xs
xsm
sm
md
lg

บัวแก้วล้อมคอก เล็งเปลี่ยนโฉมดวงตราวีซ่าใหม่ สแกนหน้าเจ้าของในสติกเกอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล (แฟ้มภาพ)
“ปึ้ง” สั่งตรวจสอบสติกเกอร์วีซ่าหายเข้มข้น เอกซเรย์ทุกสถานทูต หลังพบหายหลายประเทศ พร้อมล้อมคอกเปลี่ยนโฉมดวงตราวีซ่าใหม่ สแกนหน้าเจ้าของวีซ่าลงในสติกเกอร์ ยันฟันไม่เลี้ยงหากเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ ยัน “โทนี แบลร์” มาแน่ร่วมปาฐกถาเวทีปาหี่ปรองดอง

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีแผ่นตรวจลงตราของไทย หรือสติกเกอร์ วีซ่า หายไปจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ว่าเมื่อวันที่ 27 ส.ค.ได้รับรายงานว่าที่แขวงสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สติกเกอร์วีซ่าหายไป ซึ่งวันนี้ (28 ส.ค.) เวลา 13.00 น. ตนได้เชิญกรมการกงสุล และรองปลัดฯ ที่ดูแลเรื่องนี้มาดูรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้งหนึ่ง เพราะเหตุการณ์นี้น่าจะต่อเนื่องมาพอสมควร ซึ่งตนจะดูขั้นตอนการเบิกจ่าย การส่งไปมีการลงทะเบียนและรับมอบกันอย่างไรบ้าง หากกระบวนการมีความบกพร่องเราจะต้องรีบปรับปรุงแก้ไข

ทั้งนี้ ในส่วนของการส่งเรามีลูกจ้างเป็นคนท้องถิ่นทำงาน โดยที่สถานทูตหรือสถานกงสุลไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบ จึงต้องมีมาตรการที่รัดกุมขึ้น และหากตนลงไปตรวจสอบและพบว่ามีกระบวนการหรือเจ้าหน้าที่ทางภาครัฐไปเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีรายงานตัวเลขสติกเกอร์ที่หายจำนวน 500 แผ่น โดยตนได้มีการกำชับให้ตรวจสอบทั่วโลก ทุกสถานทูตที่เราส่งไป และให้ตรวจสอบย้อนหลังว่าใครเบิกไปเท่าไหร่ ส่งไปเท่าไหร่ ถึงเมื่อไหร่ มีการเซ็นรับถูกต้องหรือไม่

นายสุรพงษ์กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ให้กรมการกงสุลคุยกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เรื่องการพัฒนาระบบการพิมพ์ไม่ให้มีการปลอมแปลง และแนวทางในอนาคตเราจะเปลี่ยนรูปแบบสติกเกอร์วีซ่าให้มีใบหน้าของคนติดอยู่ ซึ่งเราได้ศึกษาแล้วว่าสามารถทำได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีหนอนบ่อนไส้หรือไม่ นายสุรพงษ์กล่าวว่า ตนขอสอบสวนข้อเท็จจริงดูก่อน เช่นกรณีประเทศมาเลเซียเมื่อตนทราบก็ได้มีคำสั่งให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศตั้งคณะกรรมการสอบสวน ส่วนก่อนหน้านี้จะมีหรือไม่ตนจะลงลึกไปกว่านั้น เพราะเมื่อหายไปเราก็ได้แจ้งหมายเลขวีซ่าที่หายให้ ตม.ทราบ และจากที่ ตม.ตรวจจับยังไม่มีผู้ก่อการร้ายในขบวนการที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะนั้น

ทั้งนี้ หากตนตรวจสอบว่ามีคนของกระทรวงเข้าไปเกี่ยวข้องต้องเอาจริงเอาจังจะไม่ปล่อยทิ้งไว้ และจะต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายหากบุคคลที่ขโมยไปเอาไปใช้เป็นผู้ก่อการร้ายหรืออาชญากรก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่ในเบื้องต้นทาง ตม.แจ้งว่าเป็นบุคคลทั่วไป

นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงการเดินทางร่วมเวทีปาฐกถาผ่านโครงการ Uniting for the future : Learning from each other's experiences (ผนึกกำลังสู้อนาคต เรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์) ของนายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ในวันที่ 2 ก.ย. หลังกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติยืนหนังสือคัดค้านที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยว่า ยืนยันมาแน่นอน ฝ่ายที่ไปคัดค้านสถานทูตอังกฤษไม่อยากไปพูดว่าไปปิดกั้นสังคมไทย เพราะวันนี้กระทรวงการต่างประเทศจัดเวทีนี้ขึ้นมาเป็นเวทีทางวิชาการ เพื่อให้คนได้เรียนรู้ประสบการณ์จากผู้นำที่มีประสบการณ์ในประเทศต่างๆ ที่มีความขัดแย้ง และจะร่วมแก้ไขปัญหา แต่บุคคลที่ไปคัดค้านไม่ให้เข้ามาก็ไม่เข้าใจว่าคิดอะไร แทนหาทางออกให้กับประเทศเดินหน้าต่อไปได้

“ถ้าสังคมไทยสงบ เศรษฐกิจไทยเดินหน้าแน่นอน ความวุ่นวายทางการเมืองเป็นสิ่งที่หลายประเทศไม่อยากเห็น อยากให้บุคคลที่ออกมาต่อต้านกลับไปดูที่ประเทศอียิปต์เป็นตัวอย่างที่วันนี้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเสียหาย ผมไม่รู้ว่าคนไทยกลุ่มนั้นต้องการอะไรในชีวิตเขา คิดถึงประชาชน ประเทศชาติบ้าง จากรายชื่อที่เชิญไปในการเสวนาครั้งแรกมีทั้งหมด 11 คน ตอบรับที่จะมาวันที่ 2 ก.ย.จำนวน 3 คน ส่วนที่จะมาครั้งต่อไปก็จะมีผู้นำอื่น และมีการเชิญเพิ่มเติมอีก ได้มีการส่งหนังสือเชิญไปอีกชุดหนึ่งแล้วในการเสวนาครั้งที่ 2 เพียงแต่รอทางไทยกำหนดวันเสวนาครั้งที่ 2 ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ซึ่งจะกำหนดวันที่ชัดเจนหลังเสร็จสิ้นการเสวนาครั้งแรก เพื่อให้ผู้นำเลือกวันที่จะมาร่วมเวทีเสวนาได้”


กำลังโหลดความคิดเห็น