xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ค"เฉ่งรัฐบาลหมกหมุ่นรื้อ รธน.-นิรโทษฯ เมินแก้ปัญหา ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (แฟ้มภาพ)
"อภิสิทธิ์" ประจานรัฐบาล ทุ่มเวลารื้อ รธน.-นิรโทษกรรม เพื่อคนกลุ่มเดียว เมินแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน เตือน "ค้อนปลอม" เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องพิทักษ์สิทธิสมาชิก ชี้ประชุมไม่ราบรื่น เหตุ "นิคม" ตัดสิทธิสมาชิก ทำผิด รธน.จนถูกยื่นถอดถอน เหน็บ "ยิ่งลักษณ์" สอน ส.ส.ให้เวลาทำงานในสภา เหมือน "แม่ปู สอนลูกปู" ยันปราศรัย "อีโง่" ตามกู้เกิ้ล ไม่ได้ดูถูกสตรี ติงรัฐบาลรับข้อเสนอบีอาร์เอ็น ต้องรอบคอบ ถามคนในพื้นที่ งง สมช.-ศอ.บต. เคยประสานเสียงไม่เอาข้อเสนอโจรใต้ แต่มากลับลำตอบรับ สงสัย "นช.แม้ว" มีเอี่ยวผลประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแนวโน้มว่ารัฐบาลจะใช้เวลาทั้งสัปดาห์เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว.ว่า ตอนนี้มีการนัดประชุมวันจันทร์ อังคาร พุธ ทำให้สภาไม่ได้พิจารณากฎหมาย ทั้งที่ตนมองไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีเหตุผลอะไร นอกจากจะเร่งรัดเพื่อประโยชน์ของสมาชิกวุฒิสภาชุดนี้ ประชาชนย้ำหลายครั้งผ่านหลายช่องทางต้องการให้รัฐบาลและสภาทุ่มเทกับเรื่องอื่นก่อนแต่สองปีที่ผ่านมารัฐสภาเสียเวลาไปกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายนิรโทษกรรมเยอะมาก ปีที่แล้วมีการขยายสมัยประชุมเป็นเดือน ปีนี้ก็พยายามบังคับให้มีการประชุมทั้งวัน ทั้งคืน สะท้อนว่ารัฐบาลหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของคนกลุ่มเดียว ทั้งนี้ความรับผิดชอบหลักอยู่ที่รัฐบาลและประธานสภาที่เป็นผู้ดำเนินการ เพราะสมาชิกทำอะไรไม่ได้ เรียกประชุมก็ต้องไป

ส่วนที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา อ้างว่าไม่รู้จะปฏิบัติตนอย่างไรและขอคำแนะนำจากตนนั้น ก็เป็นการพูดไปอย่างนั้นเอง เพราะเมื่อตกลงกันก็ไม่ได้ทำตามจึงเกิดปัญหา พรรคก็ไม่สามารถที่จะไปทัดทานได้เพราะเป็นอำนาจของประธานรัฐสภาที่จะกำหนดวาระการประชุม แต่ตนอยากให้ประธานรัฐสภาตระหนักว่าตัวเองเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งจะต้องมีความเป็นตัวของตัวเอง ต้องรู้ลำดับความสำคัญของผู้แทนปวงชนชาวไทยว่าต้องทำหน้าที่เพื่อใคร เรื่องไหนมาก่อนเรื่องไหนมาหลัง ไม่ใช่รับคำสั่งหรือเดินตามความต้องการของคนใดคนหนึ่งหรือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และคนเป็นประธานสภาเวลาวินิจฉัยต้องคำนึงถึงสิทธิของสมาชิกให้มาก เพราะสิทธิของสมาชิกคือหลักประกันในเรื่องเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ฝ่ายค้านเรียกร้องก็เพียงแค่ให้เป็นไปตามข้อบังคับและสิทธิตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น

อย่างไรก็ตามหากยังเป็นนายสมศักดิ์ และนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานรัฐสภาทำหน้าที่ก็คงไม่ได้รับการพิทักษ์สิทธิ เพราะนายนิคมวินิจฉัยชัดเจนแล้วว่าไม่ให้สิทธิสมาชิกรัฐสภาจึงทำให้พรรคยื่นถอดถอน ส่วนกรณีนายสมศักดิ์ ก็ต้องถามว่าเมื่อเคยทำคำวินิจฉัยไปอีกทางหนึ่งจะทำอย่างไร ให้คำวินิจฉัยนั้นปฏิบัติได้ ไม่ใช่พอเปลี่ยนประธานในที่ประชุมก็เปลี่ยนคำวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น ซึ่งจะทำให้ตลอดการประชุมต้องมีการโต้เถียงในประเด็นนี้ตลอด แต่ถ้ามีการปฏิบัติตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญและข้อบังคับก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อผิดไปจากหลักการมันก็ยุ่ง

ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สอน ส.ส.ว่า ต้องให้เวลางานในสภานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เหมือนแม่ปูสอนลูกปู ซึ่งไม่จำเป็นต้องอธิบายความหมายเพราะเป็นคนไทยน่าจะเข้าใจอยู่แล้ว

