รายงาน โดย ทีมข่าวการเมือง
ไม่รู้ว่าตลอดการประชุมร่วมรัฐสภาวันนี้(21 สิงหาคม) จะบรรยากาศเหตุการณ์จะเดือดระอุเหมือนเมื่อวันอังคารที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาหรือไม่ ซึ่งป่วนกันเละจนภาพของสภาฯ กลายเป็นซ่องโจร
ภาพที่ออกมาแน่นอนว่า บางอย่างส.ส.ประชาธิปัตย์ก็อาจทำเกินไปบ้าง ไม่รักษาระเบียบวินัยระหว่างอยู่ในห้องประชุมรัฐสภาอันทรงเกียรติ
แต่การที่จะไปตำหนิการแสดงออกบางอย่างของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ประชาชนต้องติดตามการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อ 20 ส.ค. 56 ตลอดรวมถึงต้องเข้าใจกระบวนการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา และต้องมีการศึกษารายละเอียดขั้นตอนการพิจารณาร่างแก้ไขรธน.ในชั้นกรรมาธิการฯ ให้เข้าใจก่อน ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
ทำไมจึงมีสมาชิกรัฐสภา 57 คน ที่นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานกมธ.จากพรรคเพื่อไทยบอกว่ายื่นขอสงวนคำแปรญัตติอันขัดกับหลักการข้อบังคับการประชุมข้อ 96(3)เพราะทั้ง 57 คนได้ยื่นคำขอสงวนคำแปรญัตติที่ไปขัดกับหลักการของร่างแก้ไขรธน.เรื่องที่มาของ ส.ว.ที่ผ่านรัฐสภาในวาระแรก จึงไม่สามารถรับเรื่องการขอสงวนคำแปรญัตติไว้ได้จากจำนวนที่ยื่นมา 202 คนแต่ก็ได้ระบุไว้ในรายงานของกรรมาธิการว่าแต่ก็ไม่ได้ตัดสิทธิที่จะให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาได้มีความเห็นว่าการขอสงวนคำแปรญัตติดังกล่าวจากสมาชิกรัฐสภา 57 คนทำได้หรือไม่หรือว่าขัดกับข้อบังคับการประชุม
และนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภาในฐานะรองประธานวุฒิสภาที่ขึ้นทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมระหว่างการหารือประเด็นดังกล่าวก็บอกจะให้ทั้ง 57 ได้อภิปรายแสดงเหตุผล
แต่ปรากฏว่านายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาที่ขึ้นมาทำหน้าที่ต่อจากนิคม กลับพยายามปิดกั้นไม่ให้สมาชิกรัฐสภา 57 คนใช้สิทธิอภิปรายแสดงความเห็น ว่าทำไมจึงยื่นขอสงวนคำแปรญัตติด้วยข้อความต่างๆ เพื่อแสดงเหตุแสดงผลต่อที่ประชุม แต่กลับพยายามรวบรัดตัดตอนเพื่อปิดปากสมาชิกรัฐสภาหลายคนที่อยู่ในกลุ่ม 57คนดังกล่าวไม่ให้อภิปรายกันและขอมติจากที่ประชุมทันที
