ครม.ให้บีเอ็มซีแอลเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง-ชงข้อเสนอ “โทนี แบลร์”-“สมชัย” คว้าปลัด คค.

ผลประชุม ครม.ไฟเขียว BMCL เดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง หลังต่อรองราคาลงตัว เดินหน้าหาผู้ร่วมทุนเดินรถบางซื่อ-เตาปูน ฟุ้งจีนสนอุดหนุนยางไทย รับปากจูงใจนักลงทุนให้ “พงศ์เทพ” นำ 5 ข้อเสนอ “โทนี แบลร์” เสนอ ครม.พร้อมคลอด กม.ลดหย่อนภาษีเงินบริจาคพรรคการเมือง เห็นชอบแก้ไขกฎกระทรวงกำหนดความปลอดภัยในการโดยสาร แต่งตั้งข้าราชการหลายตำแหน่ง “สมชัย ศิริวัฒนโชค” ผงาดปลัดคมนาคม

วันนี้ (3 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการว่าจ้าง บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) บริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง ภายในวงเงินที่มีการเจรจาต่อรองในครั้งสุดท้ายที่ 82,625 ล้านบาท โดยมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการ งานสัญญาที่ 4 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ (สถานีคลองบางไผ่-เตาปูน) ซึ่ง BMCL เป็นผู้ได้รับการคัดเลือก และร่างสัญญาฯที่ได้มีการปรับตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุดและการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ตามนัยมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535

นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบในหลักการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ 5) โดยให้คณะกรรมการตามมาตรา 13 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ เริ่มต้นกระบวนการคัดเลือกให้เอกชนร่วมงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ 5) ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด โดยเริ่มต้นจากรูปแบบ PPP Net Cost หากรูปแบบดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จให้คณะกรรมการตามมาตรา 13 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ พิจารณารูปแบบการลงทุน PPP Gross Cost หรือรูปแบบอื่นๆ ที่มีความเหมาะสมและเกิดประโยชน์ต่อภาครัฐ โดยมีระยะเวลาของสัญญาเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของสายเฉลิมรัชมงคลซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 2 กรกฎาคม 2572

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการเดินทางเยือนนครหนางหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า การเดินทางครั้งนี้นายกฯได้มีโอกาสพบปะหารือกับ นายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายกฯจีนได้เชิญเยือนจีนเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เรียนเชิญนายกฯจีนมาเยือนประเทศไทย เพื่อร่วมงาน ITU Telecom World 2013 ที่ประเทศไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพ โดยนายกฯของจีนอาจจะมาร่วมงานด้วยตนเองหรือส่งตัวแทนมาร่วมงาน

นายธีรัตถ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ไทยและจีนตั้งเป้าหมายร่วมกันในการเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2015 และจะมีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมการค้า ที่ไทยและจีนได้มีการทำร่วมกันอยู่แล้ว แต่ไม่มีการประชุมมาระยะหนึ่ง ในที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบร่วมกันระหว่าง 2 นายกฯที่จะใช้กลไกของคณะกรรมการชุดนี้พูดคุยกันในเรื่องการอำนวยความสะดวก และพัฒนามูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร รวมถึงการดูเรื่องข้าว ยางพารา และสินค้าเกษตรอื่นๆ ว่าจีนจะรับซื้อจากไทยอย่างไร เพิ่มได้อีกเท่าไหร่ รวมถึงการลดอุปสรรคทางการค้า เพราะปัจจุบันไทยยังเจออุปสรรคไม่สามารถนำสินค้าเข้าจีนได้ และมองในระยะไกลที่จะให้จีนตั้งโรงงานในไทย เพื่อแปรรูปสินค้าเกษตร

นายธีรัตถ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศนั้น ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยเป็นอันดับหนึ่ง และคาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ จึงมีการหารือถึงเรื่องวีซ่า ที่ขณะนี้ทางการจีนระบุว่าอยู่ระหว่างการพิจารณาการยกเว้นวีซ่าให้กับหนังสือเดินทางธรรมดาของคนไทย และหากจีนมีการยกเลิกเมื่อไร ประเทศไทยจะได้เป็นประเทศอันดับต้นๆ ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการให้คนไทยเดินทางไปจีนได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า

