“ไพร่เทียม” มั่นใจเวทีปาหี่คือแสงปลายอุโมงค์ เป็นความหวังชาติ เย้ย หน.ปชป.มองโลกสร้างสรรค์อย่าใช้แต่ความแค้น ยันผู้เข้าร่วมไม่ได้เป็นเครื่องมือรัฐฯ ซัดไม่ร่วมแต่ดันป่วน แนะปชช.ดู รบ.หาทางออก ปชป.มุ่งแต่ล้ม รบ. ปัดฉีกทุกรายงาน รบ.มาร์ค แต่อ้างไร้ความชอบธรรม ยันพร้อมช่วยม็อบยาง ดักฝ่ายค้านอย่าโยงการเมือง บริสุทธิ์ใจช่วยร่วม รบ.แก้ปัญหา
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับการจัดเวทีปฏิรูปประเทศที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ท่าทีของผู้เข้าร่วมหลายคนมีความมั่นใจและเชื่อมั่นว่าแนวทางนี้น่าจะมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ในการนำพาประเทศไทยออกจากความขัดแย้ง และดูเหมือนว่าหลายคนมีความมั่นใจมากกว่าตอนที่ตอบรับคำเชิญ ซึ่งหมายความว่าบรรยากาศในการพูดคุยในวันที่ 25 ส.ค.เป็นบรรยากาศที่เปิดกว้างให้โอกาสทุกฝ่ายได้อภิปรายแสดงความเห็นอย่างแท้จริง และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้อธิบายถึงแนวทางข้างหน้า อาจจะมีการสรุปรวบรวมประเด็น และมีนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นผู้ประสานงาน น่าจะเป็นความหวังร่วมกันของคนไทยทั้งประเทศ
สำหรับกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าให้ทุกคนที่เข้าร่วมระวังจะตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลนั้น นายณัฐวุฒิกล่าวว่า อยากให้นายอภิสิทธิ์มองโลกให้สร้างสรรค์กว่านี้ อย่าเอาความอิจฉา ความแค้นทางการเมืองมาบดบังสายตาแล้วเอาไปบดบังตาคนอื่นด้วยไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในเรื่องนี้ แต่ละคนที่เข้าไปมีสถานะทางสังคม และมีสำนึกรับผิดชอบต่ออนาคตของประเทศ หากนายอภิสิทธิ์มีความกังวลในประเด็นดังกล่าวก็น่าจะเข้ามาร่วมด้วยเพื่อคอยเตือนสติคนอื่นว่าอย่าตกเป็นเครื่องมือ รวมถึงจะได้แสดงความคิดเห็นด้วย แต่การที่อะไรก็ไม่เอาแล้วคอยรบกวนอยู่ข้างนอก ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ
นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชนเปรียบเทียบการขับเคลื่อนของทั้งสองฝ่ายว่า ขณะที่รัฐบาลเดินทางไปเชิญชวนฝ่ายต่างๆมาร่วมเวทีปฏิรูปเพื่อสร้างความปรองดอง แต่ฝ่ายค้านก็เดินทางไปทุกที่ หาเรื่องสร้างประเด็นทางการเมืองเพื่อล้มรัฐบาล หน้ากากขาวก็ไป สวนลุมฯ ก็ไป พันธมิตรฯ ก็ไป พยายามไปหาทางสร้างประเด็นทางการเมืองจากการประชุมของพี่น้องชาวสวนยาง
“ชัดเจนว่าใครเป็นฝ่ายที่พยายามสร้างความปรองดองแก้วิกฤต แล้วใครพยายามซ้ำเติมวิกฤตเพื่อหาประโยชน์ หาโอกาสทางการเมือง ตรงนี้ ผมว่าพี่น้องประชาชนเข้าใจได้” นายณัฐวุฒิกล่าว
ส่วนที่มีการระบุว่า รัฐบาลพยายามฉีกรายงานของทุกกรรมการที่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ตั้งเอาไว้ แล้วถ่วงเวลาโดยการตั้งสภาปฏิรูปขึ้นมาใหม่นั้น นายณัฐวุฒิชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้ฉีกทิ้ง หรือปฏิเสธรายงานฉบับใดที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ตั้งขึ้น อะไรที่เป็นประโยชน์ ก็สามารถหยิบขึ้นมาพิจารณาได้ แต่กระบวนการในการแต่งตั้งคณะกรรมการต่างๆ ที่นายอภิสิทธิ์ทำไว้ ขาดความชอบธรรมและไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติซึ่งเป็นที่ยอมรับของสากล ซึ่งตรงกันข้ามกับสภาปฏิรูปการเมืองซึ่งเป็นรูปแบบที่ทั่วโลกให้การยอมรับมากกว่า
นายณัฐวุฒิยังได้กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ว่าอยากให้แยกแยะเรื่องดังกล่าวเป็นสองประเด็น คือ เรื่องปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เรื่องราคายาง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลเข้าใจและพร้อมรับฟัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็เร่งกำหนดมาตรการให้การช่วยเหลือ และขอยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจในการแก้ปัญหาให้กับชาวสวนยางมาโดยตลอด เพียงแต่เรากำลังเจอสถานการณ์เศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับราคายางพาราในตลาดโลก ก็ขอให้พี่น้องสวนยางอดทนใช้เหตุใช้ผลในการพูดคุยกับตัวแทนของรัฐบาล ตนเชื่อว่าในที่สุดแล้วจะต้องมีทางออกที่เห็นชอบร่วมกันได้
นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ส่วนอีกประเด็นหนึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวคือความพยายามจะทำให้ความเดือดร้อนของประชาชนเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาล อยากให้ประชาชนจับตาความเคลื่อนไหวของนักการเมืองฝ่ายค้าน ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจเหมือนปากพูดว่าต้องการร่วมเป็นปากเสียงให้กับพี่น้องชาวสวนยางเป็นเรื่องที่ทำได้ เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมือง แต่ถ้าพยายามสร้างประเด็นขยายผลหรือเบี่ยงเบนเรื่องนี้ไปเป็นเรื่องการเมือง ตนคิดว่าสังคมจะจับได้ไล่ทัน และหากเป็นเช่นนั้นไม่มีทางที่จะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางการเมือง เพราะบ้านเมืองนี้ปฏิเสธการสร้างเงื่อนไขของความขัดแย้ง
“ในทางตรงกันข้ามหากฝ่ายค้านมีความบริสุทธิ์ใจจริง น่าจะร่วมกับรัฐบาลในการทำความเข้าใจกับเกษตรกร ไม่ให้ขยายสถานการณ์ๆไปยังจุดต่างๆ เพราะจุดที่ อ.ชะอวด ก็สามารถส่งสัญญาณถึงรัฐบาลให้รับรู้ปัญหาแล้ว และกระบวนการหาทางออกของปัญหาก็ดำเนินการอยู่” นายณัฐวุฒิระบุ