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนบางฉบับนำคำปราศรัยบนเวทีผ่าความจริงเรื่อง “อีโง่” ไปขยายผลว่าเป็นการดูถูกสตรีว่า ตนพูดตามที่เห็นในกูเกิ้ลไม่ได้พูดถึงใคร ส่วนใครจะร้อนตัวหรือไม่ไม่ทราบ และไม่รู้ว่ามีความไม่พอใจเรื่องอะไร ที่อ้างว่าเป็นการดูถูกผู้หญิงก็ต้องถามว่าทำไม เพราะตนบอกว่ามีการประกวดสมาร์ทเลดี้แปลว่า ผู้หญิงฉลาดก็ถูกแล้ว เขาคงไม่ประกวด “อีโง่” แล้วเกี่ยวอะไรกับการดูถูกผู้หญิง ไม่ทราบสื่อฉบับไหนนำเสนออย่างนี้คงเป็นเจ้าเก่าที่ชอบบิดเบือน

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวเตือนรัฐบาลเกี่ยวกับการพิจารณา 5 ข้อเสนอของบีอาร์เอ็น โดยพล.ท.ภารดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ระบุไม่ขัดรัฐธรรมนูญว่า จะต้องนำความชัดเจนให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ทราบว่าคิดอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ สมช.หรือ ศอ.บต.ก็ออกมาบอกเองว่า เคยเอาหลายข้อไปถามในพื้นที่แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย ทั้งหมดต้องว่าตามข้อเท็จจริง เพราะรัฐบาลไม่สามารถตัดสินใจที่ขัดรัฐธรรมนูญได้อยู่แล้ว ส่วน 5 ข้อเสนอที่เคยเผยแพร่ต่อสาธารณชนและร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีบางข้อขัดรัฐธรรมนูญนั้นตนเห็นว่าต้องดูรายละเอียดว่าจะแปลความมาอย่างไร

ส่วนจะหลีกเลี่ยงถ้อยคำเป็น "เขตปกครองพิเศษ" แต่ในทางปฏิบัติคือการแบ่งแยกดินแดนหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูตามกฎหมายที่จะออกมา และต้องดูความเชื่อมโยงกับราชการรัฐบาลส่วนกลางเป็นอย่างไร เพราะรัฐบาลก็พยายามที่จะคิดในลักษณะนี้แต่อยากให้คิดให้ครบถ้วนเพราะว่าการกระจายอำนาจหรือมีรูปแบบการปกครองท้องถิ่นพิเศษนั้นไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกินเลยจากนั้นอาจเป็นปัญหาได้ ตนจึงบอกว่าข้อเสนอนี้จะต้องให้ประชาชนได้แสดงความเห็นด้วยว่าคิดอย่างไรไม่ใช่รัฐตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียว เพราะการแก้ปัญหาต้องทำให้เกิดความสงบสุขโดยคำนึงถึงสิทธิของทุกฝ่าย

ส่วนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 ที่อาจมีผลทำให้การเจรจาที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไม่ต้องเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มาตรา 190 จ่อที่จะเข้าสู่สภา อย่างไรก็ตามมีสิทธิในการโต้แย้งว่าเรื่องไหนต้องเข้ารัฐสภาไม่ต้องเข้ารัฐสภายังมีอยู่ ทั้งนี้ตนเห็นว่ารัฐบาลขาดความชัดเจนในความคิดที่จะแก้ปัญหาภาคใต้ด้วยการจับแก่นสารทั้งหมด แต่ให้น้ำหนักมากเกินไปกับข้อเสนอของบางกลุ่มในบางแง่มุมเท่านั้น ทั้งที่ต้องแก้ปัญหาให้กับคนทุกคน เพราะการเจรจาต้องช่วยทำให้สถานการณ์ความรุนแรงลดลง ซึ่งรัฐบาลต้องนำเรื่องนี้มาประกอบการพิจารณาและตนยืนยันว่าการพูดคุยในรอบที่จะถึงนี้ ต้องหารือเกี่ยวกับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นให้มีความชัดเจนว่าจะทำอย่างไร

ส่วนกรณีที่บีอาร์เอ็นยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมปฏิบัติการของกลุ่มอาร์เคเคได้นั้น ตนเห็นว่าถ้าบีอาร์เอ็นคุมอาร์เคเคไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องถามเขาว่ามีหลักประกันอะไรว่าหากตอบสนองในสิ่งที่เขาเรียกร้องแล้ว เหตุการณ์ต่างๆ จะสงบลง แต่ถ้าไปทำตามข้อเรียกร้องบีอาร์เอ็นโดยที่สถานการณ์ไม่สงบลงก็ไม่มีประโยชน์เพราะเป้าหมายคือความสงบสุขในพื้นที่ ตนคิดว่าต้องมีการวิเคราะห์ข้อเรียกร้องตรงไปตรงมา สอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั้งในพื้นที่และคนไทยโดยทั่วไปด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินหน้าคุยกับกลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ไปปูทางไว้ให้คิดว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนที่ต้องการให้แบ่งแยกดินแดนบริเวณนี้ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เคยแสดงเจตนาที่จะทำธุรกิจด้านพลังงาน ซึ่งในบริเวณดังกล่าวมีทรัพยากรธรรมชาติและเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายทางธุรกิจอยู่ด้วย แต่ตนก็ไม่ทราบว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่


กำลังโหลดความคิดเห็น