ในส่วนของการหารือเรื่องข้าว นายธีรัตถ์ เปิดเผยว่า ทางการจีนได้ประกาศว่า มีความประสงค์จะซื้อข้าวเพิ่มจากไทย 1 ล้านตัน รวมถึงเรื่องยางพาราที่ปัจจุบันจีนมีความต้องการมาก เพราะเป็นวัตถุดิบที่นำมาต่อยอดกับอุตสาหกรรมของจีนได้ ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้หารือกับประธานบริษัท รับเบอร์วัลเลย์ (Rubber Valley) ในจีน ที่ระบุว่าปัจจุบันกำลังการผลิตยางพาราทั่วโลกมีประมาณ 10 ล้านตันต่อปี เฉพาะจีนประเทศมีความต้องการยางพาราถึง 1 ใน 3 หรือประมาณ 3 ล้าน 5 แสนตัน ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการผลิตของไทย จึงถือเป็นความร่วมมือที่สำคัญ ซึ่งจีนมีความสนใจในการลงทุนถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยางพารา รวมถึงการเจรจาซื้อยางพาราจากไทยด้วย

นายธีรัตถ์ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันได้มีการหารือเรื่องโครงการ Rubber City ของไทย ที่เป็นการพัฒนาเมืองแบบครบวงจร ที่จะมีอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราเกี่ยวเนื่อง และมีการให้สิทธิพิเศษต่างๆ ซึ่งนายกฯจีนจะนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งกับภาคเอกชนของจีน และเชื่อว่าภาคเอกชนจีนจะมาลงทุนในประเทศไทยได้แน่นอน นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังได้กล่าวกับนายกฯจีนเรื่องการลงทุนรถไฟความเร็วสูงของไทย ที่จีนสามารถนำเทคโนโลยีมาลงทุนร่วมกันได้ เพื่อแลกกับสินค้าเกษตร อีกทั้งยังมีการเสนอให้จัดประชุมร่วมกันระหว่างไทย จีน และลาว เพื่อสร้างโครงข่ายรถไฟความเร็วสูงให้กับประชาชนและการขนส่งสินค้าได้สะดวกมากขึ้น

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งในที่ประชุมให้ทราบผลการปาฐกถาพิเศษ “ผนึกกำลังสู่อนาคต: เรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์” (Uniting for the Future: Leaning form each other’s experiences) เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่โรงแรม พลาซ่า แอทธินี กทม.ซึ่ง นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ได้เสนอการแก้ไขความขัดแย้งตามหลักการ 5 ข้อ ได้แก่ 1.การสร้างโอกาสร่วมกันในอนาคต การปรองดองจะเดินหน้าได้เมื่อทำให้ทุกคนเห็นโอกาสมากมายที่รออยู่ 2.ไม่สามารถเปลี่ยนอดีตต้องเปลี่ยนความคิดเพื่อมุ่งสู่อนาคต การปรองดองไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความคิดในอดีต 3.การสร้างความปรองดองจะต้องสร้างกลไกความร่วมมือหรือกรอบการดำเนินการหรือระเบียบที่ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย 4.ประชาธิปไตยที่แท้จริงคือหลักการสำคัญที่ยึดร่วมกัน และ 5.รัฐบาลต้องมีประสิทธิภาพและความโปร่งใส ความปรองดองจะง่ายขึ้นถ้าการเมืองในประเทศมีความโปร่งใส ทำงานและเข้าถึงประชาชน ซึ่งรัฐบาลจะต้องนำข้อแนะนำต่างๆ ของนายโทนี่ แบลล์ มาใช้ และเน้นย้ำว่าอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรยืนยันว่าไม่ได้มีการรับเงินจากในการร่วมปาฐกถาตามข้อกล่าวหาแต่อย่างใด

นายภักดีหาญส์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประมวลรัษฎากร การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีการบริจาคเงินให้พรรคการเมือง ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 ซึ่งกระทรวงการคลังเสนอ โดยกำหนดให้เงินที่บริจาคแก่พรรคการเมือง ไม่เกิน 5,000 บาท สามารถนำมาหักเป็นค่าลดหย่อนรายได้สุทธิ เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งนี้ เฉพาะเงินบริจาคที่ไม่เกิน 20,000 บาท ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีเป็นรายจ่ายในการคำนวณ กำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล

