ข่าวปนคน คนปนข่าว
พล่านกันไปทั้งแก๊งเมื่อยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความในเว็บไซต์อินสตาแกรมและทวิตเตอร์ส่วนตัวเรียกชื่อสาธารณรัฐอิตาลี ประเทศเก่าแก่ที่เด็กอนุบาลก็รู้จักกันดี ผิดเป็น “นครรัฐอิตาลี”จนต้องหาทางคลี่คลายโยนผิดให้ทีมงานขี้ข้ารับไป
จะแถอย่างไรคงไม่มีใครเชื่อเป็นอีกครั้งที่ยิ่งลักษณ์เอา “คำโกหกมาบิดเบือนความผิด แต่ไม่มีสิทธิ์ลบเลือนความจริง”
ก่อนจะปล่อยไก่ครั้งนี้ ก็เพิ่งมีเหตุที่พล่านกันไปทั้งพรรคเพื่อไทยร้อนไปจนถึงสภากับคำปราศรัยของอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แทงใจดำ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ผู้มากด้วยฉายาที่พอพูดออกมา ก็รู้ว่าเป็นใครในทันที
"นายกฯ หลบเลี่ยงแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงผลดูไม่ออกว่าที่อยู่ในประเทศหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ไปทำอะไรบ้างเมื่อเช้าเห็นข่าวว่าไปทำโครงการ สมาร์ทเลดี้ มันแปลว่าอะไร ผมจึงไปถามม.ล.อภิมงคล โสณกุล ซึ่งแปลว่า ผู้หญิงฉลาด แต่ทำไมต้องทำโครงการนี้ทำไมต้องหาผู้หญิงฉลาด ทำไมต้องประกวด เพราะเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหา 'อีโง่' ไม่มีใครไปแข่งได้"
เป็นคำปราศรัยของอภิสิทธิ์ บนเวทีผ่าความจริงที่วัดดอกไม้ย่านยานนาวา เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา
ไม่เอ่ยชื่อใครสักคนแต่ทั้งประเทศดันรู้ว่า “อีโง่” หมายถึงใครแสดงให้เห็นว่าสิ่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคแต่ได้เพราะฝีมือล้วน ๆเพราะขนาดเสื้อแดงทั้งรัก ทั้งหลง ยังไม่รู้จะแก้ตัวแทนอย่างไรนอกจากถือป้ายโง่ไม่แพ้คนที่ตัวเองบูชาโพสต์ลงเฟซบุ๊คประจานสมองตัวเองและผู้นำหญิงว่ากูรัก กูทุ่มเท เพื่ออีโง่สีแดง จาก ผู้ที่ใช้ชื่อว่า ฟอร์ด เส้นทางสีแดง
สิ่งที่น่าสนใจคืออะไรทำให้คำว่า “อีโง่” ถูกสักไว้บนหน้าผากของ ยิ่งลักษณ์จนคนรับรู้กันทั้งประเทศ
คงต้องเริ่มจากทวิตเตอร์อันร้อนแรงท่ามกลางกระแสน้ำหลากเมื่อปี2554 ของ“หนูดี” วนิษา เรซ ผู้อำนวยการโรงเรียนวนิษา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามผู้แต่งหนังสือ“อัจฉริยะสร้างได้”
เธอโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @nudi_vanessa ระบุว่า “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัวกลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”ข้อความดังกล่าวถูกแชร์แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากคำว่า “เอาบัณฑิตมาขนทราย เอาควายมาบริหารประเทศ”เป็นความในใจของคนไทยที่โดนใจเต็ม ๆในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากต้องต่อสู้กับกระแสน้ำและการบริหารที่ห่วยแตกของผู้นำหญิงคนแรก
ที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ซึ่งเคยมีคำทำนายไว้จากพระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) ที่ว่า “จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาวควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง ผู้ปกครองจักเป็นหญิงพึงระวังสายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ”
แต่เสื้อแดงก็ยังกล้าบิดคำทำนายดังกล่าวผ่านการเข้าไปป่วนหน้าเฟซบุ๊คต่างโดยแปลงเป็นว่า “จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาวควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง ผู้ปกครองจักเป็นหญิงทรงพลังสายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ”
