xs
xsm
sm
md
lg

“นิคม” ฝ่อเจอ “สุเทพ” สวน หลังฉุนขู่ปิดปาก ส.ว.จันทบุรี ฟัด ปชป.ร้อนตัวปมซื้อ ส.ว.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วันที่ 5 แก้ รธน.ที่มา ส.ว.ไร้บทสรุปนัดวันถกรอบหน้า “สุเทพ” อภิปรายยกส.ว.รธน.40 มาจากเลือกตั้ง ต้องพึ่งนักการเมือง ตรวจสอบเหลว เป็นสภาทาส แทรกแซงองค์กรอิสระ เจอ พท.โวยแลก “นิคม” ขึ้นเจอ ปชป.ติงเอื้อ พท.ประท้วง ขู่ห้ามจ้อ แต่ฝ่อ เจอ “เทือก” ท้า “สุชิน” อภิปรายต่อ กุญแจ 4 ดอก ฮุบงบ ส.ว.จันทบุรี โวยปมซื้อ ส.ส.-ส.ว.ชี้ เพ้อฝัน ปชป.ดาหน้าซัดร้อนตัว จนปะทะคารมไปมาเกือบมีวิวาท

วันนี้ (28 ส.ค.) ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 111, 112, 115, 116 วรรคสอง 117, 118, 120, 241 วรรคหนึ่ง และยกเลิกมาตรา 113, 114 ประเด็นที่มาของ ส.ว.ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ต่อเป็นวันที่ 5 ประเด็นที่มาของ ส.ว.มีนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม โดยยังคงพิจารณาต่อในมาตรา 3 เรื่องที่มาของ ส.ว.เลือกตั้งจำนวน 200 คน และวิธีการเลือกตั้ง โดยผู้อภิปรายส่วนใหญ่ยังเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่เห็นด้วยกับการมี ส.ว.เลือกตั้งทั้งหมด กระทั่งเวลา 13.00 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นสอบถามว่าทราบจากข่าวว่าจะมีการนัดประชุมต่อวันที่ 30 ส.ค.ไปจนถึงวันที่ 2-3 ก.ย.จึงอยากถามความชัดเจนจากประธานฯว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งนายสมศักดิ์ชี้แจงว่ายังไม่มีการหารือกัน แต่ส่วนตัวอยากให้งดประชุม ส่วนสัปดาห์หน้าคงต้องหารือว่าจะเป็นอย่างไร และเพื่อความชัดเจนขอให้วิปทั้ง 3 ฝ่ายไปหารือกันอีกที

ด้าน นายครูมานิต สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะวิปรัฐบาลยืนยันว่าได้หารือกับวิปวุฒิสภา เห็นว่าจะประชุมต่อเนื่องไปเลย ถ้าไม่เสร็จจะต่อวันเสาร์-อาทิตย์แน่นอน แต่นายสมศักดิ์ทักท้วงว่า ประธานวุฒิสภาแจ้งว่าจำเป็นต้องเรียกประชุมวุฒิสภา วันที่ 2-3 ก.ย.นี้ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 นายจุรินทร์ จึงกล่าวว่า เป็นความเห็นของวิปรัฐบาลหรืออาจจะรวมถึงวิปวุฒิสภาด้วย แต่ตนยืนยันว่าวิปฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยที่จะเรียกประชุมต่อเนื่อง ดังนั้นอย่าอ้างว่าเป็นความเห็นของวิป 3 ฝ่าย แต่ถ้าจะใช้เสียงข้างมากมาตัดสินว่าจะประชุมต่อ อย่างนั้นก็ไม่ต้องมีวิป 3 ฝ่าย เพราะไม่มีความหมาย แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีข้อสรุปอะไร

ต่อมาเวลา 13.30 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ความสำคัญของวุฒิสภามีหน้าที่หลักในการถอดถอนนักการเมือง องค์กรอิสระ และองค์กรตุลาการในตำแหน่งประธานปกครองสูงสุด ศาล รธน.และศาลฎีกา รวมทั้งยังแต่งตั้ง และสรรหา องค์กรอิสระ อาทิ กกต. กสม. อสส. ป.ป.ช.ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน ตุลาการ ศาลปกครอง ศาล รธน. ศาลฎีกา