พฤติการณ์รวบรัดเร่งรีบพยายามจะดันให้ร่างแก้ไข รธน.ฉบับที่มาของสมาชิกวุฒิสภาที่เป็นร่างซึ่งจะรื้อโครงสร้างนิติบัญญัติในซีกสภาสูงให้เป็น “สภาทาส-สภาผัวเมีย”ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากสังคม ของ “ค้อนปลอม-สมศักดิ์”เห็นได้ชัดว่า ต้องมีการกดดันมาจากแกนนำเพื่อไทยมาถึงสมศักดิ์ ให้ต้องรีบเร่งผลักดันร่างแก้ไขรธน.ฉบับนี้ออกมาให้เร็วตามกำหนดเวลาเพื่อให้ทันกับ ส.ว.เลือกตั้งชุดนี้ได้มีโอกาสไปลงสมัครส.ว.ต่ออีกสมัยแน่นอน หลังมีการตกปากรับคำกันไว้ระหว่างส.ว.เลือกตั้งกับพรรคเพื่อไทย
ไม่เช่นนั้น สมศักดิ์ที่เจอต้านอย่างหนักระหว่างขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุมจากส.ส.ประชาธิปัตย์และกลุ่มส.ว.สรรหา คงไม่ดันทุรัง จับมือกับนิคม ประธานวุฒิสภาใช้วิธีพักการประชุมเพื่อคอยเบรคสถานการณ์ติดๆ กันถึง 5-6 ครั้ง
เพราะหากไม่โดนแรงบีบอะไรมาจากทักษิณและแกนนำเพื่อไทย เชื่อว่าอย่างมากคนอย่างสมศักดิ์และนิคม เจอสถานการณ์ในห้องประชุมที่ร้อนระอุแบบนั้น พักการประชุมแค่ 1-2 ครั้ง เมื่อไปไม่ไหวก็ปิดประชุมไปแล้ว ไม่ดันทุรัง ยอมโดนด่ากลางสภาฯ ประจานออกไปทั่วประเทศว่าเป็น
ขี้ข้าทักษิณ ขี้ข้านายใหญ่
หลายต่อหลายรอบอย่างนี้ จนสุดท้าย สมศักดิ์ ก็ดันทุรังใช้เสียงข้างมากลากไป ลากให้มีการลงมติว่าคำสงวนคำแปรญัตติของสมาชิกรัฐสภา 57 คนที่ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายค้านและส.ว. ที่ประชุมเห็นว่าขัดกับหลักการตามที่นายสามารถ ประธานกมธ.ได้มีความเห็นไว้หรือไม่
ก็เป็นไปตามใบสั่งและมติวิปรัฐบาล มติสภาขี้ข้าประเดิมด้วยจำนวนเสียง 339 เสียง เห็นว่าคำแปรญัตติของ 57 คนดังกล่าวขัดหลักการ ขณะที่ 15 เสียงเห็นว่าไม่ขัด อันทำให้การอภิปรายของทั้ง 57 ในการประชุมร่วมรัฐสภาวาระ 2 ไม่สามารถใช้สิทธิ์อภิปรายถ้อยคำที่ขอแปรญัตติตามที่ได้ยื่นขอสงวนคำแปรญัตติเอาไว้
แค่นี้ไม่พอ “ค้อนปลอม” ยังใช้อำนาจบาตรใหญ่มาทุบค้อน สั่งให้ตำรวจรัฐสภา ไปคุกคามสมาชิกรัฐสภา ฝ่ายค้านด้วยการให้ควบคุมตัวออกจากห้องประชุมหลังส.ส.ปชป.หลายสิบคนลุกขึ้นอภิปรายประท้วงแสดงความไม่พอใจกับการรวบรัดของสมศักดิ์ ทั้งที่ส.ส.ปชป.เพียงแค่ต้องการขอทราบเหตุผลที่นายสมศักดิ์รวบรัดปิดการอภิปรายเท่านั้น แต่สมศักดิ์กลับอ้างว่าหากปล่อยให้พูดกันหมดคงใช้เวลานาน
