ข่าวปนคน คนปนข่าว
เป็นข่าวหยุดประเทศไทย ช็อกไปทุกวงการเมื่อ “แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”ที่เคยฝากชื่อเสียงระบือลือลั่น นำการชุมนุมขับไล่รัฐบาลทุนนิยมสามานย์จนเป็นผลสำเร็จมาหลายห้วงเวลาสร้างสถิติการชุมนุมยาวนาน กินนอนบนถนนกว่า 300 วันประกาศยุติบทบาท ยุติการเคลื่อนไหว
วีรกรรมการการทำงานเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กล้าหาญ และห้าวหาญยังติดตราตรึงใจคนไทย และเป็นต้นแบบของการนำมวลชนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาพลังมวลชนสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนไปถึงผู้มีอำนาจสูงสุดเชิงบริหารต้องยอมศิโรราบ
นั่นเพราะหัวจิตหัวใจที่เสียสละและทำด้วยสำนึกเพื่อชาวไทยโดยแท้จริง อานุภาพการเคลื่อนไหวจึงเข้มขลังกว่า “ม็อบกระจอกๆ”ที่ต้องมีน้ำเลี้ยงเติมเต็มอยู่ตลอด
ผลงานของพันธมิตรฯสร้างปรากฏการณ์การเมืองภาคประชาชนกล้าที่จะลุกฮือต่อต้านอำนาจรัฐที่ไม่ถูกต้อง กล้าแฉกันจะๆ ตรงๆ ถึงขบวนการชั่วช้าของนักการเมืองทำให้ประชาชนรู้เช่นเห็นชาติ ไส้กี่ขดๆของนักการเมืองเห็นล่อนจ้อนถึงความเหม็นเน่า
ไม่ใช่แค่เฉพาะ “ระบอบทักษิณ”เท่านั้น รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์หรือรัฐบาลที่สืบทอดมาจากเผด็จการยึดอำนาจ ล้วนเลวร้ายทั้งนั้น พันธมิตรฯได้นำสังคมไปสู่การเรียนรู้ต่อสู้กับความชั่วร้ายสามานย์จนวันนี้ผู้มีอำนาจไม่กล้าทำอะไรเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาเพราะเกรงกลัวพลังของประชาชน!!
วันนี้การเมืองยังวนเวียนอยู่ในวงจรอุบาทว์รัฐบาลเครือข่ายทักษิณนักโทษหนีคดี ยังพยายามกินรวบประเทศอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตอนนี้ก็ขะมักเขม้นจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ตัวเองและพรรคพวกแต่จะว่าไปพรรคประชาธิปัตย์ที่ตั้งหน้าตั้งตาค้านวันนี้วันก่อนก็เคยแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ตัวเองเหมือนกันเพียงแต่ว่าแก้ยังไงก็ยังต่อกรกับระบอบทุนนิยมสามานย์ไม่ได้
โฟกัสเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.ลึกๆแล้วพรรคประชาธิปัตย์เองก็อยากได้ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกันเพราะสามารถครอบงำได้มากกว่า ส.ว.สรรหาจะไปครอบงำอะไรได้หากเป็นส.ว.เลือกตั้งอย่างน้อยๆ ก็ครอบงำได้ทั้งภาคใต้ และกทม.ที่เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ลึกๆแล้วก็ชอบ
แต่ก็ต้องเล่นละครตบตาคัดค้านให้ดูดีเท่านั้นสันดานนักการเมืองดูให้ลึกซึ้งมันก็เห็นแต่ความตลบแตลง
สรุปโดยรวมแล้วการเมืองบนกระดานสภาวันนี้ไม่ได้แก้ปัญหาให้ประเทศชาติอะไรเลยมีแต่การถกเถียงกันออก “กติกาเพื่อตัวกู ของกู เอื้อประโยชน์พวกพ้องตัวเองทั้งนั้น!!”
การยุติบทบาทของพันธมิตรฯวันนี้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ต้องแปรผันไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้า ต้องลดบทบาทยุติการต่อสู้ เพื่อไม่ให้ใครก็ตามโดยเฉพาะนักการเมืองเข้ามาสวมรอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แบบหน้าด้านๆ
เรียกง่ายๆว่าการยุติบทบาทครั้งนี้เพราะไม่อยาก "พายเรือให้โจรนั่ง" นั่นเอง
วันนี้พันธมิตรฯได้ลองเชิงลองใจพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามเกี้ยวพาราสีให้พันธมิตรฯไปร่วมขบวนการไปนำม็อบเดินนำหน้าพรรคประชาธิปัตย์โดยที่รู้ดีว่าพรรคการเมืองอย่างพรรคประชาธิปัตย์กำลังคิดอะไรอยู่หวังใช้กลุ่มพันธมิตรฯเป็นเครื่องมือ เพื่อไต่บันไดให้ตัวเองไปสู่อำนาจ
ข้อสมมติฐานนี้ปรากฏชัดเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าลาออกจากส.ส.มาร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯบ่งบอกชัดเจนว่ายังอยากได้ใคร่มีอำนาจในกระดานการเมือง ในสภา ทำเนียบยังต้องการหมุนเวียนขึ้นสู่อำนาจบริหารอีกครั้ง ในวังวนของการเมืองมิติเดิมๆที่จ้องสวาปามฉ้อฉลปล้นชาติ ใครขึ้นมาก็อู้ฟู่ร่ำรวยมันถึงอยากจะเป็นรัฐบาลในระบบนี้กัน!!