นายสุเทพ กล่าวว่า ยกตัวอย่าง ส.ว.มาจาก รธน. 40 ทำให้เกิดผูกขาดโดยบุคคลเพียงคนเดียว ที่สามารถควบคุม ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และองค์กรตาม รธน.ทำให้การตรวจสอบล้มเหลว อาทิ ปราบปรามยาเสพติด คนตาย 2 พันคน หรือแก้ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้คนตายจำนวนมาก รวมทั้งแต่งตั้งญาติพี่น้องเข้าไปดำรงตำแหน่งต่างๆ ถือเป็นบกพร่องของ รธน.40 เพราะกำหนดให้วุฒิสภามาจากเลือกตั้งทั้งหมด ผลที่ตามคือไม่เป็นอิสระจากพรรคการเมือง ผลความชั่วร้ายก็จะตามมา แม้จะเป็นคนดี คนมีความสามารถ แต่สู้นักเลือกตั้งไม่ได้ จึงจำเป็นต้องพึ่งเครือข่ายพรรคการเมือง จึงทำให้เป็นหนี้บุญคุณกัน หากปราศจากระบบสรรหา ผู้ที่ด้อยโอกาสก็ไม่มีสิทธิ์มาทำหน้าที่ อย่าง นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา ที่การทำงาน แม้คนตาดีอาจจะต้องอับอาย และร่างแก้ไข รธน.ให้วุฒิสภามาเป็น 200 คน ตนไม่เห็นด้วย ก็จะกลับไปเหมือนวุฒิสภา มาจาก รธน.ปี 40 ทำให้มีการแทรกแซงอิสระ โดยใช้วุฒิสภาเป็นสะพาน เป็นสภาทาส ยกตัวอย่างเช่นสรรหา กกต.ที่ไม่มีความเป็นอิสระ ส่งผลให้พรรค ทรท.ซึ่งทุจริต โกงเลือกตั้ง และตนไปร้อง กกต.แต่ไม่ทำงาน กลับไปไปช่วยพรรค ทรท.จึงฟ้องไปศาลยุติธรรม และทั้งศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ ตัดสินให้จำคุก กกต.3 คนจำนวน 2 ปี และเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี จนพรรค ทรท.ถูกยุบพรรค เป็นต้น

“ผมไม่เห็นด้วยให้บ้านเมืองกลับไปสู่กลียุค เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นในประเทศไทย เพื่อป้องกันให้พรรคการเมือง และคนบางคน อาศัยช่องว่างมารวบอำนาจในบ้านเมือง จึงไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้งวุฒิสภา ทั้ง 200 คน เพราะมีหน้าที่แตกต่างจาก ส.ส.ในสาระสำคัญ” นายสุเทพ ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานในระหว่างที่นายสุเทพ อภิปราย ส.ส.พรรคเพื่อไทยผลัดกันขึ้นลุกขึ้นประท้วงว่านายสุเทพอภิปรายเยิ่นเยอ จนกระทั้ง นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงในประเด็นในเรื่องการยุบพรรค ทรท.ยังไม่ได้ข้อยุติถึงชั้นศาลฎีกา ทำให้ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.นราธิวาส ลุกขึ้นประท้วงว่า อยากให้ประธานใช้ข้อบังคับอย่างเคร่งครัด เพราะนายวิชาญแค่ทำท่าประท้วง แต่ไม่ได้ยกมือ แต่ประธานอนุญาตให้พูดขณะที่สมาชิกคนอื่นๆ ยกมือตั้งนานกลับไม่เรียก

ส่งผลให้นายนิคมเกิดอารมณ์ขึ้นมา พร้อมบอกว่ากับนายสุเทพที่กำลังอภิปรายว่าหากเป็นเช่นนั้นจะใช้ข้อบังคับการประชุม ข้อ 44 ให้นายสุเทพยุติการอภิปราย ส่งผลให้นายสุเทพ ตะโกนใส่ไมค์ว่า “เอาเลยท่านประธาน ไม่ต้องมาขู่ จะได้รู้ว่าท่านประธานเป็นอีกคนที่ถูกครอบงำ และหากเป็นลูกผู้ชายก็ใช้ข้อบังคับการประชุมมาเลย แต่ต้องบอกสังคมด้วยว่าผมผิดตรงไหน”