นายภักดีหาญส์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยที่ผู้โดยสารต้องปฏิบัติในระหว่างการโดยสาร พ.ศ.… ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และดำเนินการต่อไปได้ และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเห็นว่า ในมาตรา 113 วรรคหนึ่งแห่ง พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ได้ใช้มาเป็นเวลานานแล้ว สมควรปรับปรุงเสียใหม่เพื่อให้ข้อกำหนดต่างๆ มีความสอดคล้องกับกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้ผู้โดยสารมีความปลอดภัยในการใช้บริการโดยสารสาธารณะมากยิ่งขึ้น จึงกำหนดให้ผู้โดยสารสำหรับการขนส่งประจำทางต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยตลอดเวลาที่อยู่ในระหว่างการโดยสาร ดังนี้ ไม่สูบบุหรี่ ไม่กล่าววาจาไม่สุภาพ ไม่โดยสารนอกตัวรถหรือห้อยโหน หรือยื่นมือ แขนหรือส่วนใดส่วนหนึ่งออกนอกตัวรถ ไม่นำสิ่งของที่มีกลิ่นแรงขึ้นบนรถ ไม่นำดอกไม้เพลิง ลูกระเบิด วัตถุระเบิดขึ้นบนรถ ไม่บ้วนหรือถ่มน้ำลายหรือเสมหะลงบนรถ ไม่ขึ้นหรือลงจากรถนอกบริเวณที่มีเครื่องหมายหยุดรถ ไม่เสพสุรา รัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัยไว้กับที่นั่ง และไม่กระทำการลามกอนาจาร

ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงหลายตำแหน่ง ที่ประชุมมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคมคนใหม่ แทน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยมีผลในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ทั้งนี้ นายสมชัย เหลืออายุราชการ 2 ปี จะเกษียณอายุราชการในปี 2558

นายภักดีหาญส์ กล่าวต่อว่า ยังได้มีมติแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการจำนวน 10 ราย ได้แก่ 1.น.ส.จุไรรัตน์ แสงบุญนำ รองเลขาธิการสภาการศึกษา เป็นรองปลัดกระทรวง 2.นางผานิตย์ มีสุนทร ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวง 3.นายพิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง 4.น.ส.อาภรณ์ แก่นวงศ์ รอง เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 5.นางศิริพร กิจเกื้อกูล รองปลัดกระทรวง เป็นเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) 6.นางรัตนา ศรีเหรัญ เลขาธิการ ก.ค.ศ.เป็นรองเลขาธิการสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) 7.นายพินิติ รตะนานุกูล ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองเลขาธิการ กกอ.8.นางอ่องจิต เมธยะประภาส ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองเลขาธิการ สพฐ. 9.นายโรจนะ กฤษเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เป็นรองเลขาธิการ สพฐ.และ 10.นายวณิชย์ อ่วมศรี ที่ปรึกษาด้านมาตรฐานการอาชีวศึกษาเกษตรกรรมและประมง เป็นรองเลขาธิการ กอศ.โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56 หรือวันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้ นายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้อำนวยการ อคส.ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ รวมทั้งเห็นชอบต่ออายุ พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงานอีกหนึ่งวาระ หรือ 1 ปี จากที่จะครบวาระในวันที่ 7 ก.ย.นี้

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ วันที่ 2 เม.ย.58 ทางที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอ โดยคณะทำงานดังกล่าวจะมีที่ปรึกษาซึ่งประกอบไปด้วย ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา และประธานวุฒิสภา ส่วนคณะกรรมการจะมี นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และรองนายกฯทุกคนเป็นรองประธานกรรมการ

ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวต่อว่า ส่วนกรรมการจะประกอบไปด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ รองราชเลขาธิการ ราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เลขาธิการนายกฯ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นต้น ทั้งนี้ คณะกรรมการดังกล่าวจะมีหน้าที่ในการกำหนดรูปแบบ แนวทางการจัดงาน โครงการและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯ พิจารณามอบหมายภารกิจตามแผนงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมถึงช่วยเหลือการปฏิบัติงานตามที่เห็นสมควร