เปลี่ยนขาวเป็นดำแบบนี้ไม่ชั่วจริงทำไม่ได้จากคำว่า “พึงระวัง” แดงเปลี่ยนเป็น “ทรงพลัง” ซะงั้น แล้วสักวันคงได้เห็นว่าเวลาที่หญิงโง่ครองเมืองจะทรงพลังในการทำลายล้างได้มากแค่ไหน
นอกจากพวกรากเน่าจะดิ้นผ่านเฟซบุ๊คแล้วบรรดาพวกโง่แต่ขยันเลียในพรรคเพื่อไทยก็ทยอยออกมาตอบโต้กันยกใหญ่จนคนรู้กันหมดเลยว่า
ยิ่งลักษณ์คือ อีโง่
จากที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ก็เลยรับทราบจากการประจานของลิ่วล่้อและการประโคมข่าวจากสื่อขี้ข้าแม้วหวังทำลายอภิสิทธิ์ แต่กลับย้อนศรไปทำร้าย ยิ่งลักษณ์ประทับตรา “อีโง่” ให้อย่างเป็นทางการ
ยิ่งเมื่อ ประชา ประสพดี รมช.มหาดไทยกระโดดมาร่วมวงเชลียร์ เรื่องก็เลยGo So Bigมีการจัดม็อบผ้าถุงแต่งตัวกันเหมือนคนไม่สมปะดีมาประท้วงอภิสิทธิ์ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่12 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทยและกลุ่มสตรีเสื้อแดงสวมผ้าถุง ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรผ่านนายนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ
เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในกรณีที่กล่าวถึงคำว่า “อีโง่” บนเวทีผ่าความจริงโดยอ้างเป็นการพาดพิงนายกรัฐมนตรี ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ใด
แถมยังจัดหนักตั้งกระทู้สดชงเองกินเองหวังยิงเข้าประตูให้อภิสิทธิ์รับไม่ทันแต่กลายเป็นการประจานนายหญิงของตัวเองกลางสภาว่าเป็น “อีโง่” ซะงั้น
กระทู้สดเปียกน้ำลายเป็นของนางมุกดาพงษ์สมบัติ เรื่อง กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและโครงการสมาร์ทเลดี้ไทยแลนด์โดยตั้งคำถามสุดท้ายกับนายประชา พร้อมเปิดคลิปคำปราศรัยของ อภิสิทธิ์ ตอกย้ำคำว่า “อีโง่” อีกรอบซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง 11ไปทั่วประเทศ เพราะเป็นช่วงของการตอบกระทู้สด
โดยนางมุกดา ถามว่ารัฐมนตรีคิดอย่างไรกับการใช้คำว่า "อีโง่" ที่ทั้งหยาบคายและมีลักษณะจิก ดูถูกว่าสตรีไร้ค่า
ทำให้สภาร้อนฉ่าเกิดวิวาทะระหว่างกระโปรงจากประชาธิปัตย์และผ้าถุงจากเพื่อไทยอย่างถึงพริกถึงขิงที่เด็ดสุดต้องยกให้ “เจ๊เจิมมาศ จึงเลิศศิริ” ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ที่ถามว่า “อีโง่หมายถึงใคร แต่หากตอบไม่ได้ ให้ไปเปิดดูในกูเกิ้ล”
เกมเลยพลิกจากที่ประชา เตรียมมาด่าอภิสิทธิ์ เต็มที่กลายเป็นจ๋องแก้ต่างแทนนายหญิงไม่ได้ นอกจากพูดว่า ไม่รู้ว่า “อีโง่” ที่ว่านั้นหมายถึงใคร
แต่ที่ตลกที่สุดคือหลังจากอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่าถ้าดูคลิปคำปราศัยถ้อยคำที่ใช้ไม่ได้ระบุถึงใคร ขอยืนยันว่า ไม่มีข้อความใดๆที่ดูถูกสตรี เรื่องนี้เป็นการเข้าใจกันไปเองก็ยังมีส.ส.หญิงลุกขึ้นมาการันตีให้ว่า “อีโง่”คือ “ยิ่งลักษณ์”
โดยนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุทส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงอภิสิทธิ์ว่าที่บอกว่าอีโง่ ไม่ได้ระบุถึงใครนั้นเป็นการกล่าวเท็จในสภา เนื่องจากตามเทปภาพที่เปิดในสภานั้น นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวบนเวทีผ่าความจริงถึงการเดินทางไปเปิดงานสมาร์ท เลดี้ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และมีการประกวดสมาร์ทเลดี้ ว่า หากประกวดอีโง่ ก็คงไม่มีใครสู้เขาได้นั้น หมายถึงนายกรัฐมนตรีแน่นอน