ส่งผลให้นายนิคมกลับคำวินิจฉัยตามที่ประกาศไป จากนั้น นายสุเทพ ก็ได้อภิปรายจนจบ แต่ นายนิคม ได้อนุญาตให้นายสุเทพอภิปรายต่อ แต่นายสุเทพ บอกว่าตนไม่อภิปรายแล้ว และจะพูดอีกครั้งในมาตราอื่นๆ และประธานจะมาบังคับตนไม่ได้

แต่ นายเกียรติอุดม เมนะสวัสดิ์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย ได้ประท้วงขอให้นายนิคม ถอนคำว่า ประธานถูกครอบงำอีกคน และใช้คำพูดไม่สุภาพแดกดันข่มขู่ชี้หน้าประธาน การพูดจาในรัฐสภาควรให้เกียรติ สภาไม่ใช่สภานักเลง โดยนายประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ประธานต้องสั่งให้สมาชิกถอนคำว่าสภานักเลง มิเช่นนั้น ท่านก็เป็นประธานรัฐสภานักเลง หากท่านรับได้ก็ไม่เป็นไร การอภิปรายชี้หน้าก็ถือลีลาการอภิปรายเท่านั้น แต่นายนิคมก็พยายามไกล่เกลี่ยให้การประชุมเดินไปได้ แต่ไม่ได้ให้นายสุเทพถอนคำพูด

ต่อมา นายสุชิน เอ่งฉ้วน ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายในช่วงหนึ่งโดยยกตัวอย่างการชุมนุมเกษตรราคายางหากมีการเลือกตั้ง ส.ว.ประชาชนก็จะเรียกหา ส.ว.อยู่ไหน ทำให้ ส.ว.พวกนี้วิ่งเข้ามาพรรคการเมือง การเพิ่ม ส.ว.ขึ้นมาอีก 50 คน เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นมาเท่าใด เฉลี่ยอยู่ที่คนละ 2.4 แสนบาท ต่อเดือน เพิ่มมา 50 คนก็เป็น 12 ล้านบาทต่อเดือน 6 ปี ต้องใช้งบประมาณถึง 864 ล้านบาท ถามว่า ส.ว.ที่เพิ่มขึ้นมาจะทำหน้าที่ดีกว่าที่มีอยู่จริงหรือ ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งเมืองไทยใช้เงินซื้อเสียงเหมารวมตั้งแต่ อบต.มาถึง ส.ส.และ ส.ว.ดังนั้นการเลือกตั้ง ส.ว.200 คน ต้องมีส่วนหนึ่งมาจากซื้อเสียง มีผู้ใหญ่หลายคนมาเล่าให้ตนฟังว่า ประเทศไทยสามารถซื้อได้ใช้เงินประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท ด้วยกุญแจ 4 ดอก โดยการแก้ไขที่มาของ ส.ว.ครั้งนี้เป็นกุญแจดอกแรกในการซื้อประเทศไทย ให้ ส.ว.คนละ 100 ล้านบาท โดยให้ไปก่อนเลือกตั้ง หรือเลือกตั้งเสร็จแล้วมารับ โดยทุ่มเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทก็ได้ ส.ว. 120 คนก็ได้เสียงข้างมาก ต่อมาก็เอาคนเหล้านี้มาแต่งตั้งองค์กรอิสระ จากนั้นลงทุนอีก 3 หมื่นล้านบาทซื้อ ส.ส.300 คน

“ลองคิดดูจะเกิดอะไรขึ้น ที่มันต่อเนื่องจากการแก้ไขที่มา ส.ว.ดอกที่ 1 เปิดประตูเข้าบ้าน ดอก 2 เข้าถึงห้องรับแขก ดอกที่ 3 เข้าถึงห้องนอน ดอกที่ 4 คือการเข้าถึงงบประมาณ