มองอีกมุมหนึ่งแม้จะล้มรัฐบาลระบอบทักษิณไปได้แต่เชื่อเหลือเกินว่ามันก็จะกลับมาหลอกหลอนวนเวียนอยู่อีกเหมือนเดิมเพราะชั่วโมงนี้เหลือบมองไปทางไหนก็ไร้ความหวังการเปลี่ยนแปลงการเมืองแทบมองไม่เห็นทาง
ฉะนั้นการยุติบทบาทของแกนนำพันธมิตรจึงเป็น “การกระตุกเตือนสังคม”ให้คิดทำอะไรกันบ้างคิดหาหนทางเปลี่ยนแปลงการเมืองในรูปแบบชั่วร้ายที่เป็นอยู่ ต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำอย่ารอคอยพึ่งหวังผู้อื่น
พันธมิตรฯได้กระตุ้นให้ภาคส่วนอื่นๆของสังคมหันมาทบทวนว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่จะเป็น “ไทยเฉย” ปล่อยให้นักการเมืองชั่วช้า กัดบ้านกินเมืองไปอีกนานเท่าไหร่ข้าราชการ และหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งประชาชนทั่วไป ต้องออกมาแสดงบทบาทกันบ้างผู้นำสังคมที่ได้รับการศรัทธาเชื่อถือ เช่น
ประเวศวะสี อานันท์ ปันยารชุนต้องกล้าออกมามากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เสนอความคิดแล้วปิดบ้านเงียบไป
ศาลสถิตย์ยุติธรรมต่างๆ ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องกล้าตัดสินคดีความต่างๆด้วยความกล้าหาญป.ป.ช.ต้องตอบสนองสถานการณ์ด้วยความรวดเร็ว ไม่ใช้ทิ้งร้างคดีความต่างๆจนสำนวนขึ้นรา ทำกันแบบนี้สังคมที่ต้องการความชัดเจน ก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย
การลดบทบาทลงไปของกลุ่มพันธมิตรครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปตัดสินใจด้วยตนเองบ้างไม่ต้องรอเสียงนกหวีดจากแกนนำ ต้องกล้าลุกขึ้นมาแก้ปัญหาฝ่าฟันด้วยมือของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม พันธมิตรฯคงจะไม่หนีหายไปไหนแน่เพราะเป้าหมายที่แท้จริงยังไม่บรรลุ ความแค้นยังไม่ได้ปิดบัญชีฉะนั้นแกนนำพันธมิตรฯไม่กระโดดหนีเรือเอาตัวรอดแน่ ต้องชำระแค้นให้กับมวลหมู่พันธมิตรที่บาดเจ็บล้มตาย ในการต่อสู้ร่วมกับขบวนการพันธมิตรรวมทั้งสิ้น 1,400 คน
เป้าหมายของพันธมิตรฯหรือการได้มาซึ่งการเมืองใหม่ที่มีระบบที่ดีเพื่อสังคมส่วนรวมไม่ใช่การเมืองเส็งเคร็งที่เป็นอยู่ในแบบปัจจุบัน พันธมิตรฯจะกลับมาอีกครั้งแน่นอนถ้าทุกฝ่ายเห็นด้วยกับแนวทางการปฏิรูปการเมืองในแบบที่ควรจะเป็น
ไม่ใช่การเมืองแบบเดิมๆย้ายขั้ว เปลี่ยนข้าง แบ่งปันผลประโยชน์กันไปมา ที่ "ปูกรรเชียง" ยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกฯสมองกลวง ออกมาเสนอหน้าปฏิรูปกันวันนี้มันก็หลอกลวงเล่นกันในหมู่คนมีอำนาจเท่านั้น
สำหรับมวลชนพันธมิตรที่เกิดความรู้สึกสูญเสียและว้าเหว่นั้นต้องเข้มแข็งและเชื่อมั่นว่าแกนนำไม่มีใครเอาตัวรอดหรือรักตัวกลัวตาย เมื่อสถานการณ์เหมาะสมสุกงอมเกิดภาวะกินบ้านกินเมือง เขาเหล่านั้นจะกลับมานำการต่อสู้แน่
แต่ตอนนี้ต้องเข้าใจเหมือนกันว่าจะให้แกนนำใส่ชุดพร้อมออกรบอยู่ตลอดเวลาไม่ได้มิฉะนั้นมันคงไม่ต่างจากพวกซุปเปอร์ฮีโร่ ซุปเปอร์แมน จะมาใส่กางเกงในสีแดงเดินตรวจตลาดทุกวันก็ประหลาดอยู่แต่ย้ำว่ายามใดที่บ้านเมืองมีวิกฤติภัยคุกคาม ซุปเปอร์แมนก็จะปรากฏตัวออกมาแกนนำพันธมิตรก็จะเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน
กระนั้นจึงไม่อยากให้ประชาชนกดดันหรือสงสัย เพราะเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการช่วยเหลือชาติบ้านเมืองเมื่อเข้าสู่ภาวะวิกฤติยังมีอยู่เต็มเปี่ยม เมื่อใดก็เมื่อนั้นต้องเจอกันอีกแน่
ระหว่างนี้การเคลื่อนไหวของกลุ่มแกนนำพันธมิตรก็จะยึดโยงอยู่กับ เอเอสทีวีผู้จัดการ จะคอยทำหน้าที่ติดอาวุธทางปัญญาให้สังคม