ความวุ่นวายทั้งหมด การใช้เวลาไปร่วม 12-13 ชั่วโมง แต่ก็ทำได้แค่ให้ความเห็นชอบไปได้แค่มาตราที่ 1 ภาพในห้องประชุมรัฐสภาอันทรงเกียรติ ที่ออกมาติดลบอย่างหนัก สมาชิกรัฐสภาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฝายค้าน-รัฐบาล-ส.ว.ต้องรับผิดชอบร่วมกันไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม เหตุแห่งความวุ่นวายจะไม่เกิดขึ้นเลย หาก “สมศักดิ์-ค้อนปลอม” ไม่รีบเร่งรวบรัดพยายามจะเร่งการพิจารณาให้จบเร็วตามใบสั่งจากแกนนำเพื่อไทย
ต้องไม่ลืมว่า เวลานี้ สมศักดิ์ ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีในเพื่อไทย แกนนำ-ส.ส.หลายกลุ่มไม่ค่อยพอใจบทบาทการทำงานเท่าไหร่แถมส.ส.ในกลุ่มก็แทบไม่มีแล้ว เพียงแต่ว่าด้วยตำแหน่งประธานสภาฯ ยากจะไปเปลี่ยนตัวหรือกดดันให้ลาออกได้ แม้จะมีส.ส.เพื่อไทยจำนวนมากแสดงความไม่พอใจในตัวสมศักดิ์ที่มักคุมเกมในสภาฯไม่อยู่ คนอย่างสมศักดิ์ก็รู้เรื่องคนในเพื่อไทยจ้องจะเลื่อยขาเก้าอี้ตัวเองดี ก็เลยต้องเร่งทำงานเอาใจนายใหญ่และแกนนำเพื่อไทย
การเร่งสร้างผลงานของค้อนปลอมก็เลยปรากฏออกมาอย่างที่เห็นกลางที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อ 20 ส.ค.เช่นเดียวกับ นิคม ประธานวุฒิสภา ที่ก็พยายามเร่งเครื่องเต็มที่เพื่อให้ร่างแก้ไขรธน.ที่มาของส.ว.ออกมามีผลบังคับใช้ทันเพราะตัวเองก็ได้ประโยชน์เต็มๆ จากการจะได้ลงสมัครส.ว.อีกรอบที่ฉะเชิงเทรา
มันก็เลยเป็นสองประสานของค้อนปลอมกับนิคม ที่พร้อมใจกันดันทุรังจะเร่งผ่านร่างแก้ไขรธน.ฉบับนี้ออกมาให้ได้ โดยไม่สนใจว่าตัวเองจะถูกสมาชิกรัฐสภารุมสับอย่างหนักกลางสภาฯ เพราะทั้งสองคนคงดูแล้วว่า ทำแล้วมันคุ้ม อาจโดนด่าแบบไม่ไว้หน้าบ้างจากเพื่อนสมาชิกรัฐสภา ถึงขั้นมีเสียงตะโกนกลางห้องประชุม ไล่ให้ลงจากตำแหน่งประธานฯ
นิคมที่ก็เหลือเวลาในตำแหน่งประธานวุฒิสภาอีกแค่ประมาณ 6 เดือน ขณะที่สมศักดิ์ ที่เหลืออีกประมาณ 2 ปีหากไม่ยุบสภาเสียก่อน ต่างก็ยังต้องการอยู่บนถนนการเมืองอีกต่อไป มันก็ต้องเอาตัวแค่แลกอย่างที่เห็น
เฉพาะอย่างยิ่ง “ค้อนปลอม” ยอมเล่นบทเสี่ยง เอาตัวเข้าแลก ถึงขั้นระบุกลางที่ประชุม “จำเป็นต้องใช้อำนาจประธาน สั่งให้ลงมติ เป็นไงเป็นกัน เกิดอะไรขึ้น ผมรับผิดชอบเอง”
เหตุที่สมศักดิ์ต้องเล่นบทแข็ง-ขึงขังเช่นนี้ เป็นการเล่นไปตามบทเพื่อทำให้แผนชำเรารัฐธรรมนูญของทักษิณและเพื่อไทยทุกร่างทุกมาตราสำเร็จลงให้ได้ ในช่วงสองปีต่อจากนี้
นั่นเพราะสมศักดิ์ มองข้ามช็อตแล้วว่า เก้าอี้ถัดไปต่อจากประธานสภาฯ คือตำแหน่งไหน แต่ก่อนจะได้ ต้องทำให้ผลงานเข้าตาคนแดนไกลก่อน