เมื่อถึงตรงนี้ นายมงคล ศรีกำแหง ส.ว.จันทบุรี ได้ประท้วงว่า เป็นความเพ้อฝัน เลอะเทอะ วกวน เอาความจริงมาพูดกันดีกว่า ตนไม่รู้มาพูดเรื่องอะไร ไม่น่ามาพูดว่าพรรคไหนมาซื้อ ส.ส. ส.ว.มันไม่ได้ซื้อง่ายๆ ไม่ได้จับมือมากากบาตร ขอให้อภิปรายในประเด็น

แต่นายนิคมก็พยายามประนีประนอมให้นายสุชินอภิปรายต่อไป แต่ นายธนิตพล ไชยอนันต์นันทน์ ส.ส ตาก พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอให้ถอนคำพูดว่าเพ้อฝัน เพราะนายสุชิน กำลังพูดถึงกุญแจ 4 ดอกที่ซื้อประเทศไทย ตนไม่แน่ใจว่ากุญแจดอกที่ 1 คือท่านหรือไม่

นายมงคล ได้ตอบโต้ให้ถอนคำพูดว่า “เลือกตั้งมาแล้วจะได้ 100 ล้านบาท ทำให้ ส.ว.เสียหาย เพราะทุกคนมีวุฒิภาวะเหมือนกัน จะมาพูดแบบนี้ไมได้” นายนิคม ได้สั่งให้นายสุชินถอนคำว่ารับเงิน 100 ล้านบาท และให้นายมงคลถอนคำว่าเพ้อฝัน เลอะเทอะ

ด้าน น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ได้อภิปรายสนับสนุน มีสิทธิ์จะคิดได้เพราะมิเช่นนั้นก็โหวตยกมือสนับสนุนรัฐธรรมนูญกันหมด อีกทั้งเรื่องดังกล่าวยังเป็นการคาดการณ์ในอนาคต และตนไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของประธาน และต้องสั่งให้นายมงคลขอโทษและคำว่าเลอะเทอะเพราะจะกระเหมือนตัวเองในอนาคต ไม่ทราบเดือดร้อนอะไร

นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตนขอประท้วงนายมงคล ที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ประจำ แสดงความเป็นทาสอย่างชัดเจน แต่นายนิคมขอให้นายกุลเดช ถอนคำพูด แต่ ส.ส.อุทัยธานี พรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า “จะให้ถอนคำพูดก็ได้ แต่ให้นายมงคลถอนคำพูดก่อน” จากนั้นไม่มีฝ่ายใดลดราวาศอก ทำให้นายนิคมสั่งให้ถอนคำพูดทุกคน โดยถ้ายังโต้เถียงกันไม่จบก็ออกไปข้างนอกทั้งคู่

แต่ นายกุลเดช บอกว่า นายสุชิน ไม่ควรถอนคำพูด เพราะเป็นอภิปรายประกอบการไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สมมติตนทำธุรกิจมีเงินหมื่นล้านบาท ตนอยากได้ ส.ว.120 คนก็แจกไปคนละ 100 ล้านบาท ก็ได้แล้วและไปซื้อ ส.ส.คนละร้อยล้าน 300 คนก็ได้แน่ ไม่ได้พาดพิง ส.ว.คนใดเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้โต้เถียงกันไปว่าด้วยสีหน้าขึงขัง นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง ส.ว.อ่างทอง ได้ลุกขึ้นประท้วงตำหนิการทำหน้าที่ของนายนิคมว่าต้องมีความเด็ดขาดไม่ควรปล่อยให้สมาชิกทะเลาะกันไปมา เอาชนะกันจนเกือบจะมีการชกกันแล้ว

นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเสริมว่า การที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างถอนคำพูดที่พาดพิงกันเรื่องก็น่าจะจบแล้ว ไม่ควรปล่อยให้มีการชี้หน้ากันอีก การที่ประธานบอกให้ทั้งคู่ออกไปข้างนอก ตนไม่เข้าใจว่าจะให้ออกไปต่อยกันหรืออย่างไร

อย่างไรก็ตามหลังถกเถียงกันระยะหนึ่ง การประชุมได้กลับเข้าสู่การพิจารณาตามปกติ







กำลังโหลดความคิดเห็น