โครงการรับจำนำข้าว การซื้อรถตู้ของกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากในชั้นกรรมาธิการพบว่า การจัดสรรงบปี 57 อาจนำไปสู่การทุจริต คอร์รัปชั่น จึงทำให้รัฐบาลกังวลว่าจะถูกเปิดโปง ในส่วนของพรรค ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลว่าไม่ควรหักดิบ ใช้เสียงข้างมากเพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านแปรญัตติ เพื่อปิดปากส.ส.ฝ่ายค้าน ในการพิจารณางบประมาณครั้งนี้ หากนายกฯ มีความจริงใจที่จะปราบการทุจริตคอร์รัปชันควรใช้โอกาสนี้ ให้ฝ่ายค้านได้ตรวจสอบการทุจริตอย่างเต็มที่.
กำลังโหลดความคิดเห็น