ทำเอาฟากฝั่งประชาธิปัตย์และฝ่ายค้านฮาครืนรวมทั้งนักข่าวที่ติดตามอยู่ในห้องโถงสภาด้วยแต่ดูเหมือนส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทยรายนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลัง “ประจานไม่ใช่ปกป้อง”
ดูไปแล้วก็ไม่แตกต่างจากกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่น ชั้น 7
ที่ “ประชา ประสพเลีย”เชลียร์สุด ๆ ด้วยการเชิญชวนผู้สื่อข่าวไปชมโรงแรมโฟร์ซีซั่นเพื่อยืนยันว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับท้องหรือทับซ้อนใด ๆ ทั้งสิ้นระหว่างการพบกันในเวลาราชการที่โรงแรมดังกล่าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับสามีของแพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ เศรษฐา ทวีสิน โดยไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันได้ว่ามีบุคคลที่สามอยู่ร่วมด้วยหรือไม่
แต่ ประชาก็ต้องหน้าแตกกลับมาเพราะโรงแรมไม่ให้ขึ้นไป ถ้าจะขึ้นชั้น 7 ต้องจองห้องก่อน จึงยิ่งตอกย้ำว่าการขึ้นชั้น 7 ของยิ่งลักษณ์มีใครบางคนจองห้องโรงแรมเอาไว้ แต่ไม่ทราบว่าทำอะไรกับการใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมง
แย่ไปกว่านั้นคือ ประชาที่คิดโชว์ผลงานกลายเป็นหน้าแหกซ้ำสองอีกรอบหลังจากมีเงินไม่พอที่จะจองห้องพักจึงขึ้นไปดูที่ชั้น7 ไม่ได้
ก็อย่างว่าละนะ “คำโกหกมีหน้าที่บิดเบือนความผิด แต่ไม่มีสิทธิ์ลบเลือนความจริง” เพราะจนถึงนาทีนี้ เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศรู้แล้วว่าใครคือ “อีโง่”
ไม่ต้องเอ่ยชื่อหรอก “คนที่คุณก็รู้...ว่าใคร”
พล่านกันไปทั้งแก๊งเมื่อยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความในเว็บไซต์อินสตาแกรมและทวิตเตอร์ส่วนตัวเรียกชื่อสาธารณรัฐอิตาลี ประเทศเก่าแก่ที่เด็กอนุบาลก็รู้จักกันดี ผิดเป็น “นครรัฐอิตาลี”จนต้องหาทางคลี่คลายโยนผิดให้ทีมงานขี้ข้ารับไป
จะแถอย่างไรคงไม่มีใครเชื่อเป็นอีกครั้งที่ยิ่งลักษณ์เอา “คำโกหกมาบิดเบือนความผิด แต่ไม่มีสิทธิ์ลบเลือนความจริง”
ก่อนจะปล่อยไก่ครั้งนี้ ก็เพิ่งมีเหตุที่พล่านกันไปทั้งพรรคเพื่อไทยร้อนไปจนถึงสภากับคำปราศรัยของอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่แทงใจดำ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรี ผู้มากด้วยฉายาที่พอพูดออกมา ก็รู้ว่าเป็นใครในทันที
"นายกฯ หลบเลี่ยงแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงผลดูไม่ออกว่าที่อยู่ในประเทศหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ไปทำอะไรบ้างเมื่อเช้าเห็นข่าวว่าไปทำโครงการ สมาร์ทเลดี้ มันแปลว่าอะไร ผมจึงไปถามม.ล.อภิมงคล โสณกุล ซึ่งแปลว่า ผู้หญิงฉลาด แต่ทำไมต้องทำโครงการนี้ทำไมต้องหาผู้หญิงฉลาด ทำไมต้องประกวด เพราะเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหา 'อีโง่' ไม่มีใครไปแข่งได้"
เป็นคำปราศรัยของอภิสิทธิ์ บนเวทีผ่าความจริงที่วัดดอกไม้ย่านยานนาวา เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา
ไม่เอ่ยชื่อใครสักคนแต่ทั้งประเทศดันรู้ว่า “อีโง่” หมายถึงใครแสดงให้เห็นว่าสิ่งนี้ไม่ได้มาเพราะโชคแต่ได้เพราะฝีมือล้วน ๆเพราะขนาดเสื้อแดงทั้งรัก ทั้งหลง ยังไม่รู้จะแก้ตัวแทนอย่างไรนอกจากถือป้ายโง่ไม่แพ้คนที่ตัวเองบูชาโพสต์ลงเฟซบุ๊คประจานสมองตัวเองและผู้นำหญิงว่ากูรัก กูทุ่มเท เพื่ออีโง่สีแดง จาก ผู้ที่ใช้ชื่อว่า ฟอร์ด เส้นทางสีแดง
