“ประชา” เชื่อตามรายงานตำรวจ การ์ดม็อบยางนครศรีธรรมราชยิงกันเอง อ้างยิงระยะประชิด แพทย์พบเขม่าดินปืนในตัวผู้บาดเจ็บ คาดออกหมายจับมือยิงได้เร็วๆ นี้ นัดหารือฝ่ายความมั่นคงช่วงบ่ายเพื่อประเมินสถานการณ์ม็อบพรุ่งนี้ ยืนยันไม่ได้นอกจากใต้แล้วจะมีชาวสวนยางภาคอื่นชุมนุมหรือไม่ ยันไม่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะมีกฎหมายอื่นที่จะนำมาควบคุมการชุมนุมได้
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงการ์ดผู้ชุมนุมชาวสวนยางที่ จ.นครศรีธรรมราชว่า ได้รับรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าการคลี่คลายคดีมีความคืบหน้าไปมาก มีการตรวจสอบเขม่าดินปืนที่พบในตัวผู้บาดเจ็บ โดยทางแพทย์ระบุว่าเป็นการยิงในระยะประชิดตัว ด้านพยานหลักฐานผู้เห็นเหตุการณ์ให้การว่ามีการทะเลาะวิวาทกันก่อนที่จะยิงกัน เพราะมีระยะการยิงห่างกันแค่ 1 ฟุตครึ่ง ซึ่งคงไม่มีใครเข้าไปประชิดกันได้ถึงขนาดนั้น เรื่องนี้ไม่มีมือที่ 3 ใครจะเข้าไปได้เพราะการ์ดมีการป้องกันกันอย่างเข้มแข็ง มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นระบบ ขนาดเจ้าหน้าที่ตำรวจยังกีดกันให้อยู่ห่าง 10 กิโลเมตร คนนอกจะเข้าไปในที่ชุมนุมจึงยากมาก ฉะนั้น ทางคดีคงจะคลี่คลายได้เร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่คงจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานอีกเล็กน้อย คาดว่าจะออกหมายจับได้ในเร็วๆ วันนี้ ส่วนเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายวีระชัย ศรีธระชิยานนท์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เสียชีวิตนั้นตนยังไม่ได้รับรายงาน
พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า สำหรับการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 3 ก.ย.ถือเป็นสิทธิที่จะทำได้ เราไม่ได้ไปขัดขวางอะไร รัฐธรรมนูญให้ทำได้ก็ทำไป แต่ต้องไม่ให้เกิดความเดือดร้อนและการกระทำที่ผิดกฎหมาย โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (2 ก.ย.) จะมีการหารือในฝ่ายความมั่นคงเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพราะชาวบ้านเดือดร้อนมากจึงจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าวันที่ 3 ก.ย. นอกจากภาคใต้แล้วในภาคอื่นๆ จะมีการชุมนุมด้วยหรือไม่ ซึ่งมีการติดตามกันอยู่ เบื้องต้นเชื่อว่าภาคอื่นๆไม่รุนแรงมาก แต่ทั้งนี้ยังไม่ถึงขั้นประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพราะต้องฟังสรุปข้อมูลจะฝ่ายความมั่นคงก่อน เรื่องจะใช้กฎหมายอะไรควรจะพิจารณากันอีกขั้นตอนหนึ่ง ส่วนที่ผู้ชุมนุมระบุว่าพร้อมจะยกระดับตลอดเวลานั้นถือเป็นเรื่องของผู้ชุมนุม ขณะที่การดูแลความสงบเรียบร้อยภายในทำเนียบรัฐบาลคงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ขอประเมินสถานการณ์กันก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ยังมีกฎหมายอื่นอีกหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ยังมีอีกหลายฉบับที่จะดำเนินการได้ อาทิ พ.ร.บ.บรรเทาสาธารณภัย ที่ประกาศโดยผู้ว่าราชการจังหวัด แต่เราต้องประเมินสถานการณ์ก่อนว่าทำไปแล้วได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาบ้าง จะสามารถเปิดทางรถไฟได้หรือไม่ จะมีผลกระทบแทรกซ้อนหรือไม่ คงต้องพิจารณากันละเอียด เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องการให้เปิดเส้นทางจราจรให้ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า นี่มีการชุมนุมมาสิบวันแล้ว รถไฟและรถยนต์สัญจรไม่ได้ เข้าขั้นที่พี่น้องประชาชนเดือดร้อนค่อนข้างวิกฤตพอสมควร ฉะนั้น ภาครัฐคงต้องพิจารณาดำเนินการอะไรสักอย่าง