สิ่งที่น่าสนใจคืออะไรทำให้คำว่า “อีโง่” ถูกสักไว้บนหน้าผากของ ยิ่งลักษณ์จนคนรับรู้กันทั้งประเทศ
คงต้องเริ่มจากทวิตเตอร์อันร้อนแรงท่ามกลางกระแสน้ำหลากเมื่อปี2554 ของ“หนูดี” วนิษา เรซ ผู้อำนวยการโรงเรียนวนิษา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามผู้แต่งหนังสือ“อัจฉริยะสร้างได้”
เธอโพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ @nudi_vanessa ระบุว่า “ขอพูดอะไรแรงๆ สักครั้งในชีวิตค่ะ พูแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัวกลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด”ข้อความดังกล่าวถูกแชร์แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากคำว่า “เอาบัณฑิตมาขนทราย เอาควายมาบริหารประเทศ”เป็นความในใจของคนไทยที่โดนใจเต็ม ๆในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากต้องต่อสู้กับกระแสน้ำและการบริหารที่ห่วยแตกของผู้นำหญิงคนแรก
ที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ซึ่งเคยมีคำทำนายไว้จากพระพุทธโฆษาจารย์ (ลำใย) ที่ว่า “จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาวควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง ผู้ปกครองจักเป็นหญิงพึงระวังสายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ”
แต่เสื้อแดงก็ยังกล้าบิดคำทำนายดังกล่าวผ่านการเข้าไปป่วนหน้าเฟซบุ๊คต่างโดยแปลงเป็นว่า “จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาวควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง ผู้ปกครองจักเป็นหญิงทรงพลังสายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ”
เปลี่ยนขาวเป็นดำแบบนี้ไม่ชั่วจริงทำไม่ได้จากคำว่า “พึงระวัง” แดงเปลี่ยนเป็น “ทรงพลัง” ซะงั้น แล้วสักวันคงได้เห็นว่าเวลาที่หญิงโง่ครองเมืองจะทรงพลังในการทำลายล้างได้มากแค่ไหน
นอกจากพวกรากเน่าจะดิ้นผ่านเฟซบุ๊คแล้วบรรดาพวกโง่แต่ขยันเลียในพรรคเพื่อไทยก็ทยอยออกมาตอบโต้กันยกใหญ่จนคนรู้กันหมดเลยว่า
ยิ่งลักษณ์คือ อีโง่
จากที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ ก็เลยรับทราบจากการประจานของลิ่วล่้อและการประโคมข่าวจากสื่อขี้ข้าแม้วหวังทำลายอภิสิทธิ์ แต่กลับย้อนศรไปทำร้าย ยิ่งลักษณ์ประทับตรา “อีโง่” ให้อย่างเป็นทางการ
ยิ่งเมื่อ ประชา ประสพดี รมช.มหาดไทยกระโดดมาร่วมวงเชลียร์ เรื่องก็เลยGo So Bigมีการจัดม็อบผ้าถุงแต่งตัวกันเหมือนคนไม่สมปะดีมาประท้วงอภิสิทธิ์ที่หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่12 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทยและกลุ่มสตรีเสื้อแดงสวมผ้าถุง ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรผ่านนายนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาฯ
เพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมนายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในกรณีที่กล่าวถึงคำว่า “อีโง่” บนเวทีผ่าความจริงโดยอ้างเป็นการพาดพิงนายกรัฐมนตรี ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นผู้ใด
แถมยังจัดหนักตั้งกระทู้สดชงเองกินเองหวังยิงเข้าประตูให้อภิสิทธิ์รับไม่ทันแต่กลายเป็นการประจานนายหญิงของตัวเองกลางสภาว่าเป็น “อีโง่” ซะงั้น
กระทู้สดเปียกน้ำลายเป็นของนางมุกดาพงษ์สมบัติ เรื่อง กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและโครงการสมาร์ทเลดี้ไทยแลนด์โดยตั้งคำถามสุดท้ายกับนายประชา พร้อมเปิดคลิปคำปราศรัยของ อภิสิทธิ์ ตอกย้ำคำว่า “อีโง่” อีกรอบซึ่งมีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง 11ไปทั่วประเทศ เพราะเป็นช่วงของการตอบกระทู้สด
โดยนางมุกดา ถามว่ารัฐมนตรีคิดอย่างไรกับการใช้คำว่า "อีโง่" ที่ทั้งหยาบคายและมีลักษณะจิก ดูถูกว่าสตรีไร้ค่า
ทำให้สภาร้อนฉ่าเกิดวิวาทะระหว่างกระโปรงจากประชาธิปัตย์และผ้าถุงจากเพื่อไทยอย่างถึงพริกถึงขิงที่เด็ดสุดต้องยกให้ “เจ๊เจิมมาศ จึงเลิศศิริ” ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ที่ถามว่า “อีโง่หมายถึงใคร แต่หากตอบไม่ได้ ให้ไปเปิดดูในกูเกิ้ล”
เกมเลยพลิกจากที่ประชา เตรียมมาด่าอภิสิทธิ์ เต็มที่กลายเป็นจ๋องแก้ต่างแทนนายหญิงไม่ได้ นอกจากพูดว่า ไม่รู้ว่า “อีโง่” ที่ว่านั้นหมายถึงใคร
แต่ที่ตลกที่สุดคือหลังจากอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่าถ้าดูคลิปคำปราศัยถ้อยคำที่ใช้ไม่ได้ระบุถึงใคร ขอยืนยันว่า ไม่มีข้อความใดๆที่ดูถูกสตรี เรื่องนี้เป็นการเข้าใจกันไปเองก็ยังมีส.ส.หญิงลุกขึ้นมาการันตีให้ว่า “อีโง่”คือ “ยิ่งลักษณ์”
โดยนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุทส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงอภิสิทธิ์ว่าที่บอกว่าอีโง่ ไม่ได้ระบุถึงใครนั้นเป็นการกล่าวเท็จในสภา เนื่องจากตามเทปภาพที่เปิดในสภานั้น นายอภิสิทธิ์ ได้กล่าวบนเวทีผ่าความจริงถึงการเดินทางไปเปิดงานสมาร์ท เลดี้ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และมีการประกวดสมาร์ทเลดี้ ว่า หากประกวดอีโง่ ก็คงไม่มีใครสู้เขาได้นั้น หมายถึงนายกรัฐมนตรีแน่นอน
ทำเอาฟากฝั่งประชาธิปัตย์และฝ่ายค้านฮาครืนรวมทั้งนักข่าวที่ติดตามอยู่ในห้องโถงสภาด้วยแต่ดูเหมือนส.ส.หญิงพรรคเพื่อไทยรายนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลัง “ประจานไม่ใช่ปกป้อง”
ดูไปแล้วก็ไม่แตกต่างจากกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่น ชั้น 7
ที่ “ประชา ประสพเลีย”เชลียร์สุด ๆ ด้วยการเชิญชวนผู้สื่อข่าวไปชมโรงแรมโฟร์ซีซั่นเพื่อยืนยันว่าไม่มีเรื่องผลประโยชน์ทับท้องหรือทับซ้อนใด ๆ ทั้งสิ้นระหว่างการพบกันในเวลาราชการที่โรงแรมดังกล่าวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับสามีของแพทย์หญิงพักตร์พิไล ทวีสิน เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ เศรษฐา ทวีสิน โดยไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันได้ว่ามีบุคคลที่สามอยู่ร่วมด้วยหรือไม่
แต่ ประชาก็ต้องหน้าแตกกลับมาเพราะโรงแรมไม่ให้ขึ้นไป ถ้าจะขึ้นชั้น 7 ต้องจองห้องก่อน จึงยิ่งตอกย้ำว่าการขึ้นชั้น 7 ของยิ่งลักษณ์มีใครบางคนจองห้องโรงแรมเอาไว้ แต่ไม่ทราบว่าทำอะไรกับการใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมง
แย่ไปกว่านั้นคือ ประชาที่คิดโชว์ผลงานกลายเป็นหน้าแหกซ้ำสองอีกรอบหลังจากมีเงินไม่พอที่จะจองห้องพักจึงขึ้นไปดูที่ชั้น7 ไม่ได้
ก็อย่างว่าละนะ “คำโกหกมีหน้าที่บิดเบือนความผิด แต่ไม่มีสิทธิ์ลบเลือนความจริง” เพราะจนถึงนาทีนี้ เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศรู้แล้วว่าใครคือ “อีโง่”
ไม่ต้องเอ่ยชื่อหรอก “คนที่คุณก็รู้...ว่าใคร”